๔ หยอกเย้า (๒)
“ขอนั่งด้วยได้ไหมคะ” หล่อนอยู่ในชุดสายเดี่ยวสีแดงและกางเกงขาสั้นขาดปลาย ผมยาวปล่อยสยายกลางแผ่นหลัง ทั้งผิวขาวเรียบเนียนดุจน้ำนม เล่นเอาเขาเมากับความโอโม่ทีเดียว
“เชิญครับ” ขยับเล็กน้อยให้เธอนั่ง
“มาคนเดียวเหรอคะ” ถามเสียงหวานปานน้ำผึ้ง ทำเอาร่างสูงต้องตอบกลับทันที
“มากับเพื่อนครับ แต่เพื่อนไปเต้นผมเลยต้องอยู่คนเดียว” แววตาคมฉายความเจ้าชู้ เล่นเอาสาวที่คิดจะมาลองดูถึงกับยกยิ้มมุมปากถูกใจ มือเรียวยกขึ้นลูบแขนล้ำ
“อยากให้ก้อยอยู่เป็นเพื่อนไหมคะ” กรีดนิ้วลงไปยังแผงอกหนาแล้ววนรอบตำแหน่งอ่อนไหวจนเขากัดฟันกรอด จะกล้าไปแล้วผู้หญิงคนนี้
“ไม่เป็นไรครับ ผมอยู่คนเดียวได้” สวยขนาดนี้คงไม่ได้ตัวเปล่าเล่าเปลือยแน่ กลัวว่าจะมีเจ้าของอยู่แล้ว เผื่อลากเขาไปซวยด้วยทำอย่างไร
ที่ได้มาทำงานอยู่บ้านก็เพราะไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงของคนใหญ่คนโต ทั้งที่ตนเองไม่ได้ทำอะไรผิดแท้ๆ กลายเป็นกลัวการเข้าหาไปโดยปริยาย ถ้าเลือกได้ก็ขอมองอยู่ห่างๆ ดีกว่า ไม่อยากมีเรื่องมีราวอีกแล้ว
“แต่ก้อยอยากอยู่ด้วยนิคะ อยู่กันหลายคนจะได้สนุก” บดเบียดกายเข้าหา พลางใช้สองเต้าที่โผล่พ้นขอบเสื้อมาโดนแขนชายหนุ่มอีกต่างหาก คีรินทร์ถึงกับไปไม่เป็นรีบขยับออกห่างแล้วหาข้ออ้างที่พอนึกได้
“ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” ลุกจากที่นั่งอย่างรวดเร็ว พลางเดินไปที่ห้องน้ำก่อนจะถอนหายใจเมื่อเปิดประตูเข้าไปข้างใน
ไม่รู้ว่าทำไมช่วงนี้มีแต่คนเข้าหา ถึงปกติจะมีผู้หญิงส่งสายตาเชิญชวนบ้างแต่ก็ไม่ได้โจ่งแจ้งขนาดนี้ ความหล่อเป็นเหตุก็ไม่น่าจะใช่เพราะขนาดพี่ชายเขาหล่อเหลาปานนั้นยังไม่ค่อยมีผู้หญิงเข้ามาเล่นด้วยเท่าไหร่
“เฮ้ย” ตกใจเมื่อถูกดันเข้าไปชิดผนัง เขายังไม่ทันจะได้ทำอะไรผู้หญิงที่ชื่อก้อยก็เขย่งปลายเท้ามาครอบครองริมฝีปากหนุ่มหน้าหล่อที่ตนเองแสนถูกใจ แค่ได้อยู่ใกล้ร่างกายก็สั่นระริกอยากได้เป็นเจ้าของ กลิ่นน้ำหอมละมุน การแต่งกายแบรนด์เนมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ทำให้ทราบได้ในทันทีว่าฐานะของอีกฝ่ายคงไม่ธรรมดา
ดวงตาคมเบิกกว้างขึ้น กำลังจะผลักผู้หญิงออกประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดเสียงดัง พร้อมเสียงเข้มที่เรียกชื่อหญิงเพียงคนเดียวที่กล้าเข้ามาในห้องน้ำชาย
“อีก้อย!”
“พี่สิน!” ร่างบางเบิกตากว้างรีบผละออกจากหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา
วินาทีที่สบตากับคนมาใหม่คีรินทร์รู้ได้ในทันทีว่าความซวยมาเยือนตัวเองอีกแล้ว ลอบกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก รู้ทันทีว่าบังอาจไปแหย่หนวดเสือเข้าให้ เขามองหน้าชายหนวดเฟิ้มพลางฉีกยิ้มหวังบรรยากาศคลี่คลาย
“สวัสดีครับ ผมเห็นคุณผู้หญิงโดนมดกัดเลยมาช่วยเอาออก ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ” ค้อมตัวลงเล็กน้อยแล้วจะเดินออกไปแต่คนที่เหลือก็ไม่ขยับออกจากประตูสักนิด
มาคนเดียวไม่พอยังพาพวกกว่าสี่ห้าคนมาอีก เหงื่อออกโดยอัตโนมัติได้แต่หวังว่าเพื่อนที่กำลังสนุกกับการเต้นอยู่ข้างนอกจะรับรู้ว่าเขาหายไปและมาช่วยทันเวลา
“มึงคิดว่าแอบมาเอาเมียกูแล้วกูจะปล่อยมึงไปง่ายๆ เหรอ” ถามเสียงเข้มพร้อมดวงตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธ
“พาอีนี่ออกไปก่อน กูจะจัดการไอ้คนที่บังอาจมายุ่งกับเมียชาวบ้าน” หญิงสาวถูกพาออกไปไม่วายหันมามองคีรินทร์อย่างให้กำลังใจ
มีผัวแล้วมายุ่งกับผมทำไมครับ! มาหลอกให้ถูกยำเล่นมันใช่ที่ไหนกัน
“คือคงเกิดการเข้าใจผิดกันนะครับ ผมยังไม่ได้ทำอะไรเมียพี่เลย” พยายามทำให้ตนเองผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ แต่ดูท่าจะยากเสียแล้ว
“กูเป็นลูกคนเดียว” ฝ่ายนั้นตอบกลับเสียงนิ่ง แล้วหันไปมองลูกน้องพลางพยักหน้า เป็นการส่งสัญญาณให้จัดการทันที
“คุยกันก่อนพี่ คุยกันก่อน” ไม่ทันจะพูดอะไรมากกว่านั้น คนแรกก็เข้ามาหาเรื่องและคีรินทร์ไม่มีทางหนีเพราะประตูถูกคนของฝั่งนั้นยืนขวาง
เอาวะ! ลองดูกันสักตั้งจะเป็นอะไรไป ในเมื่อเขาเคยเรียนทั้งมวยไทย เทควันโด ยูโด คาราเต้มาแล้ว มันคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรอก แต่พอมองไปฝ่ายนั้นมีทั้งไม้หน้าสาม สนับมืออีก อยากร้องไห้แล้วอ้อนวอนร้องขอชีวิตเหลือเกิน
จะรอดไหมวะไอ้คี
“ผมว่าเราสู้กันแบบตัวต่อตัวดีกว่า อย่าเล่นไม้ อั้ก” พูดไม่ทันขาดคำก็ถูกชกเข้าให้ที่หน้า เปิดเกมได้สวยเลยทีเดียว มาคอยดูหันว่าหลังจากนี้ใครจะลงไปกองกับพื้น คนอย่างคีรินทร์ไม่เคยแพ้ใครและไม่มีทางยอมแพ้ด้วย
ลองสักตั้ง!
สกลเหนื่อยหอบหลังจากเต้นกับเพื่อนอย่างเมามัน กลับมาที่โต๊ะก็ไม่เห็นเพื่อนสนิทที่มาด้วยกัน มองซ้ายแลขวาก็เริ่มกังวล แต่สงสัยคงไปเข้าห้องน้ำแหละ ชายหนุ่มจึงนั่งลงที่เดิมดื่มน้ำแก้กระหาย นั่งฟังเพลงรอคนที่ไปทำธุระ
แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เห็นคีรินทร์ เริ่มสังเกตถึงความไม่ชอบมาพากลจึงได้เดินไปยังห้องน้ำชาย ระหว่างทางก็ได้ยินเสียงคนสนทนากัน
“มึงเห็นคนตีกันที่ห้องน้ำไหมวะ”
“ไม่เห็น แต่ได้ข่าวว่าสิบรุมหนึ่ง ไม่อยากคิดสภาพคนโดนเลยว่ะ ปางตายแน่” เหมือนมีลางสังหรณ์ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเพื่อนของตนเอง รีบก้าวไปยังห้องน้ำชายแล้วแอบดูตรงช่องเล็กๆ ไม่เห็นใครอยู่ข้างในถึงได้เปิดประตูออก
มองที่พื้นก็พบคีรินทร์นอนบาดเจ็บจึงรีบวิ่งเข้าไปหา “ไอ้คี ตายหรือยังวะ” ไม่กล้าจับร่างกายกลัวกระดูกเคลื่อน จึงสำรวจภายนอกเท่าที่เห็นก็ใบหน้าฟกช้ำ เลือดกบปาก คิ้วแตก ตามแขนมีรอยปริแตกของเนื้อจนเห็นเลือดไหลออก
“เรียกรถพยาบาล ให้กูที” ยังพูดได้แสดงว่ามันไม่ตาย สกลรีบโทรเรียกรถพยาบาลทันทีก่อนจะมองไปยังพื้นที่รอบบริเวณห้องน้ำพบชายร่างหนากว่าห้าคนนอนสลบไม่ได้สติ
อย่าบอกนะว่าไอ้คีมันจัดการคนพวกนั้น...โอ้ นี่เพื่อนเขาเป็นคนเหล็กอย่างนั้นเหรอ สภาพถึงไม่ได้ย่ำแย่เหมือนที่ควรจะเป็น
เจ้าของไร่รุ่งอรุณเดินแกมวิ่งเข้ามาในโรงพยาบาลเอกชนพร้อมภรรยา หล่อนมีสีหน้าวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด กดลิฟต์ไปยังชั้นห้องพักของคนเจ็บ จำเลขได้ขึ้นใจเมื่อเพื่อนของลูกชายโทรมาบอกตอนเช้าว่าคีรินทร์ถูกทำร้ายร่างกาย ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล
ใจของคนเป็นแม่หล่นไปอยู่ตาตุ่ม เกือบเป็นลมแล้วหากสามีไม่ยื่นยาดมให้ก่อน ใช่ว่าลูกคนเล็กไม่เคยถูกทำร้ายร่างกายแต่ทุกครั้งไม่ร้ายแรงจนถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล อย่างมากก็ฟกช้ำดำเขียวกลับบ้าน มาคราวนี้คงหนักหนามากจริงๆ
“เป็นไงบ้างลูก” เปิดเข้ามาภายในห้องพักเดี่ยวก็ถามสกลทันที ชายหนุ่มอยู่เฝ้าเพื่อนทั้งคืนก่อนจะตัดสินใจบอกครอบครัวของคีรินทร์ในช่วงเช้า
“หมอบอกว่าแขนหักต้องใส่เฝือกครับ ขาเดินได้ปกติไม่เป็นอะไร แล้วก็สมองไม่ได้รับการกระทบกระเทือน จะมีแค่ใบหน้าโดนหนักหน่อย สงสัยเขาอิจฉาที่มันหล่อ” พยายามเล่นมุกแต่หญิงวัยกลางคนไม่ขำ
เธอเดินไปหาลูกชายที่หลับสนิทบนเตียงในชุดผู้ป่วย ทั้งแขนยังถูกเคลือบด้วยปลาสเตอร์สีขาว ยกมือขึ้นลูบศีรษะบุตรชายพลางมองด้วยความสงสาร ดูแลอย่างทะนุถนอมมาตลอดกลับต้องเจ็บตัว ใครก็รู้ว่าคีรินทร์เป็นลูกรักของคุณบุลลา
เพราะคอยช่วยเหลือแม่ทำอาหารตลอด ทั้งยังช่างพูดจาฉอเลาะ เล่นเอาบุลลาลืมสามีไปพักหนึ่งจนเหมือนว่าคุณพณณกรจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับลูกชายคนเล็กของตนเอง
“มันเกิดอะไรขึ้น” เจ้าของไร่รุ่งอรุณเข้าไปถามสกล คนที่อยู่ด้วยกันต้องรู้เรื่องและสายตาที่ท่านจ้องมองเพื่อนลูกชายทำเอาอีกฝ่ายรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ
“ผมรู้มาว่าไอ้คีมันไปยุ่งกับผู้หญิงของเจ้าถิ่น ก็เลยโดนรุมครับ แต่มันก็ป้องกันตัวจนเขาเข้าโรงพยาบาลเหมือนกัน แล้วก็น่าจะหนักกว่ามันด้วย” เพิ่งมารู้ตอนที่ตำรวจเข้ามาสอบถาม ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดมันเกิดจากเพื่อนของเขาที่ไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่น
อืม...มันน่ากระทืบซ้ำไหมเนี่ย
คุณพณณกรฟังจบก็กุมขมับทันที ไม่รู้ไอ้ลูกชายคนเล็กมันได้ความเจ้าชู้มาจากใคร เขานั่งลงบนโซฟามองภรรยาที่ลูบหัวลูกชายด้วยความห่วงใย
กลัวเหลือเกินว่าสักวันถ้าคีรินทร์ยังเป็นแบบนี้คงได้จากไปก่อนวัยอันควร คิดแล้วก็ปวดหัวจนอยากหายาพารามากินสักสิบเม็ดเหลือเกิน เล่นเอาไมเกรนขึ้นวันละหลายรอบ นี่ขนาดกลับมาอยู่บ้านเกิดยังสามารถสร้างเรื่องได้
เจริญจริงพ่อคุณ
“เอ่อ ผมขอตัวไปโทรหาภรรยาก่อนนะครับ” เห็นห้องตกอยู่ในความเงียบจึงเอ่ยขึ้น เจ้าของไร่เงยหน้ามองสกลทันที
“มีเมียแล้วทำตัวดีขึ้นไหม” ถามขึ้นด้วยความอยากรู้เล่นเอาคนไม่ทันตั้งตัวขมวดคิ้ว
“ก็ดีขึ้นครับ” เกร็งแปลกๆ ยามคุยกับบิดาของเพื่อนสนิท อาจเพราะความหน้านิ่งของท่านที่ทำให้เขาต้องระวังคำพูดคำจาตลอด
“แล้วถ้าคีมันมีเมียล่ะ มันจะดีขึ้นไหม” เกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง คนอย่างคีรินทร์ถ้ามีแฟนจะเป็นอย่างไรน่ะเหรอ
เขาเคยเห็นมันคบกับรุ่นพี่ตอนอยู่มอปลาย จากที่เคยเกเรเที่ยวเตร่ก็อ่านหนังสือมุ่งมั่น ยิ่งแฟนมันจะเข้าคณะแพทย์ต้องเข้าห้องสมุดบ่อยครั้งเพื่อนเขาถึงกับยกเลิกนัดตอนเย็นแล้วเข้าอ่านหนังสือเป็นเพื่อนหญิงสาว เรียกได้ว่าเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างเห็นได้ชัด
“ดีขึ้นครับ น่าจะอยู่กับร่องกับรอยมากขึ้น” ฟังเช่นนั้นก็ยกยิ้มพึงพอใจ เหมือนเห็นแสงที่ค่อยสว่างขึ้นท่ามกลางความมืดมิด
“ไปโทรหาเมียเถอะ” บอกสกลเสียงเรียบ ร่างสันทัดจึงได้ค้อมศีรษะแล้วเดินออกไปโทรหาภรรยา ปล่อยสองสามีภรรยาดูแลลูก
“ทำไมยิ้มแบบนั้น คิดอะไรอยู่” บุลลาลุกจากเก้าอี้ข้างเตียงคนเจ็บมานั่งโซฟา มองใบหน้าคมเข้มที่ยังคงความหล่อเหลาด้วยความหวาดระแวง เห็นแล้วเหมือนตัวร้ายคิดแผนทำลายตัวเอกอย่างไรอย่างนั้น ร่างสูงหันมามองภรรยาที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานาน
“พี่คิดออกแล้วว่าจะทำยังไงให้ลูกชายสุดที่รักของบัวไม่ต้องเจ็บตัวแบบนี้อีก” คนเป็นภรรยาเลิกคิ้วขึ้น ไม่เข้าใจที่สามีพูดสักเท่าไหร่
“พี่หมายความว่ายังไง” พณณกรยกยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ก็ที่ไอ้คีมันเอ้อระเหยลอยชายเป็นพ่อพวงมาลัยแบบนี้เพราะมันโสดไง ถ้าเราทำให้ลูกไม่โสดก็หายห่วง” คนพูดพยักหน้ามั่นใจในความคิดของตนเอง
“จะหาแฟนให้ลูกเหรอคะ” เริ่มตามเขาทันจึงถามขึ้น
“ไม่ใช่แค่แฟนสิ พี่จะหาเมียให้ลูกชายสุดที่รักของบัวต่างหาก” สองสามีภรรยามองหน้ากัน บุลลาคิดหนักกังวลกับแผนของสามี เชื่อว่าลูกชายที่ได้พ่อไปหมดเสียทุกอย่างมีหรือจะยอมให้จับคลุมถุงชนได้ง่ายๆ
หล่อนกำลังจะแย้งแต่ประตูห้องพักก็เปิดขึ้นเสียก่อน เห็นมารดาของตนเองมาพร้อมกับหลานสาวที่นึกเอ็นดู สายตาของคุณสามีก็จับจ้องที่มธุรดาอย่างมีเลศนัย
อย่าบอกนะว่า...เขาคิดจะจับเด็กสองคนแต่งงานกัน!