บท
ตั้งค่า

๓ เจ้าชู้จนได้เรื่อง (๑)

เจ้าชู้จนได้เรื่อง

รถยนต์สีแดงเพลิงขับมาอย่างรวดเร็วก่อนจะจอดลงยังหน้าตึกสูงของบริษัทวิจิตร จำกัด (มหาชน) อาคาร 20 ชั้นมีแผนกและพนักงานกว่าร้อยชีวิต เป็นการขยายตัวที่ใหญ่พอสมควร อีกทั้งมีบริษัทในเครือทั่วประเทศกว่า 30 จังหวัด กระจายงานได้มากทำให้กำไรในแต่ละปีเพิ่มขึ้นเป็นที่น่าพึงพอใจ

ร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตของแบรนด์เบอร์เบอรี่ทับด้วยแสลคเนื้อดีจากห้องเสื้อที่ใช้ประจำ รองเท้าผ้าใบราคาครึ่งหมื่น อีกทั้งนาฬิกาเรือนละห้าแสนของขวัญต้อนรับหลานชายจากญาติฝั่งบิดา พนักงานรักษาความปลอดภัยเดินเข้ามาค้อมศีรษะ รับรู้ว่าชายหนุ่มเป็นใครเพราะเข้ามาหลายครั้งตอนเรียนปริญญาตรี

ใบหน้าคมอมยิ้มแล้วยื่นกุญแจสปอร์ตคาร์ให้อีกฝ่าย เดินแกมวิ่งไปยังลิฟต์ซึ่งมีพนักงานยืนออกันเต็มไปหมด เวลาเข้างานคือเก้าโมงครึ่งและหากใครมีเหตุจำเป็นต้องออกไปดูงานข้างนอกบริษัทก็จะติดตามจีพีเอสในโทรศัพท์แทนการมาแสกนนิ้วช่วงเช้า

สาวหลายคนต่างให้ความสนใจคนมาใหม่ ด้วยรูปลักษณ์สูงหล่อ แถมยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ติดตัวทำเอาภายในกล่องโดยสารสี่เหลี่ยมเหมือนมีดอกไม้อยู่กลางทุ่งหญ้า เพราะอยู่ใกล้ปุ่มกดชายหนุ่มถึงได้กดเปิดค้างเอาไว้ให้คนออกไป

รอกระทั้งประตูปิดและทุกคนออกไปหมดถึงได้ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ยืนพิงพนังแล้วผิวปากอย่างมีความสุข ถึงจะบอกว่าต้องการพักแต่เอาเข้าจริงก็โหยหาการทำงานหามรุ่งหามค่ำ ชอบที่จะไปตามไซต์งานก่อสร้าง หรือพูดคุยเกี่ยวกับอาคารที่ก่อสร้าง

หลงใหลในศิลปะแขนงนี้จนถอนตัวไม่ขึ้น พอๆ กับที่ชอบในร่างกายของหญิงสาว เย็นนี้เพื่อนนัดไปเลี้ยงที่ผับหรูคงต้องรีบทำงานให้เสร็จโดยเร็วเสียแล้ว

ประตูเปิดออกยังชั้นผู้บริหารที่น้อยคนจะได้ขึ้นมา บรรยากาศที่คิดว่าจะเงียบวังเวงกลับไม่เป็นอย่างนั้น ทุกคนยุ่งและเดินไปมาจนแทบจะชนกันอยู่แล้ว เสียงถ่ายเอกสาร การติดต่องาน ใบหน้ายุ่งตลอดเวลา

“ผมมาพบคุณกองทัพครับ” เห็นป้ายหน้าห้องเขียนว่าประธานบริษัทถึงได้เดินเข้าไปหาเลขา ฝ่ายนั้นเงยหน้าขึ้นพลางยิ้มให้

“มาสายนะคะคุณคี” เลขาหุ่นอวบทักขึ้น หล่อนรู้จักชายหนุ่มคนนี้เป็นอย่างดีเนื่องจากจัดการเรื่องโอนค่าใช้จ่ายๆ ต่างให้มาโดยตลอด ทั้งคีรินทร์มักมาช่วยงานบริษัทยามหยุดเสาร์อาทิตย์ เพิ่งห่างหายช่วงอีกฝ่ายไปเรียนปริญญาโท

“รถติดครับ นี่ผมรีบสุดๆ เลย” หาข้ออ้างทั้งที่จริงเมื่อคืนเล่นเกมจนเกือบเช้า ทั้งที่อายุก็ปาเข้าไป 27 ปีแล้วแต่ก็ยังชอบจะสะสมเกมหรือเครื่องเล่นราวเด็กน้อย

“ถ้าทำงานจะมาสายไม่ได้แล้วนะคะ โดนคุณกองทัพหักเงินเดือนแน่ๆ” ขู่พลางอมยิ้ม แล้วลุกขึ้นไปเคาะประตูห้องทำงาน พอได้ยินเสียงตอบรับถึงได้เปิดประตูออก ผายมือให้ชายหนุ่มรุ่นลูกเข้าไปข้างในซึ่งคีรินทร์ก็โค้งศีรษะเป็นการขอบคุณ

ใบหน้าคมที่มีร่องรอยตามกาลเวลาของท่านผู้บริหารเงยขึ้นมองคนมาใหม่ แย้มยิ้มทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นหลานชายสุดที่รัก ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเดินเข้ามาหาพลางกอดคนที่สูงกว่าเอาไว้แน่น ไม่ลืมตบหลังเล่นเอาเจ็บไปหมด ค่อยผละออกแล้วเดินไปนั่งยังโซฟายาวสำหรับรับแขก

“นึกว่าจะหยุดพักก่อนซะอีก” เห็นวันที่จัดงานเลี้ยงคีรินทร์บอกขอเวลาพักสักหนึ่งถึงสองสัปดาห์แล้วจะเริ่มทำงาน แต่ไม่ถึงห้าวันก็มารายงานตัวซะแล้ว

“หยุดไม่ได้ครับ พ่อด่าตายเลย อยู่บ้านวันสองวันก็บ่นแล้ว” พูดถึงบิดาของตนเองที่เคี่ยวเข็ญให้มาทำงานเสียเหลือเกิน สงสัยกลัวว่าลูกชายจะเกาะกินเป็นปลิงเสียกระมัง

คนแก่กว่ายิ้มออกมาเล็กน้อย คุณกองทัพขึ้นตำแหน่งผู้บริหารวิจิตร จำกัด (มหาชน) แทนบิดาของตนที่เกษียณไปอยู่บ้านมาหลายสิบปี มีน้องชายอย่างนักรบดำรงตำแหน่งหัวหน้าวิศวกรที่มากความสามารถ

“เดี๋ยวลุงจะให้ไปทำงานกับทีมใหม่ของบริษัท มีแต่เด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกันทั้งนั้น น่าจะชอบ” ฉีกยิ้มกว้างทันที

“มีสวยๆ ไหมลุง” ถามอย่างเย้าหยอก แต่ไม่คิดจริงจังเพราะถือคติไม่จีบคนในที่ทำงาน เกิดมองหน้าไม่ติดจะพาลทำให้เสียงานเสียการซะเปล่า เขาเป็นพวกแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันไม่ค่อยได้เสียด้วย

“ทำไม จะจีบเหรอ ไหนบอกไม่จีบสาวที่ทำงานด้วยไง” รู้จักหลานชายเป็นอย่างดี ถึงจะเจ้าชู้ประตูดินแค่ไหนก็ไม่เคยยุ่งกับคนร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือลูกค้าก็ตาม คีรินทร์ถอยห่างและเว้นระยะไว้เสมอ

“พูดเล่นไปงั้นแหละลุง ไม่เอาหรอกเดี๋ยวมีเรื่องยุ่งยาก ผมไม่ชอบบรรยากาศอึดอัดในที่ทำงาน” ยักคิ้วให้แล้วคุยเรื่องงาน เขาต้องเข้าร่วมทีมใหม่ของบริษัทที่รับทำเฉพาะงานอาคารบ้านจัดสรรกว่าสิบหลัง ใช้เวลาหนึ่งถึงสองปีในการทำงาน เรียกได้ว่าเสร็จเมื่อไหร่เหมือนยกภูเขาออกจากอก

หลังรับรู้งานเรียบร้อยจึงเดินไปยังชั้นสิบสองที่อยู่ของเหล่าวิศวกรในทีมตนเอง เมื่อถึงยังชั้นที่หมายเขาก็เห็นความวุ่นวายหย่อมๆ คนเดินขวักไขว่ไปมาเล่นเอาเกือบลายตา ผลักประตูเข้าไปข้างในที่รอบห้องเป็นโต๊ะทำงาน ว่างส่วนตรงกลางไว้สำหรับประชุม มีกระดานไวท์บอร์ดตั้งไว้

เอาล่ะ เวลานี้แหละสำคัญ เขาจะเปิดตัวให้ทุกคนตะลึง!

“สะ เหวอ” กำลังจะสวัสดีก็มีคนมาเดินชนจนเกือบล้ม ดีที่จับโต๊ะข้างๆ ไว้ได้ทัน ฝ่ายนั้นหันมาค้อมศีรษะเป็นการขอโทษแล้วเร่งทำงานในส่วนตนเอง

รู้สึกว่าอะไรจะไม่เป็นอย่างที่หวังเสียแล้ว แต่คีรินทร์ก็ไม่ยอมแพ้ ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาคนที่เป็นหัวหน้าทันที ไม่นานทุกคนก็ให้ความสนใจแก่เพื่อนร่วมงานคนใหม่ และปรบมือต้อนรับเสียงดังโดยเฉพาะวิศวกรผู้หญิงซึ่งมีสองคนต่างเอ่ยแซวหนุ่มหล่อผู้เป็นอาหารตาคนใหม่

ช่วงพักเที่ยงก็พากันมารับประทานอาหารที่แคนทีนของบริษัท มีให้เลือกหลากหลายเมนูทั้งราคาไม่แพง ทุกคนรู้ถึงฐานะคนมาใหม่จากนามสกุลที่ใช้ วิจิตรประภา หลานเจ้าของบริษัทอย่างไรเล่า...

“ไอ้คี!” เสียงเรียกแสดงถึงความสนิทสนมทำให้ชายหนุ่มหันไปมอง พบเพื่อนที่เรียนด้วยกันตั้งแต่มัธยมจนถึงมหาวิทยาลัย คณะเดียวกันทั้งภาควิชาเดียวกันอีกด้วย

ร่างสูงเข้าไปหาเพื่อนทันที ก่อนจะล็อคพลางกอดแน่นด้วยความคิดถึง ทำเอาคนทักหายใจแทบไม่ออกรีบตีแขนหนา ส่งสัญญาณบอกให้ปล่อยก่อนจะขาดอากาศหายใจ

“ไอ้กล มึงมาไงวะ ไหนบอกกลับทำงานที่บ้าน” ใบหน้าคมแสดงออกถึงความดีใจ พลางเอ่ยถามสารทุกข์สุกดิบ เดินออกจากห้องอาหารของบริษัทเพื่อพูดคุยเป็นส่วนตัว

“กูก็ไปทำงานที่บ้านนั่นแหละ แต่ทำวิจิตรสาขาจังหวัดบ้านกูไงครับ เผื่อมึงลืมว่าบริษัทของบ้านมึงมีทั่วประเทศ” พยักหน้าเข้าใจทันที สกล หรือไอ้กลที่เพื่อนๆ พูดถึงกันนั้นเป็นเพื่อนที่สนิทของคีรินทร์ เรียกได้ว่าถึงไหนถึงกัน เที่ยวหัวราน้ำตั้งแต่สมัยเรียน

ตัวติดกันเป็นแฝด ทว่าพอสกลแต่งงานก็หายเงียบ ทำตัวติดเมียเล่นเอาคนเป็นเพื่อนน้อยใจ อีกอย่างเขาก็ไปเรียนต่อต่างประเทศไม่ค่อยได้พูดคุยกันสักเท่าไหร่ พอเห็นหน้าเลยดีใจไปหน่อย แสดงอาการทางด้านร่างกายเล่นเอาคนถูกกระทำต้องปรามบ้าง

“เฮ้ยดีใจว่ะที่เจอมึง กอดทีดิเพื่อน” กำลังจะเข้าไปกอดอีกรอบแต่สกลก็ผลักอกหนาไว้

“พอเลยเว้ย ไอ้นี่ ติดสกินชิพอะไรขนาดนั้น” ร่างสูงยักไหล่ ยอมรับอย่างไม่โต้แย้ง เขาติดการสัมผัสทั้งจากเพื่อนและคนรัก หากอยู่ในกลุ่มต้องคอยกอดคอเพื่อนสนิท ถ้าอยู่กับแฟนก็ชอบจับมือหรือนัวเนียเป็นกิจวัตร

ทว่าหลังเลิกกับแฟนคนล่าสุดเมื่อหลายปีก่อนก็ไม่ได้คบใครอีกเลย มีเพียงความสัมพันธ์ทางร่างกายเท่านั้น ซึ่งเขาก็ชอบที่มันค่อนข้างเป็นอิสระ จนตอนนี้เริ่มหวงความโสดเสียแล้ว

“แล้วมึงเป็นไง แต่งงานแล้วสุขเลยสิ” หนุ่มร่างท้วมส่ายศีรษะเล็กน้อย

“สยองสิไม่ว่า พอแต่งงานกันเมียกูเจ้ากี้เจ้าการเยอะขึ้นเลยว่ะ ขนาดกลับบ้านผิดเวลายังด่าจนเกือบลืมหายใจ” ถึงจะบ่นแต่แววตาก็เปี่ยมด้วยความสุข เล่นเอาคีรินทร์ส่ายศีรษะไม่ค่อยเชื่อคำพูดเท่าไหร่

“เมื่อก่อนมึงเจ้าชู้นี่หว่า” ใช่ว่าเขาจะขึ้นชื่อเรื่องผู้หญิงคนเดียวเสียเมื่อไหร่ สกลไม่ต่างกันเลย ท่องราตรีบ่อยกว่าใครเพื่อนอีก เห็นหน้าตาธรรมดาแต่คารมคมคายทำเอาสาวเคลิ้มมาหลายรายแล้ว ถ้าไม่เจอภรรยาที่เอาอยู่หมัดเสียก่อน ป่านนี้คงมีเมียเป็นโขยง

“ดีใจที่มึงกลับมาว่ะ ถ้ากลับบ้านเมื่อไหร่เรียกกูได้ตลอด พร้อมไปหาเสมอ” พวกเขาอยู่จังหวัดเดียวกัน เรียนมัธยมต้นที่จังหวัดเดียวกันก่อนจะย้ายมาเรียนมัธยมปลายยังเมืองหลวง พร้อมต่อมหาวิทยาลัยที่นี่เลย

ตอนแรกคีรินทร์จะชวนเพื่อนมาหารค่าห้องด้วยกัน แต่เพราะติดความเป็นส่วนตัวถึงได้อยู่คนเดียวในห้องกว้าง หรือบางทีก็ไม่ค่อยกลับห้องอาศัยห้องคนอื่นหากอยู่ในช่วงทำรายงาน หรือธีสิสจบมหาวิทยาลัย

“ทีกูจัดงานเลี้ยงมึงไม่มา”

“ช่วงนั้นยุ่ง งานท่วมหัวเอาตัวเกือบไม่รอด” ปรับทุกข์เรื่องงานก่อนจะแยกย้าย ไปทำหน้าที่ของตนเอง วันแรกผ่านไปด้วยดี สถานการณ์สำหรับคีรินทร์ค่อนข้างน่าพอใจ เขาเข้ากับคนอื่นได้ง่ายอยู่แล้วทำให้บรรยากาศไม่ได้อึดอัด

ผ่านไปกว่าสองเดือนที่หลานชายเข้ามาทำงาน คุณกองทัพค่อนข้างพึงพอใจในงานที่ก้าวกระโดด พิสูจน์ฝีมือหนุ่มนักเรียนนอกได้เป็นอย่างดี จนได้รับมอบหมายงานโครงการใหญ่อย่างสร้างคอนโดมิเนียมของคุณหญิงลัดดาวัลย์

ชายหนุ่มค่อนข้างดีใจที่จะได้สร้างงานของตนเองบ้างแล้ว เขาเข้าไปประชุมกับทีมสถาปนิกของบริษัท ภาพร่างผ่านเรียบร้อย ขั้นตอนต่อมาจึงเป็นการคำนวณว่าจะใช้วัสดุอะไรบ้าง จำนวนเท่าไหร่ เมื่อได้ข้อตกลงแล้วถึงได้เข้ามาดูงานจริง

ภายในไซต์ก่อสร้างที่เริ่มขึ้นโครงเรียบร้อยแล้ว การก่อสร้างมักจะแบ่งการจัดการเกี่ยวกับงานโครงสร้างออกเป็น 3 ส่วน คือ ช่วงก่อนการก่อสร้าง ต้องดูแลเรื่องคำนวณวิเคราะห์ ออกแบบโครงสร้างของสิ่งก่อสร้าง และแรงต้านทานของวัสดุ

ช่วงก่อสร้างที่ต้องวางแผน จัดระบบงาน ควบคุมการทำงาน และช่วงส่งมอบงานที่ยังคงต้องมีการดูแลรักษา ติดตามความแข็งแรง โดยแต่ละช่วงก็มีวิศวกรเข้ามาเกี่ยวข้อง รับงานแต่ละส่วนตามความเชี่ยวชาญของตนเอง

คีรินทร์รับผิดชอบเกี่ยวกับโครงสร้าง ดูแลเกี่ยวกับฐานราก ตั้งแต่การลงเสา พื้น เพดาน แต่ละชั้นต้องใช้พื้นที่เท่าไหร่ แล้วค่อยมอบหมายงานให้ส่วนดูแลภายใน (Architect) ดูแลเรื่องการฉาบ ปูน ปูกระเบื้อง ทำงานคล้ายสถาปนิก

“คุณคีจะกลับแล้วเหรอครับ ไม่กินข้าวด้วยกันก่อนเหรอ” ลุงตุล หัวหน้าวิศวกรเข้ามาถามไถ่ ชายหนุ่มยกนาฬิกาพลางส่ายศีรษะ

“ไม่ไหวลุง เหนื่อยมาก วันนี้ไปดูงานหลายที่ ขอกลับไปพักผ่อนดีกว่า” ค้อมศีรษะแล้วบอกลาคนงาน เดินกลับไปยังรถสปอร์ตสีแดงเพลิงของตนเองซึ่งมีเพียงสองที่นั่งเท่านั้น ชายหนุ่มขับกลับคอนโดมิเนียมซึ่งอยู่ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย

เดี๋ยวนี้คอนโดสร้างที่จอดรถอัตโนมัติ เพียงนำเข้าไปจอดในลิฟต์ใสพร้อมกดชั้นที่อาศัยมันก็จะเคลื่อนไปส่งให้ทันที โดยไม่ต้องขับเอง สะดวกสบายพร้อมค่าใช้จ่ายที่แพงขึ้น

ร่างสูงผิวปากเข้ามาในคอนโดพลางควงกุญแจด้วยอารมณ์สุนทรี กะว่าจะพักผ่อนให้เต็มอิ่มหลักตรากตรำทำงานมาหลายเดือน ทว่าเขาต้องหยุดอยู่กับที่เมื่อเจอลูกค้าที่มานั่งรอพร้อมใบหน้าอมทุกข์

“คุณคี” คุณลัดดาวัลย์ ลูกค้าคนล่าสุดของเขา หล่อนอายุยังไม่มากเพียงสามสิบต้นๆ แต่ได้แต่งงานกับเศรษฐีแก่คราวพ่อจนร่ำรวยเงินทอง

เสียงสั่นเครือพร้อมแววตาที่คลอไปด้วยหยาดน้ำใส ก่อนที่จะใช้มือปาดออกไม่ให้โดนเครื่องสำอางที่แต่งแต้มมาอย่างดี คีรินทร์ทำตัวไม่ถูกว่าจะเอาอย่างไรดี จึงได้ทักทายตามปกติ

“สวัสดีครับคุณลดา มาหาเพื่อนเหรอครับ” ถามด้วยแววตาสดใส พยายามมองข้ามน้ำตาของหล่อน

“ลดามาหาคุณค่ะ มีเรื่องจะปรึกษา” ซื้อหวยทำไมไม่ถูกแบบนี้บ้างวะ!

เขายิ้มแห้งเมื่อสิ่งที่คิดเป็นจริง ใช่ว่ามองไม่ออกถึงความรู้สึกที่อีกฝ่ายมีให้ตนเอง แต่เขามีกฎแล้วว่าจะไม่มีจีบเพื่อนร่วมงานและลูกค้าเด็ดขาด อีกทั้งหล่อนมีเจ้าของเป็นถึงนักธุรกิจระดับหมื่นล้าน มีเส้นสายมากมายในวงการเดียวกันและการเมือง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel