๑ ต้อนรับกลับบ้าน (๒)
“นี่เธอ!” ถึงตะวันจะตกดินทำให้พื้นที่โดยรอบมืด แต่ก็ได้แสงไฟส่องใบหน้าหวานให้เห็นชัดเจนว่าพวกถ้ำมองคือใคร ดวงตาคมเบิกขึ้นเล็กน้อยแล้วลากหล่อนออกมาจากหลังต้นไม้ คนตัวเล็กที่แรงน้อยกว่าจำต้องเดินตาม
มือหนาบีบแขนเธอจนเจ็บไปหมด แต่ก็ไม่ร้องโอดครวญทั้งยังเม้มปากกลั้นเสียงเอาไว้ หญิงสาวคู่ขาของเขาเดินหนีไปรอบนรถยนต์ด้วยอารมณ์โกรธ ขณะที่คนถูกขัดขวางความสุขก็จ้องคุณครูประถมวัยนิ่ง ไม่เจอกันนานแต่ดูเหมือนร่างบางจะไม่เปลี่ยนไปสักนิด ส่วนสูงยังไม่พัฒนาขึ้นอีก เพียงไหล่เขาเท่านั้น
“เธอมาแอบดูฉันทำไม” เข้าเรื่องทันทีแต่หล่อนก็รีบปฏิเสธไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด ว่าแท้จริงแล้วคนที่มาน้ำตกแห่งนี้ก่อนคือใคร
“ฉันไม่ได้มาแอบดูนะคะ ฉันเข้ามาก่อนคุณ” แขนยังถูกบีบจนหน้าเหยเก พยายามสะบัดออกแต่แรงของคีรินทร์ก็มีมากกว่า
“ตอนฉันเข้ามาไม่มีแม้แต่หนูสักตัว แล้วเธอจะเข้ามาก่อนได้ยังไง” โต้กลับจนหล่อนต้องอธิบายเพื่อแสดงถึงความจริงใจไม่ต้องการจะมาแอบดูเขาสักนิด ใครเขาจะอยากดูคนรักเล่นหนังสดกัน อุบาทว์จะตาย
“ฉันเข้ามาก่อนแต่พอเห็นพวกคุณเข้ามาก็รีบไปหลบ ฉันไม่อยากรบกวน แล้วก็ไม่เห็นอะไรที่พวกคุณทำด้วยกันทั้งนั้นแหละ ฉันไม่ได้มองแม้แต่นิดเดียว” สบตาเขาพลางรีบหลบเมื่อสายตาคู่นั้นมองมาเหมือนไม่เชื่อ
“ถ้าไม่ได้มองแล้วรู้ได้ยังไงว่าพวกฉันกำลังทำอะไร” ตั้งข้อสงสัยซึ่งหล่อนก็ตอบเสียงเบาจนเกือบไม่ได้ยิน
“ฉันได้ยิน” อยากออกไปจากการถูกสอบสวนที่หล่อนไม่ผิด แต่เหมือนคีรินทร์จะยัดเยียดให้ผิดเสียอย่างนั้น แขนก็ถูกจับแน่นไม่ยอมปล่อยจนคิดว่ามันต้องเป็นรอยแดงอย่างแน่
“พูดดังๆ ไม่เป็นหรือไง อ้ำอึ้งอยู่ในลำคอแบบนั้นใครจะไปได้ยิน” เกลียดเขาเหลือเกิน ทำไมเป็นผู้ชายที่หาความดีไม่ได้ขนาดนี้ ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองคนที่ผู้หญิงตบตีกันเพื่อแย่งชิง แต่สำหรับเธอแล้วต่อให้แถมฟรีพร้อมที่ดินห้าสิบไร่ก็ไม่เอาหรอก
“ฉันบอกว่าฉันได้ยินที่คุณกับคนของคุณพูดกัน” ตอบเสียงดังกว่าเดิมจนแทบเป็นตะโกน เขาถึงกับถลึงตาใส่
“ตะโกนทำไมอยู่ใกล้แค่นี้ เธอเป็นบ้าเหรอ” ถ้ากล้ากว่านี้สักนิดจะชกเข้าใบหน้าคมแล้ว
“ปล่อยฉันได้หรือยังคะ ฉันไม่เห็นไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น แล้วฉันก็ต้องรีบกลับบ้านด้วย” ร่างสูงไม่พูดอะไรเอาแต่จ้องคนตัวเล็กนิ่ง
ที่จริงหล่อนไม่เคยเรียกเขาว่าพี่สักครั้ง เอาแต่เรียกคุณคีหรือไม่ก็คุณเฉยๆ แต่กับพี่ตะวันดันเรียกว่าพี่ตะวัน ส่วนพี่จันทร์ก็เรียกคุณหนู แบบนี้เขาเรียกว่าสองมาตรฐานหรือเปล่า ไหนจะการแทนตัวอีก กับคนอื่นแทนตนเองว่านิ้งอย่างนั้นนิ้งอย่างนี้ พออยู่กับเขาดันแทนว่าฉัน
ลำเอียงชัดๆ!
แต่เขาจะมาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องนี้ทำไม ใช่ว่าอยากสนิทกับหล่อนเสียเมื่อไหร่ ผู้หญิงร้อยมารยาแบบนี้ห่างไกลได้เป็นดีที่สุด
“จะไปไหนก็ไป ไม่อยากเห็นหน้า” ปล่อยให้เธอเป็นอิสระก่อนจะพูดไล่ เล่นเอาร่างบางอ้าปากค้าง
แล้วเธออยากเห็นหน้าเขาหรือไง!
มือเล็กยกขึ้นจับแขนของตนที่เคยถูกบีบแน่น แล้วรีบเดินออกจากส่วนของน้ำตกท้ายไร่อย่างรวดเร็ว ไม่บอกลาหรือกล่าวอะไรให้ขุ่นใจกันมากกว่านี้ ขณะที่คีรินทร์ถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วมองไปยังน้ำตาที่ไหลแรงอย่างน่ากลัว
ตกอยู่ในภวังค์เพียงครู่แล้วค่อยเดินไปขึ้นรถยนต์ของตนเอง ขับออกจากสถานที่แห่งนี้หมดอารมณ์จะเล่นจ้ำจี้กับตุ๊กตาหน้ารถทันที ตัดสินใจไปส่งหล่อนที่ตัวอำเภอก่อนจะกลับมาบ้านหลังน้อยของตน กว่าจะข่มตาหลับได้ก็ค่อนคืนเข้าให้แล้ว
ไม่รู้จะคิดถึงอดีตนั้นอีกทำไม มันเป็นอดีตที่เขาอยากลืม แต่ไม่เคยลืมได้จริงเสียที!
“มานั่งทำอะไรตรงนี้คนเดียว” หลังรับประทานอาหารค่ำกับครอบครัวเสร็จ ร่างบางก็ปลีกมานั่งดูพระจันทร์อยู่ชิงช้าใต้ต้นไม้ข้างบ้าน แหงนมองดวงสีเหลืองนวลที่มีเพียงครึ่งเสี้ยว ท้องฟ้าสีทึบมีดวงดาราส่องประกายแสงระยิบระยับ
เมื่อไม่มีแสงไฟเหมือนในเมืองกรุง ดาวก็เต็มท้องฟ้าจนละลานตาไปหมด หล่อนชอบที่จะอยู่บ้านนามากกว่าเป็นสาวเมืองกรุง ไปเรียนแค่ห้าปีก็เพียงพอแล้วกับชีวิตที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ มันไม่เหมาะกับเธอจริงๆ
แม่นุ่มนิ่มเดินมาลูบศีรษะบุตรสาว เอ่ยถามเสียงอ่อนโยนขณะที่ลากเก้าอี้กลมมานั่งข้างคนที่ตื่นจากภวังค์ ใบหน้าหวานผินมองมารดาก่อนจะตอบ
“มาดูพระจันทร์จ้ะแม่ สวยดี” คนฟังแย้มยิ้มด้วยความเอ็นดู มธุรดาชอบดูพระจันทร์ตั้งแต่เล็กจนโต นึกว่าจะหลงใหลจนเรียนดาราศาสตร์เสียแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้ชอบขนาดที่เอารูปพระจันทร์ไปติดไว้ในห้องนอน บนเพดานก็มีดาวเรืองแสงอีก
“พระจันทร์สวยขนาดนั้นเชียว” อาจเพราะนางไม่มีอารมณ์สุนทรีมานั่งมองความสวยงามของท้องฟ้าเหมือนลูก เช้าก็ไปทำงานตกเย็นก็เข้านอนเพราะต้องรีบตื่นวันรุ่งขึ้น ชีวิตของคนจนก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่ค่อยมีเวลาสุนทรีกับเขาหรอก
“จ้ะ สวยมาก” ล่องลอยไปในความคิดอีกครั้ง เธออยากมานั่งดูพระจันทร์กับพี่ตะวัน จะบอกกับเขาว่าพระจันทร์คืนนี้สวยดี...
เคยได้อ่านหนังสือนิยายของนักเขียนญี่ปุ่นท่านหนึ่ง พระจันทร์ในภาษาญี่ปุ่นจะออกเสียงคล้ายกับคำว่าชอบ หากได้เอ่ยกับคนที่ตนเองแอบรัก และเขาใจตรงกันก็คงดี...
“รีบเข้านอนเถอะลูก พรุ่งนี้ต้องไปช่วยงานป้าบัวอีก” นั่งได้สักพักคนเป็นแม่ก็ลุกขึ้น หันมาบอกบุตรสาวที่พยักหน้าตอบกลับ
“อีกแปบหนึ่งนะแม่” อ้อนวอนด้วยแววตาละห้อย ทำเอาแม่นุ่มนิ่มต้องยอมให้ลูกสาวคนเดียวได้ทำตามใจ
“อยากอยู่ดึกนักล่ะ” ไม่วายกำชับอีกรอบ และมธุรดาก็ขานรับเสียงหวาน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์อีกครั้ง แสงสีนวลแสนสบายตา ลมยามค่ำคืนพัดผ่านยิ่งทำให้บรรยากาศเป็นใจจนนึกถึงใบหน้าคมของชายซึ่งครอบครองหัวใจหล่อนทั้งดวง
พี่ชายที่แสนดี...ซึ่งตอนนี้เขามีหญิงคู่ควรข้างกายแล้ว
ร่างเล็กว่ายน้ำอยู่ที่น้ำตกท้ายไร่เพียงลำพัง หวังระบายความอัดอั้นหลังจากถูกคีรินทร์ดุ ไม่เคยเข้าใจว่าทำไมพี่ชายคนนั้นถึงจงเกลียดจงชังเธอนักหนา เจอหน้าเป็นต้องประชดประชันจนเธอพยายามหลบทุกครั้ง
น้ำไหลเอื่อยไม่ได้เชี่ยวกรากเหมือนฤดูฝนทำให้เด็กน้อยสามารถต้านแรงน้ำได้ ทว่าอยู่ดีๆ ขาที่เคยตีน้ำกลับแข็งทื่อขึ้นมาเสียดื้อ ใจหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่ม ร่างกายที่เคยโผล่พ้นน้ำกำลังถูกดูดให้จมลงไปใต้พสุธา
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย” ตะโกนร้องเสียงดังหวังให้มีคนช่วยตนเองพ้นจากความตาย แหงนหน้าขึ้นให้โผล่เหนือธาราแต่ทำได้ยากเหลือเกิน สุดท้ายร่างกายก็ค่อยจมลงไปอย่างช้าๆ
เผลอสูดน้ำเข้าปอด พยายามไขว้คว้าอากาศที่หาไม่ได้ใต้ผืนน้ำ หล่อนดื่มน้ำเข้าไปหลายอึก และไม่สามารถจะทนต่อความอึดอัดอีกต่อไป อากาศช่างหนาวเหน็บและสมองเริ่มตื้อ ดวงตาที่เคยลืมค่อยหลับลง สติเลือนหายก่อนที่จะถูกดึงขึ้นเหนือน้ำอย่างรวดเร็ว
“อย่าเป็นอะไรนะ บ้าเอ๊ย เธอจะมาตายแบบนี้ไม่ได้ ตื่นสิ” เสียงดังแว่วอยู่ที่แสนไกล ความห่วงที่ส่งผ่านทำให้หล่อนรับรู้ได้ ทว่าตาก็ยังปิดสนิทไม่อาจลืมขึ้นทั้งที่อยากมองเจ้าของเสียงนุ่มเหลือเกิน
เขาช่วยเธอจากยมทูตที่มารอรับ ปฐมพยาบาลเบื้องต้นจนกระทั้งดวงตากลมโตลืมขึ้น ไอจนน้ำออกจากปากค่อยรู้สึกดี ร่างสูงประคองให้หล่อนลุกนั่งหลังผ่านเหตุการณ์เฉียดตายครั้งแรกในชีวิต กลัวจับใจจนต้องมองหน้าคนมาช่วย
แล้วดวงตาก็เบิกกว้างขึ้นทันที
ไม่ใช่ภูตะวันแต่เป็นคีรินทร์!
มธุรดาสะดุ้งตื่นจากฝันวัยเด็ก เหงื่อไหลท่วมกายจนต้องลุกจากเตียงนอนแล้วเปิดประตูเดินไปยังห้องครัว หยิบน้ำเย็นในตู้มาดื่มแก้กระหาย ถอนหายใจเสียงเบาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเห็นพี่ตะวันเป็นคุณคีไปได้ หรือเพราะคิดเรื่องของเขามากเกินไป
ส่ายศีรษะไล่ความฝันนั้นออกไป อย่างไรมันก็เป็นเพียงความฝัน คีรินทร์ไม่ได้ช่วยหล่อนขึ้นจากน้ำเสียหน่อย เป็นพี่ตะวันต่างหาก...
“บ้าไปแล้วนิ้ง ผู้ชายคนนั้นจะมาช่วยเธอได้ยังไง” เก็บน้ำใส่ตู้เย็นดังเดิมค่อยเข้าห้องนอนของตนเอง สอดตัวไปใต้ผ้าห่มแล้วเข้าสู่นิทราอีกครั้ง
ความฝันก็เป็นแค่ความฝัน หล่อนคิดอย่างนั้นโดยไม่รู้ว่ามันอาจจะเป็นความจริงก็ได้