บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7 หนีไปตั้งหลัก

หลินซิงเยียนเพียรระงับโทสะที่กำลังสูงเทียมฟ้า ห้ามมือของตนมิให้ฆ่าคน

ขืนพลาดพลั้งมิยั้งมือจนสังหารใครตาย ย่อมส่งผลให้สิ่งที่ทำลงไปทั้งหมดสูญเปล่า พี่สาวคนดีคงถูกเรียกตัวกลับมาแต่งงานกับเจ้าสวะแซ่ลู่แน่นอน

สูดลมหายใจเฮือกหนึ่งค่อยๆ เชิดหน้าแล้วลุกขึ้นยืนอย่างสงบและสุขุม มิให้หลุดกิริยาของพี่สาวฝาแฝด

“ดีเหลือเกิน ในเมื่อไม่มีใครคืนความเป็นธรรมให้ข้า เช่นนั้น ข้าคงต้องพึ่งจวนว่าการแล้ว” พูดพลางซับน้ำตาที่หลั่งรินอย่างโศกเศร้าแต่สง่างาม นางจะทำให้พี่สาวดูไม่ดียามร้องไห้ได้อย่างไร

“เล่อเจิน เจ้าพอได้แล้ว” นายท่านผู้เฒ่ารีบปราม

หลินซิงเยียนไม่สน นางบีบน้ำตาต่อเนื่อง “ข้าจะไปตีกลองร้องทุกข์เจ้าค่ะ”

ใต้เท้าลู่พลันเดือดดาล “เจ้าไม่มีพยานรู้เห็นสักคน พวกเขาล้วนถูกซื้อตัวไว้หมดแล้ว หึ! เจ้ายังกล้าคิดไปตีกลองร้องทุกข์รึ? เห็นจวนว่าการเป็นสถานที่เดินเล่นหรือไร กว่าจะฝ่าด่านเข้าไปถึงด้านในคงตายเปล่า”

หลินซิงเยียนมีหรือจะกลัว แค่ถูกทรมานเล็กน้อย คนมีวรยุทธ์เช่นนางไม่ถึงตายแน่นอน

หญิงสาวปาดน้ำตาออกจากพวงแก้มอย่างสวยงาม เชิดหน้าก้าวเท้าเดินออกจากห้องโถงอย่างมุ่งมั่นหมายมาด

ลู่อี้ขบฟันกรอด “ดีๆ ดียิ่ง ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าใต้เท้ากวนช่างผู้เที่ยงธรรมแห่งจวนว่าการจะฟังใครระหว่างข้าที่เป็นขุนนางอาวุโสของราชสำนักกับคุณหนูในห้องหอไม่รู้ประสาและจิตใจคับแคบเช่นเจ้า”

หากไม่มีพยาน เห็นทีว่าใต้เท้ากวนแห่งจวนว่าการย่อมต้องฟังวาจาอันน่าเชื่อถือของเสนาบดีกรมคลังที่มีอำนาจยิ่งใหญ่มากกว่าบุตรสาวตัวน้อยจากสกุลราชบัณฑิต

หลินซิงเยียนให้รู้สึกหงุดหงิด นางเดินหมากผิดไปนิด คาดไม่ถึงว่าลู่อี้ผู้นี้จะซื้อตัวพยานโรงเตี๊ยมไปแล้ว

หญิงสาวปรายตามองใต้เท้าลู่ผู้ยิ่งใหญ่คับฟ้าอย่างเย็นชา “ข้าเองก็อยากรู้เช่นกันว่ากฎหมายต้าเจิ้งอยู่ภายใต้ขุนนางเพียงผู้หนึ่ง”

สุ้มเสียงของนาง แม้อ่อนหวาน แต่กลับเยียบเย็นบาดลึกเข้ากระดูกดำขณะกล่าวต่ออีกว่า

“ครานี้ประชาชนคงได้ตาสว่างเสียที เสนาบดีผู้หนึ่งที่ผู้คนต่างบอกว่าตงฉินกลับใช้อำนาจบาตรใหญ่ถึงเพียงนี้”

“จ่ะ เจ้า...บังอาจนัก!”

ใต้เท้าลู่ตบโต๊ะดังปัง โทสะเทียมฟ้ายากระงับ

นายท่านผู้เฒ่าหลินให้รู้สึกกริ่งเกรงจึงหันไปสั่งคน “พวกเจ้า ไปจับเล่อเจินเอาไว้”

“ขอรับๆ”

บ่าวชายรีบทำตามคำสั่งวิ่งมาจับกุม แต่มีหรือจะทัน หลินซิงเยียนรีบเดินกึ่งวิ่งออกประตูจวนหลินไปแล้ว

มิคาดว่าคุณหนูใหญ่หลินจะว่องไวปานนี้

หล่ะ เหลือเชื่อ!

บ่าวไพร่ได้แต่ยืนตะลึง

หลินซิงเยียนเร่งรุดเดินกึ่งวิ่งออกจากจวนหลินอย่างรวดเร็วแต่หลุดกิริยาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ปลายทางคือจวนว่าการ

นางยังไม่ลืมแวะโรงยาสหายเพื่อทำแผลที่หน้าผาก โชคดีที่ไม่รุนแรงมาก เพราะตอนวิ่งไปชนนางจับจังหวะได้รีบเบี่ยงใบหน้าออกเล็กน้อยก่อนปะทะกับต้นเสาแค่เฉียดๆ แผลจึงไม่ใหญ่เท่าใด

ติงยวี่ถิงโวยวาย “ข้าจะไปเป็นพยานให้เจ้าเอง”

หลินซิงเยียนถอนหายใจ “หากถูกจับได้ว่าเป็นพยานเท็จคงแย่กันหมด ไม่ใช่แค่ข้า แต่ข้อหานี้ย่อมตกไปถึงคนทั้งตระกูลหลิน พวกเขาเป็นญาติของข้านะ”

“เช่นนั้นทำอย่างไรดีเล่า?” สักพักติงยวี่ถิงพลันนึก “มิสู้เจ้าลองเข้าไปที่โรงเตี๊ยมยู๋อี้อีกทีดีหรือไม่ เผื่อมีคนที่ยังไม่ถูกซื้อตัวไป”

หลินซิงเยียนเพียงเงียบงันไม่ต่อคำ

พอทำแผลเสร็จก็รีบเดินต่อไปยังจวนว่าการทันที ระหว่างทางหางตานางพลันเห็นโรงเตี๊ยมยู๋อี้ตั้งตระหง่าน

จู่ๆ ในใจก็นึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมา

ฝ่าเท้าเร็วกว่าความคิด หญิงสาวหมุนกายเข้าไปอย่างไม่คิดชีวิต ไม่นานก็ขึ้นมาถึงชั้นสามของโรงเตี๊ยมยู๋อี้

หวังว่าคนผู้นั้นยังคงอยู่ที่นี่

พวงแก้มของหลินซิงเยียนพลันแดงซ่าน เมื่อนึกถึงภาพวาบหวามเมื่อวาน

ทว่าสุดท้ายนางก็รีบส่ายหน้า มัวเขินอายอยู่มิได้ หมดความมั่นใจยิ่งไม่ได้ ตอนนี้เรื่องพี่สาวต้องมาก่อน

อย่างไรเสียการถอนหมั้นเพื่อมอบอิสระให้พี่สาวย่อมต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง

แสงแดดพาดผ่านหน้าต่างที่ปิดสนิท ควันกำยานแม้มีน้อยนิดกลับนิ่งสนิทมิอาจไหวเอนเพราะแรงลม

ห้องพักส่วนพระองค์มิได้หรูหรา เพียงเน้นความสะดวกเรียบง่าย ภายในห้องรโหฐาน มีเพียงเครื่องเรือนจำเป็น ห้องนอนและห้องอาบน้ำ

บรรยากาศทั่วห้องเงียบสงบ คละเคล้าแสงบางเบา กรุ่นกลิ่นอายสูงศักดิ์เจือจาง ปราศจากข้ารับใช้ ไม่มีกระทั่งนางกำนัลติดตามหรือสาวใช้คนสนิทแต่อย่างใด

ร่างสูงใหญ่เปลือยเปล่ายืนอยู่หน้าอ่างน้ำ เผยเรือนกายกร้าวแกร่งทรงพลัง กล้ามเนื้อตึงแน่น ไหล่กว้าง แผ่นหลังตั้งตรง แลดูงามสง่าได้รูปสมบูรณ์แบบ

ทุกส่วนทั่วเรือนกาย ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่มีส่วนใดไม่สง่างาม เห็นถึงความหยิ่งทะนงตน เปี่ยมราศีเหนือหมู่มวล

บนเรือนร่างคล้ายรูปสลักนี้มีรอยแผลเป็นมากมาย บ่งบอกได้ดีถึงภาระหน้าที่สำคัญ ความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ ซึ่งมีมาแต่ไหนแต่ไร

นิ้วเรียวยาวปลดหน้ากากออกวางไว้บนโต๊ะด้านข้างเผยใบหน้าหล่อเหลาเป็นเอกราวประติมากรรมชั้นยอด

เรือนผมปล่อยสยายเต็มบ่ากว้างถึงกลางหลัง ปลายผมล้อมรอบกรอบหน้าคมคาย มองมาคล้ายจอมมารในร่างเทพเซียน

เจิ้งจื่อหมิงเป็นบุรุษที่รูปงามมาก โครงหน้าคมคาย คิ้วตายิ่งไร้ที่ติ จนสตรีที่เคยเห็นเขายังต้องสะเทิ้นเขินอาย พวกนางต่างลุ่มหลงอย่างมิอาจยั้งใจ แน่นอนว่าคราใดที่ได้ยลโฉมของเขา แม่นางทั้งหลายต่างก็ดึงสติที่หลุดลอยไปไกลให้กลับมาแทบไม่ทัน เมื่อนั้น การประชันขันแข่งเพื่อแย่งชิงหมายดึงสายตาจากเขา ล้วนเกิดขึ้นทันที

หากเอ่ยถึงเหล่าสตรีที่ต้องการมีชีวิตที่ดี ยืนหยัดมั่นคงครอบครองฐานะมั่งคั่งพร้อมศักดิ์ฐานะสูงส่ง มีเกียรติยศสืบไป พวกนางมักจะใช้เครื่องมือเพื่อสิ่งเหล่านั้นด้วยรูปโฉมสะคราญ เสน่หานวลนาง และใช้สารพัดมารยา เพื่อยึดเหนี่ยวหัวใจบุรุษเช่นเขา

ร่างสูงใหญ่ปานหินผายืนตระหง่านกลางห้องกว้าง กล้ามเนื้อตึงแน่นแผ่ซ่านขุมพลังที่สะสมเอาไว้มากมาย สายตาทอดมองเพียงคันธนูปลายปักษาหักครึ่ง มือหนึ่งหยิบพู่ห้อยเอวขนนกสีฟ้ามาเทียบกับขนนกที่ปลายธนูนั้นนิ่งๆ

แม่นางน้อยปริศนาจอมเจ้าเล่ห์ผู้หนึ่ง...ซึ่งเห็นได้เพียงไกลๆ จากศึกหนักครั้งล่าสุด

เจ้าของธนูไฟบนเชิงเขาไป๋ซานที่ลอบปลิดชีพขุนศึกทัพศัตรูจากด้านหลังเยี่ยงสุนัขลอบกัด จนเขาที่กำลังเสียท่าติดกับกลลวงสามารถฝ่าวงล้อมออกมา

เจิ้งจื่อหมิงหรี่ตาขณะครุ่นคิด ถึงสิ่งที่สงสัย

จังหวะนั้น เหยี่ยวข่าวเงาปีศาจพลันปรากฏกายคุกเข่าคำนับผู้เป็นนายข้างอ่างอาบน้ำ

อาจเพราะเป็นข่าวด่วนมากและผู้เป็นนายสนใจยิ่ง เขาจึงเข้ามาอย่างอุกอาจกะทันหัน

แม้อีกฝ่ายกำลังเปลือยเปล่าก็ต้องรายงานให้จงได้

เขาผู้นี้รับหน้าที่สืบข่าวทั่วสารทิศทุกดินแดน ขอเพียงผู้เป็นนายเหนือหัวต้องการไม่ว่านรกหรือสวรรค์ล้วนสืบได้ทั้งนั้น

“องค์ชายสี่...”

“รายงานมา” เจิ้งจื่อหมิงสั่งเสียงเย็นชา

“คุณหนูหลินผู้นี้ แท้จริงมีน้องสาวฝาแฝดที่แยกจาก คนน้องอยู่กับมารดาในหุบเขาไป๋ซาน ส่วนคนพี่ยามนี้คือคุณหนูในห้องหอ อาศัยอยู่กับบิดาในจวนหลินนับตั้งแต่เกิดจนเติบใหญ่ ไม่เคยออกจากจวนไปที่ใดพ่ะย่ะค่ะ”

เจิ้งจื่อหมิงขมวดคิ้ว นิ่งงันไปครู่หนึ่ง ถามเสียงขรึมขณะหยิบปลายธนูขนนกขึ้นพินิจ “เจ้ากำลังบอกว่าสตรีที่แอบยิงธนูดอกนี้คือคนน้องซึ่งยามนี้อยู่ในหุบเขาไป๋ซาน?”

เหยี่ยวข่าวเงาปีศาจหงกศีรษะ “อาจใช่พ่ะย่ะค่ะ คนพี่ไม่มีทางทำได้แน่นอน นางเรียบร้อยอ่อนหวาน เป็นกุลสตรีดีงามที่สุดผู้หนึ่ง ที่สำคัญ ไม่มีวรยุทธ์พ่ะย่ะค่ะ”

แววตาบุรุษสว่างวาบ ทอประกายลึกลับ ความสงสัยและเคลือบแคลงบางประการค่อยๆ เคลื่อนผ่านอย่างช้าๆ

ข้าควรไปหุบเขาไป๋ซานหรือรอพิสูจน์ที่นี่ดีล่ะ?

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel