บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6 ไม่ยอมถอนหมั้น

จวนสกุลหลิน

วันนี้หลินซิงเยียนยังคงปลอมเป็นพี่สาวฝาแฝด สวมชุดที่อยู่ในตู้ของพี่ ทาแป้งชาดของพี่ พรมน้ำมันหอมกลิ่นประจำตัวและปักปิ่นของพี่ กระทั่งมานั่งร้องห่มร้องไห้เยี่ยงคุณหนูผู้อ่อนแอบอบบางตามแบบฉบับสตรีเมืองหลวง ยามนี้จึงไม่มีใครผิดสังเกตสักคน

หญิงสาวถูกเรียกตัวออกมายังห้องโถงรับรองแขกเพื่อเจรจาเรื่องสัญญาหมั้น ตรงหน้าคือท่านปู่และท่านย่า ยังมีบิดาและฮูหยินคนปัจจุบันของบิดา

เก้าอี้อีกฝั่งคือใต้เท้าลู่อี้เสนาบดีกรมคลังผู้ยิ่งใหญ่และลู่ฮูหยิน ผู้เป็นบิดาและมารดาบังเกิดเกล้าของลู่อวิ้น

หลินซิงเยียนสะอึกสะอื้นกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ได้โปรดยกเลิกสัญญาหมั้นเสียเถิดเจ้าค่ะ”

“ไม่ ข้าไม่ยอม” ลู่อวิ้นตะโกนแทรก “น้องเล่อเจิน ข้าไม่ยกเลิกเด็ดขาด ข้ารักเจ้าเพียงคนเดียว เมื่อวานข้าถูกวางยาปลุกกำหนัด สตรีผู้นั้นคิดไม่ซื่อกับข้า”

ฮูหยินลู่ช่วยเสริม “โธ่เอ๋ย เรื่องแค่นี้เองไม่เห็นต้องถึงขั้นยกเลิกสัญญาหมั้นหมาย เจ้าให้อภัยบุตรชายข้าเถิด เขาก็บอกแล้วว่าถูกวางยา”

หลินซิงเยียนก้มหน้าซับน้ำตาพลางกลอกตาไปมา รู้สึกรำคาญเต็มที เหตุผลเหล่านี้น่าสะอิดสะเอียดสิ้นดี   ก่อนเงยหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมกับผู้อาวุโสในสกุลอย่างไม่ยินยอมแม้สักเสี้ยว

“ท่านปู่ ท่านย่า ท่านพ่อ ฮูหยินใหญ่ ข้าทำใจมิได้ ข้าไม่อาจยอมรับความอัปยศนี้ได้เจ้าค่ะ”

จบคำพลันก้มหน้าซบมือตัวเองร้องไห้ต่อ ยังไม่ลืมแง้มนิ้วมือแอบเหลือบมอง

หวังว่าจะได้ผลเสียที ร้องไห้จนเหนื่อยแล้วนะ!

ทว่ามิคาด ผู้อาวุโสทุกคนกลับมองหน้ากันไปมา ท่าทางอึดอัดอย่างคนมิกล้าพูดจาแม้สักคำ ก่อนจะหันไปมองนายท่านใหญ่สกุลลู่เป็นตาเดียวกัน เห็นชัดว่าทุกคนกำลังกลัวเกรงอำนาจและบารมีของชายผู้นั้น

สกุลหลินตกต่ำถึงเพียงนี้! ต่ำต้อยกว่าเมื่อก่อนยิ่ง!

หลินซิงเยียนเร่งขบคิด หากใต้เท้าลู่ผู้นี้พยักหน้าให้ ปัญหาทุกอย่างคงหมดลง การยกเลิกสัญญาหมั้นหมายระหว่างพี่สาวกับลู่อวิ้นย่อมสัมฤทธิ์ผล ทว่ามองดูแล้วเหมือนจะไม่ใช่ ทำอย่างไรดี? คงต้องหาแผนสำรองเสียแล้ว

หญิงสาวลอบกลอกตาไปมาหาวิธีเงียบๆ

จังหวะนั้นลู่อี้นายท่านใหญ่แห่งสกุลลู่ค่อยๆกล่าวขึ้นด้วยเสียงเนิบช้าเฉกผู้มีอำนาจตัดสินชี้ชะตาผู้คน

“ถึงอย่างไร สตรีในโรงเตี๊ยมคนนั้นก็มิอาจเทียบชั้นกับเล่อเจินได้ การหมั้นหมายสองสกุลไม่มีทางยุติลงเพียงเพราะสตรีไร้ค่าคนหนึ่ง งานแต่งต้องเกิดขึ้นตามกำหนดเดิม ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง ผู้อื่นเป็นได้แค่อนุต่ำต้อยเท่านั้น หาใช่บุคคลที่คุณหนูเช่นเจ้าต้องใส่ใจไม่”

ผู้อาวุโสทุกคนในสกุลหลินพลันพยักหน้าเห็นด้วย พวกเขาไร้อำนาจต่อรองอย่างสิ้นเชิง

หลินซิงเยียนขบกราม “ข้าไม่อาจทำใจได้เจ้าค่ะ” ว่าพลางส่ายหน้าน้ำตานอง ท่าทางน่าสงสารมาก นางว่าอีก

“อีกอย่าง เมื่อวานในโรงเตี๊ยมมีคนเห็นเต็มไปหมด พยานมากมายปานนั้น ข้าอับอายเสียจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด ออกจากจวนครึ่งก้าวยังไม่กล้า อย่างไรก็ต้องถอนหมั้น ได้โปรดยกเลิกสัญญาเถิดเจ้าค่ะ”

นี่นับเป็นคำขู่ที่ดีพอควร ขอเพียงมีพยานรู้เห็น  สกุลลู่ยังจะกล้าบอกว่าไม่ใส่ใจได้หรือไม่?

ขณะหลินซิงเยียนแอบยิ้ม นายท่านผู้เฒ่าหลินพูดขึ้น

“เจินเอ๋อร์ เรื่องนี้มิอาจทำตามใจเจ้าได้หรอก ต่อไปพอแต่งงาน เจ้าก็อยู่แต่ในเรือน ดูแลจัดการหลังเรือนก็พอ ไม่ต้องออกนอกจวนเป็นใช้ได้”

หลินซิงเยียนชะงัก

ลู่อวิ้นรีบเอ่ย “ใช่แล้ว น้องเล่อเจิน เสียงนินทาทั้งหลายไม่นานล้วนจางหาย เราแต่งงานให้เร็วขึ้นดีหรือไม่ เจ้าจะได้อยู่ในความดูแลของข้า ผู้คนย่อมไม่กล้าว่าเจ้าอีก”

หลินซิงเยียนคิ้วกระตุก

นายท่านใหญ่สกุลลู่โบกมือกล่าวสรุปอย่างไม่ใส่ใจ

“ตกลงเอาตามนี้ เร่งงานแต่งเข้ามาให้เร็วขึ้น ส่วนพยานรู้เห็นเหล่านั้น พวกเจ้าคงไม่รู้ ข้าส่งคนไปจัดการปิดปากให้แล้วทั้งหมด”

หะ!

หลินซิงเยียนเริ่มกำหมัด

ลู่อี้ยังส่งกระแสเสียงเปี่ยมอำนาจต่อเนื่องว่า “จงรู้ไว้ อำนาจสกุลลู่น่ายำเกรงปานใด บารมีที่สั่งสมมานับร้อยปี มิใช่ใครอยากดูแคลนก็ดูแคลนได้ เมื่อเล่อเจินของเราได้เข้าไปอยู่ในความดูแลของสกุลลู่ ย่อมไม่มีใครกล้าติฉินนินทาหรือครหาว่าร้ายได้อีกแม้ครึ่งคำ”

ลู่อวิ้นยิ้มกริ่ม สมใจยิ่ง “ขอบคุณท่านพ่อขอรับ เล่อเจิน! เจ้ารีบขอบคุณท่านพ่อเร็วเข้า”

หลินซิงเยียนพยายามระงับโทสะไว้ เพียรท่องในใจว่าตอนนี้ตัวเองคือพี่สาวฝาแฝดที่ไม่มีวรยุทธ์ และลู่อวิ้นก็คือคู่หมั้นของนาง จะเผยตัวตนว่าไม่ใช่พี่สาวไม่ได้เด็ดขาด นางอุตส่าห์ประลองท้าชิงตำแหน่งสะใภ้สำนักพยัคฆ์เมฆาให้พี่สาวจนสำเร็จแล้ว เหลือแค่ถอนหมั้นทางนี้ให้ได้เท่านั้น

ขืนประมาทเลินเล่อเพียงนิด ย่อมถูกจับได้ว่าเป็นหลินเล่อเจินตัวปลอม การเรียกร้องความเป็นธรรมยามนี้ และการเห็นลู่อวิ้นกับกู้เหมยยามนั้น ย่อมโมฆะจนสิ้น น้องสาวจะมีสิทธิ์อันใดในการขอถอนหมั้นเล่า

หญิงสาวสูดลมหายใจ ลอบเล็งต้นเสาไว้ต้นหนึ่ง

จากนั้นลุกขึ้น วิ่งออกไปยังเสาต้นนั้น พลางตัดพ้ออย่างน่าสงสารต่อเนื่องว่า “หากสกุลลู่ไม่ยกเลิกงานหมั้น ข้ายอมตายเจ้าค่ะ”

“เล่อเจิน! อย่า...”

ทุกคนรีบร้องห้ามอย่างคนตกอกตกใจเสียขวัญ ทว่ากลับไม่มีใครวิ่งมาห้ามหลินซิงเยียนได้ทันท่วงทีสักคน เสียงโป๊กจึงเกิดขึ้น ดังสนั่นลั่นเรือนจนทะลวงโสตประสาท หลินซิงเยียนลอบสบถในใจ ไม่น่าวิ่งเร็วเกินไปเลย...

ร่างบางล้มลง แสร้งสลบเพื่อตรึงสถานการณ์

“ใครก็ได้ ไปตามท่านหมอเร็วเข้า”

“เจ้าค่ะๆ”

จวนหลินพลันวุ่นวาย ทว่าท่ามกลางเสียงโกลาหล หลินหานเจ๋อที่นั่งเงียบงันอย่างมิกล้ามีปากเสียงมานานค่อยๆ เอ่ยขึ้นอย่างระแวดระวังอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่า

“ใต้เท้าลู่ ข้าในฐานะบิดาขอกล่าวสักคำ ในเมื่อบุตรสาวของข้าไม่ยอมถึงเพียงนั้น ท่านช่วยถอนหมั้นเถิด”

ลู่อี้เกลียดที่สุดคือสตรีที่ใช้ความตายมาข่มขู่ หากอยากตายจริงต้องไม่ใช่เหตุผลที่มีสกุลลู่มาเกี่ยวข้อง

“หึ! ถอนหมั้นรึ คนสกุลหลินเห็นข้าสกุลลู่เป็นอะไร อยากหมั้นก็หมั้น อยากถอนก็ถอนตามอำเภอใจได้หรือไร? บังอาจคิดข่มขู่ข้า! อย่าเหิมเกริมให้มันมากนัก!”

หลินหานเจ๋อกัดฟันกล่าวเพื่อบุตรสาวสักครั้งหลังจากไม่เคยทำอะไรสำเร็จเลยในชีวิต “แต่บุตรสาวของข้าเป็นตายยังไม่รู้แจ้ง ได้โปรดยุติสัญญาหมั้นเถิดขอรับ”

ลู่อี้จึงเดินมาดูสตรีที่นอนแน่นิ่งในอ้อมแขนสาวใช้ รอยยิ้มเย็นชา ไร้ความเมตตาในสีหน้า มีเพียงโทสะลุกโหม “นางยังไม่ตาย มิได้ร้ายแรงถึงเพียงนั้น เรื่องของบุตรชายข้าก็เช่นกัน การทำร้ายตัวเองเช่นนี้ นับเป็นความผิดมหันต์ ข้าไม่ถือสา รอนางฟื้นคืนสติรักษาตัวให้หายดี ข้าจะทำทีเป็นลืมไปซะ”

สิ้นเสียงใต้เท้าลู่ ฮูหยินของเขารีบเอ่ยเสริม “ใช่แล้ว เรื่องของลูกชายข้ามีความผิดที่ใด เรื่องแบบนี้ไม่ต้องใส่ใจ มีบุรุษใดบ้างไม่เคยผ่านเรื่องแบบนี้ สตรีเราล้วนต้องรับให้ได้ ภายหน้าเขายังต้องรับอนุอยู่ดีมิใช่หรือ? บุตรสาวพวกท่าน จิตใจคับแคบเกินไปหรือไม่? ก่อนนี้ก็เห็นเข้าทีนี่นา ถ้าหากยืนยันจะถอนหมั้นให้ได้ พวกเจ้าสกุลหลินก็ส่งคืนสินสอดพร้อมค่าปลอบขวัญที่เป็นฝ่ายผิดสัญญาสักสามเท่าแล้วกัน”

บุรุษคบชู้ แต่สตรีที่เอาหัวโขกเสามีความผิดรึ?

หลินซิงเยียนให้รู้สึกคันมือแทบแย่แล้ว...

ครานี้นายท่านผู้เฒ่าสกุลหลินรีบขอโทษขอโพย “ไอ่หยา ไม่ถอนก็ไม่ถอน สกุลลู่โปรดอย่าเรียกคืนสินสอดกับค่าปลอบขวัญเลยนะ ตั้งสามเท่า! พวกข้าจะหาจากที่ใด”

ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็ร้อนรน จนทนไม่ไหว รีบเอ่ยบ้าง “ใช่ๆ สกุลหลินไม่ยกเลิกสัญญาหมั้นอันใดทั้งนั้นเจ้าค่ะ ใต้เท้าลู่โปรดระงับโทสะ”

ลู่อี้แค่นเสียงฮึ “เช่นนั้นข้าจะคิดเสียว่าไม่เคยมาพูดคุยอันใดไร้สาระที่นี่ ส่วนเรื่องทั้งหมด จงอย่าให้ใครแพร่งพราย คุณหนูหลินคิดฆ่าตัวตายเพราะคุณชายลู่คบชู้มิใช่เรื่องที่ควรพูด หากพวกเจ้าอยากมีชีวิตจงฟังที่ข้าเตือน”

คำสั่งของใต้เท้าลู่มีอำนาจเด็ดขาดที่สุด แม้จะมิใช่จวนสกุลตนก็ตาม แต่เขาก็ยังสามารถสั่งการ เห็นได้ชัดว่าสกุลลู่ยากต่อกรและสกุลหลินอ่อนด้อยเพียงใด

ลู่อี้สั่งอีกว่า “ส่วนเจ้า เล่อเจิน รอจนรักษาตัวหายดี พวกเราสองสกุลจะเข้าพิธีมงคลทันที ห้ามบิดพลิ้วอีก”

“เข้าใจแล้ว” ทุกคนในสกุลหลินตอบรับเสียงเบา

หลินซิงเยียนให้รู้สึกทนไม่ไหว อึดอัดแทบตายแล้ว

นางจึงทำทีเป็นได้สติเอง ค่อยๆ ลืมตาฟื้นขึ้นมาอย่างอ่อนแรง ล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากอกเสื้อเชื่องช้า แล้วเช็ดเลือดที่หน้าผากด้วยตัวเองแผ่วเบา

ท่านหมออันใดไม่ต้องมา เสียเวลานัก!

หญิงสาวพยายามระงับอารมณ์มิให้ฆ่าคนสุดกำลัง ต่อให้โมโหจนลมปราณแตกซ่าน นางก็ฆ่าใครไม่ได้ทั้งนั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel