บท
ตั้งค่า

๔ หยอกเย้า (๑)

หยอกเย้า

ใกล้ปิดเทอมใหญ่เด็กๆ ต่างก็ดีใจพากันวางแผนถึงช่วงปิดเทอมกว่าสามเดือน ส่วนคุณครูยุ่งกับการออกข้อสอบ เสร็จแล้วต้องมาตรวจข้อสอบ ตัดเกรดให้นักเรียน หากใครติดศูนย์ก็ต้องมาแก้ซึ่งดีที่โรงเรียนแห่งนี้เด็กส่วนมากแข่งกันเรียน คนติดศูนย์แต่ละห้องจึงไม่เยอะนัก

หลังเลิกเรียนหล่อนเดินไปยังห้องพักครู นั่งตรวจงานให้เรียบร้อยแล้วค่อยเริ่มเก็บของให้เป็นระเบียบ ยิ้มอย่างพึงพอใจค่อยหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย บอกลาคุณครูอีกสองท่านที่อายุใกล้เกษียณแล้วค่อยเดินออกจากห้องพัก ยกนาฬิกาขึ้นดูเวลาแล้วจึงขี่มอเตอร์ไซค์กลับห้องที่พักของตนเอง

จอดเครื่องยนต์สองล้อไว้หน้าอาคารพาณิชย์ใกล้ที่ทำงานตนเอง เดินเข้าไปภายในร้านอาหารตามสั่งที่เขียนป้ายไว้ว่า ร้านแม่บานเย็น ใบหน้าหวานฉีกยิ้มแล้วยกมือไหว้เพื่อนสนิทของคุณยายตนเองอย่างยายบานเย็น

“กลับมาเร็วจังลูก กินอะไรมาหรือยัง” ถึงอายุเข้าเลขเจ็ดแล้วทว่าก็ยังแข็งแรงกระฉับกระเฉง เปิดร้านอาหารราคาถูกที่คนทำงานแวะเวียนมารับประทานบ่อยครั้ง

คราแรกที่ได้มาอยู่ในตัวจังหวัดก็คิดมากเรื่องบ้านพัก หากไปเช่าบ้านอยู่ก็เปลือง เงินเดือนใช่ว่าจะมากไหนจะค่าน้ำค่าไฟอีก ป้าบุลลาจึงได้เสนอเข้ามาให้ความช่วยเหลือโดยการให้มาอยู่กับมารดาของตนเอง

ร้านอาหารแสนเลิศรสแห่งนี้เปิดมาหลายสิบปี ลูกค้าแวะเวียนมากินไม่ขาดสาย ช่วงแรงท่านก็ทำเองแต่ช่วงหลังๆ ร่างกายไม่เอื้ออำนวยบุตรสาวจึงเปิดรับสมัครพนักงาน บอกให้ปิดก็ไม่ยอมเพราะผูกพันกับร้านนี้ไปแล้ว

“ยังเลยค่ะคุณยาย” วางกระเป๋าไว้บนโต๊ะ แล้วค่อยช่วยคุณยายเก็บร้านเพราะลูกน้องกลับหมดแล้ว

“ยายทำกับข้าวไว้ให้ตั้งเยอะ อยู่หลังบ้านไปกินเลยนะลูก” พยักหน้ารับแล้วเช็ดโต๊ะจนสะอาด กวาดพื้นที่มีเศษอาหาร แล้วค่อยยกเก้าอี้ขึ้นวางบนโต๊ะ

เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยจึงได้ขึ้นไปบนห้องนอนชั้นสองของตนเอง เธออาศัยอยู่ห้องด้านขวาที่เคยเป็นห้องนอนของภูตะวันและศศินายามเป็นเด็ก ทว่าตอนนี้เตียงสองตัวถูกขยับให้ชิดกันทำให้มีพื้นที่ว่างมากขึ้น มีตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง และโต๊ะอ่านหนังสือที่เอาไว้ตรวจงานเด็กนักเรียน

เธอจัดห้องให้เป็นระเบียบอยู่เสมอ ถือคติว่ามาอยู่บ้านท่านก็ต้องช่วยดูแลงานบ้าน หญิงสาวจึงทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือคุณยาย ก่อนหน้านี้น้ามะลิอยู่ด้วยกระทั่งได้ไปเป็นปลัดอยู่อีกจังหวัดคุณยายบานเย็นจึงต้องอยู่เพียงลำพัง

ดีที่มีมธุรดามาอยู่เป็นเพื่อนพอให้บุลลาพอคลายความกังวล แต่อีกไม่นานคงจะให้มารดาเลิกทำร้านแล้วจ้างพนักงานมาประจำ ด้วยเป็นห่วงสุขภาพท่าน ช่วงนี้เป็นความดันบ่อย ไหนจะเบาหวานอีก ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด

เปลี่ยนเสื้อผ้าล้างหน้าเรียบร้อยจึงลงมาข้างล่าง ด้านหลังบ้านเป็นสวนขนาดเล็กที่มีพืชผักสวนครัวและดอกมะลิส่งกลิ่นหอม หล่อนนั่งบนแคร่แล้วเปิดฝาชีที่ครอบอาหารออก เห็นต้มข่าไก่ ปลานิลทอดน้ำปลา น้ำพริกลงเรือพร้อมผักแสนอร่อยก็น้ำลายสอ

“คุณยายมากินข้าวด้วยกันสิคะ” เอ่ยชวนทันทีเมื่อท่านเดินมาหลังบ้าน

“หนูกินเถอะ ยายเรียบร้อยแล้ว” ท่านหยิบตะกร้าแล้วนั่งย่องย่อลงเก็บผัก มีทั้งใบกระเพรา พริกสด ผักชี ขึ้นฉ่าย ไม่ต้องไปหาซื้อที่ตลาดเพราะเก็บจากหลังบ้านตลอด ยกเว้นช่วงไหนผลผลิตเริ่มน้อยลงก็ได้ลูกสาวนำมาให้จากไร่

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ยายต้องทำกับข้าวไว้เยอะๆ แล้วสิ” นึกขึ้นได้จึงเอ่ยออกมา เล่นเอาคนที่กำลังเอร็ดอร่อยกับอาหารต้องถามด้วยความอยากรู้

“ทำไมเหรอคะ ป้าบัวจะมากินข้าวกับเราเหรอ” บุลลาไม่ค่อยเข้าเมืองบ่อย จะมีบางครั้งที่ต้องมาส่งขนมหรือแวะหามารดา

“ไม่ใช่หรอก ยายจะทำกับข้าวไปให้คี เห็นว่าพรุ่งนี้อยู่ที่ทำงานพอดีเลย” ตกใจจนช้อนแทบหล่น รีบกลืนข้าวลงแล้วหยิบน้ำมาดื่ม

“หมายความว่ายังไงเหรอคะ คุณคีอยู่กรุงเทพฯ ไม่ใช่เหรอคะ” ถามเสียงรัวจนลิ้นเกือบพันกัน

“เขาย้ายมาอยู่ที่นี่แล้ว อยู่ห่างจากร้านเราไม่มาก แต่เดินไปคงไม่ไหวหรอก ยายเลยบอกให้เขามากินข้าวเที่ยงที่นี่” ข่าวใหม่ที่เธอเพิ่งรู้ เล่นเอามธุรดาคิดหนัก ถ้าอยู่ใกล้กันแบบนี้จะมีโอกาสเจอกันหรือเปล่า ไม่อยากเจอชายหนุ่มสักเท่าไหร่

ถึงล่าสุดที่พูดคุยกันเขาจะดูเป็นผู้เป็นคนมากกว่าเดิมแล้วก็เถอะ แต่ความกลัวที่อยู่ในใจมาหลายปีก็ยังไม่สามารถทำให้สนิทใจกับอีกฝ่ายได้ ถอนหายใจเล็กน้อยจนยายบานเย็นหันมามองหลานสาวที่นึกเอ็นดู

“แล้วทำไมเรียกพี่เขาว่าคุณล่ะ ยายบอกให้เรียกพี่คี” ถามพลางหันไปเด็ดใบกระเพรา คุณครูตัวเล็กตอบในลำคอเสียงเบาที่พอจับใจความได้

“มันไม่ชินนี่คะ”

“ทีตะวันยังเรียกพี่ได้เลย” เห็นเรียกพี่ตะวันจนคุ้นปาก ในขณะที่เรียกศศินาว่าคุณหนูจันทร์ตามความเคยชิน และค่อนข้างสนิทกับพี่สาวคนสวยที่ตอนนี้กลายเป็นคุณแม่ลูกหนึ่งแล้ว

“ก็...มันคนละกรณีกันนะคะคุณยาย” พยายามหาข้อแก้ตัวแต่ท่านก็เหมือนรู้ทันว่าหญิงสาวกลัวหลานชายคนเล็กของตนเอง ไม่รู้ว่าคีรินทร์ไปทำวีรกรรมอะไรเอาไว้ถึงทำให้หญิงสาวแสนน่ารักคนนี้กลัวจนต้องหดตัวเข้าไปอยู่ในกระดองทุกครั้งที่พูดถึง

“เรานี่จริงๆ เลย กินต่อเถอะยายไปเด็ดผักก่อน” ส่ายหน้าพลางอมยิ้มแล้วลุกขึ้นเดินเข้าไปในบ้าน ปล่อยคนตัวเล็กไว้เพียงลำพัง

ไม่รู้ว่าคีรินทร์จะกลับมาทำไม ทั้งที่เห็นชอบเมืองกรุงแท้ๆ กลับบ้านแค่ช่วงปิดเทอมซึ่งแน่นอนว่าหล่อนพยายามไม่ออกไปไหนให้พบเจอชายหนุ่ม ได้ยินข่าวว่าช่วงไหนที่ร่างสูงกลับบ้านมักมีสาวๆ หน้าตาสะสวยแวะเวียนมาที่ไร่ไม่ขาดสาย

น่าจะแต่งงานแล้วย้ายไปอยู่ต่างประเทศซะก็ดี..จะได้ไม่ต้องพบเจอกันอีก

“คีคะ วันนี้ออกไปไซต์งานหรือเปล่า” สาวสวยประจำบริษัทเดินเข้ามาหาชายหนุ่มหน้าใหม่ที่ถูกส่งจากบริษัทใหญ่ให้มาลงยังสำนักงานประจำจังหวัด มาทำได้กว่าสองสัปดาห์และเริ่มปรับตัวได้บ้างแล้ว จะมีก็แต่สิ่งหนึ่งที่เขาต้องระงับความต้องการส่วนลึกเอาไว้

คือเพื่อนร่วมงานสาวสวยที่มั่นมาอ่อยให้อยากเหลือเกิน แม่เจ้าประคุณเล่นใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นมาทำงาน ไหนจะสายเดี่ยวกับกางเกงแนบส่วนเห็นรูปร่างทั้งหน้าอกหน้าใจแสนใหญ่โตนั่นอีก ต้องบังคับสายตาตัวเองสุดๆ

มีปณิธานจะไม่ยุ่งกับเพื่อนร่วมงาน ต้องทำให้ได้!

“ไอ้คี ไปยัง” แล้วก็เหมือนมีฟ้ามาโปรด เพื่อนสนิทของเขาอย่างสกลเดินเข้ามาถาม โชคดีเหลือเกินที่ได้มาทำงานอยู่บริษัทเดียวกับคนรู้จักแถมยังสนิทสนมจนแทบจะกลายเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว

ร่างสูงรีบดีดตัวลุกขึ้น คว้าเสื้อแจ็คเก็ตมาสวมแล้วหยิบแปลนทั้งหมดมาถือไว้ค่อยเดินไปกอดคออีกฝ่าย พลางค้อมศีรษะให้พีชญา วรณันธีรธรรม

“ผมขอตัวก่อนนะครับคุณบิวตี้” แล้วรีบลากสกลออกจากที่ทำงานอย่างรวดเร็ว เล่นเอาเพื่อนต้องส่ายหน้า หมั่นไส้กับเบ้าหน้าแสนหล่อเหลาของมันจริงๆ ไปที่ไหนมีเรื่องที่นั่น ขนาดอยู่เฉยๆ ยังมีเรื่องเลย

“ใช้กูเป็นไม้กันหมาอีกแล้ว” เดินไปยังรถยนต์ของสกลแล้วขึ้นไปนั่งข้างคนขับ นั่นหมายความว่าคีรินทร์จะไม่ขับเด็ดขาด

“หยาบคาย ว่าผู้หญิงแสนสวยเป็นหมาได้ไง เธอเป็นกระต่ายต่างหาก” คนฟังส่ายหน้าระอา

“สวยขนาดนั้นแล้วทำไมไม่จับแดกล่ะครับ” เริ่มสตาร์ทรถแล้วออกตัวไปยังไซต์ก่อสร้างตามหน้าที่รับผิดชอบ

“กูถือคติไม่กินคนที่ทำงานด้วยกัน เลิกราแล้วไม่คุ้ม คนอย่างกูไม่สามารถแยกงานออกจากเรื่องส่วนตัวได้ เพราะฉะนั้นกันไว้ดีกว่าถึงกระต่ายจะน่ากินมากแค่ไหนก็เถอะ” หล่อนสวยสะดุดตาตั้งแต่วันแรกที่เห็น ทว่าเหมือนไฟที่ถ้าเข้าไปเล่นด้วยต้องถูกเผาแน่

เขาจึงไม่คิดจะเป็นมากกว่าเพื่อนร่วมงาน อีกอย่างได้ข่าวมาว่าหญิงสาวเป็นเด็กเลี้ยงของเสี่ยใหญ่ ถ้าเกิดไปมีสัมพันธ์ด้วยได้หัวแบะแน่

“ครับ มืออาชีพจริงเลยนะมึง เออ แล้วไอ้รถสปอร์ตสีแดงของมึงไปไหน ทำไมเปลี่ยนมาเป็นสีดำ” ปกติเห็นคีรินทร์ขับรถสปอร์ตตลอด พอเปลี่ยนมาเป็นรถยนต์ธรรมดาจึงเกิดความสงสัย

“พ่อยึด บอกว่ามันสะดุดตาเกินไป เลยเอาคันที่อยู่ในโรงรถมาให้กูขับ ไม่เท่ห์เลยว่ะ ขับไปไหนสาวไม่ค่อยมอง” พูดทีเล่นทีจริงจนถึงไซต์งานจึงได้ลงมาตรวจงานที่ทำไปเพียงยี่สิบเปอร์เซ็นเท่านั้น งานของเขาคือรับผิดชอบเชิงโครงสร้าง

คอยดูแลและกำกับเรื่องการลงเสา เพดาน หรือส่วนต่างๆ ก่อนจะส่งงานให้ฝ่ายดูแลภายใน สวมหมวกเรียบร้อยจึงเข้าไปคุยกับสถาปนิกที่มาดูงานเช่นเดียวกัน พวกเขาพูดคุยค่อนข้างเคร่งเครียดก่อนจะเดินไปดูแต่ละชั้น

โครงการนี้เป็นการสร้างโรงแรมที่อยู่แถบชานเมือง เข้ามาภายในซอยกว่าเจ็ดร้อยเมตรก็เจอตัวอาคาร เน้นสูดอากาศบริสุทธิ์โดยรอบข้างแทบไม่มีบ้านเรือนผู้คน มีก็ต้นไม้สูงใหญ่ให้ความร่มรื่น และคลองน้ำขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า เป็นส่วนตัวพอสมควร

“ไปไหนต่อวะ กลับบ้านหรือไปสำนักงาน” หลังเสร็จงานก็ค่ำแล้ว ฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีสกลจึงถามเพื่อนที่มาด้วยกัน

“กลับสิวะ มึงเห็นกูขยันขนาดนั้นเหรอ” เช็ดเหงื่อตามลำคอ ถอดเสื้อนอกออกแล้วพาดไหล่ ร้อนจนแสบผิวไปหมด พอตกค่ำค่อยยังชั่วหน่อย

“เผื่อมึงอยากทำอีกโครงการไง” ส่ายหน้าทันที

“กลับบ้านดีกว่า ไม่สิ กูอยากไปเที่ยวผับว่ะ มึงไปเป็นเพื่อนหน่อย” กอดคอเพื่อนที่ตัวเล็กกว่า พลางเอ่ยชวนเพราะตั้งแต่มาที่นี่ยังไม่ได้ท่องราตรีสักคืน

“แต่ว่า” กำลังจะขัดแต่คนอยากไปก็รีบพูดขึ้นก่อน

“เมียมึงไปต่างจังหวัดไม่ใช่เหรอ วันเดียวไม่เป็นไรหรอก ไปเป็นเพื่อนกูหน่อย” รีบอ้อนทันทีเพราะถ้าสกลไม่ไปด้วยก็ไม่มีเพื่อนแล้ว

คนมีพันธะเหล่ตามองหนุ่มรูปหล่อ ที่ทำหน้าออดอ้อนกวนบาทาเสียเหลือเกิน วันนี้ภรรยาไปประชุมที่กรุงเทพฯ อีกสองสามวันถึงจะกลับ หากไปเที่ยวก็คงไม่เป็นไรหรอก แต่ว่าต้องโทรขอก่อนเดี๋ยวรู้ทีหลังกลัวว่าคอตัวเองจะไม่ได้อยู่บนบ่า

“เออๆ เดี๋ยวกูโทรบอกเมียก่อน” ตอบแบบขอไปที แล้วหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าจะกดโทรหาภรรยาก็โดนคีรินทร์ล้อเลียน

“กลัวเมียเหรอเรา กลัวเมียเหรอ”

“ไม่ได้กลัวเว้ย กูแค่ให้เกียรติเขา จะไปไหนก็ต้องบอกกล่าวกันก่อน ไว้มึงมีเมียแล้วจะรู้” หนุ่มวิศวกรมองตามแผ่นหลังของเพื่อนที่เลี่ยงไปคุยโทรศัพท์ แล้วก็ได้แต่คิดในใจว่าถึงจะแต่งงานมีเมียเขาก็จะเป็นตัวของตัวเองแบบนี้

ไอ้การโทรรายงานหรือขออนุญาตไปเที่ยวก่อนน่ะ ไม่เกิดขึ้นกับนายคีรินทร์แสนหล่อเหลาคนนี้อย่างแน่นอน คอยดูได้เลย

สองหนุ่มสลัดมาดวิศวกรมาเป็นลุคแสนเท่ห์เรียกสายตาของสาวๆ โดยเฉพาะร่างสูงที่ส่งสายตาหวานให้คนอื่นไปทั่ว พวกเขาจับจองโต๊ะแล้วสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทันทีเพราะคนเพิ่งมาทำงานอยากเหลือเกินหลังจากร่างกายขาดน้ำสีอำพันมาหลายสัปดาห์

มองไปด้วยทั่วร้านก็เป็นผับที่เข้าถึงได้ง่าย มีตรวจบัตรประชาชนด้านหน้าเหมือนทุกที่ เข้ามาข้างในจะมีมุมสำหรับนั่งชิวและกลุ่มขาแดนซ์ที่อยู่ติดเวทีหน่อย แน่นอนว่าสองหนุ่มเลือกจะนั่งหลังๆ ดื่มด่ำกับรสชาติของแอลกอฮอล์และเสียงเพลงไพเราะของนักร้องมือสมัครเล่น

“เป็นไง แอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกาย หายอยากบ้างไหม” ยกแก้วขึ้นดื่มน้ำแล้วหยิบถั่วลิสงคั่วสมุนไพรทอดมากิน

“ค่อยยังชั่วหน่อย ชีวิตกระปรี่กระเปราขึ้นมาทันที” ใบหน้าคมแย้มยิ้มออกมาอย่างมีความสุข มองนักร้องที่กำลังส่งร้องเพลงร็อคแสนครึกครื้น ยิ่งดึกทุกคนก็ยิ่งสนุกมากกว่าเดิม เพื่อนสนิทอย่างสกลก็เจอคนรู้จักถูกลากไปเต้นด้วยกัน

ทำให้คีรินทร์ต้องนั่งอยู่คนเดียวแล้วยกน้ำสีเข้มขึ้นดื่ม เขาโยกศีรษะไปตามเสียงเพลงก่อนที่สายตาจะถูกบดบังด้วยหญิงสาวรูปร่างสะโอดสะอง และที่สะดุดตาเห็นจะเป็นทรวงอกที่ใหญ่เกินตัวจนต้องลอบกลืนน้ำลาย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel