บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 ใครวางยา?

บนเตียงนอน ม่านมุ้งผ้าห่มปลิวว่อน

สำหรับบุรุษหนุ่มแน่นเลือดลมในกายย่อมพลุ่งพล่านได้อย่างรวดเร็วเกินยั้ง มิอาจโทษสตรีผู้จุดไฟราคะไม่ดูเวลา แต่ต้องโทษที่บุรุษมิอาจดับเพลิงปรารถนา อันเกิดจากสัญชาตญาณดิบที่หื่นกระหายโดยธรรมชาติ

เจิ้งจื่อหมิงทั้งจูบทั้งดูดอย่างดุดัน ขบเม้มไร้ปราณี ก่อนเคลื่อนใบหน้าคมคายขึ้นมาบดขยี้ที่กลีบปากนางอย่างต้องการสั่งสอนให้รู้ซึ้งถึงการมิบังควรล่วงเกินบุรุษเช่นนี้

เมื่อเรือนกายแข็งแกร่งหยาบกระด้างแนบชิดติดกับผิวเนื้ออันนวลเนียนประดุจหยกขาวที่เรียบลื่นเกลี้ยงเกลาให้ความรู้สึกละเมียดละไมต่อทุกส่วนของบุรุษเพศ

บนเตียงนอน ร่างสองร่างแนบสนิทชิดเชื้อ เส้นสายที่โค้งเว้า อ้อนแอ้นอรชร เรียวขาสลักเสลาที่เบียดชิด กลมกลึงแต่ตึงแน่น เพียงเนื้อกระทบเนื้อเสียดสีเบาๆ ก็ทราบว่าหาใช่คุณหนูในห้องหอที่หมกตัวอยู่แต่ในเรือนไม่

สายตาชายหนุ่มสาดประกายปรารถนา

เขาจับแขนเล็กนุ่มไว้มั่นเหนือศีรษะนางแล้วโน้มใบหน้าลงมาประทับจุมพิตอันหนักหน่วงบนเนินทรวง กลืนกินยอดถันสีชมพูหวานอย่างไร้ปราณี

พริบตานั้นหญิงสาวพลันแข็งค้างไปทั้งตัว

นางเบิกตามองเสมือนว่าทั้งตกใจทั้งขุ่นเคือง

“อา...ท่ะ ท่าน อื้อ...”

เพียงท่อนแขนอันแข็งแกร่งของบุรุษโอบกระชับ นางไม่ทันได้หุบปากสนิทก็ถูกชิวหาของเขาก็ขึ้นมารุกล้ำอย่างว่องไว ล่วงเกินสลับด้านบนด้านล่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า

นางพยายามเบี่ยงหน้าถอนริมฝีปากที่แดงช้ำออก ดวงตาเอ่อคลอด้วยม่านน้ำตาที่เปียกชื้น ส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่นะ ไม่ๆ”

เจิ้งจื่อหมิงเห็นนางเป็นแบบนั้นก็ยิ่งสับสนงุนงง

“อะไรของเจ้า?”

“ไม่เอานะ อา...”

ปากบอกไม่แต่ร่างกายกลับอ่อนระทวย ส่งสายตายั่วยวนเชิญชวน ฝ่ามือเล็กนุ่มข้างหนึ่งยังคล้องลำคอของเขา อีกข้างยังลูบไล้กล้ามหน้าท้องอย่างวาบหวามจนก่อเกิดความร้อนรุ่มในอก เจิ้งจื่อหมิงสูดลมหายใจลึก ก้มลงซุกไซ้ซอกคอนาง ขบเม้มระเรื่อยลงมาที่เนินอก ตวัดลิ้นกลืนกินยอดถันที่ชูชัน เร่งเร้าจนอารมณ์หวามไหวปะทุเกินยั้ง

หญิงสาวถึงขั้นครางเครือ ทว่าสักพักกลับส่งเสียงละล่ำละลัก “ไม่ๆ ข้าไม่อยาก อื้อ...”

“ยังกล้าพูด” ชายหนุ่มบีบคลึงหน้าอกกลมกลึง ดวงตาวาวโรจน์ด้วยเพลิงแห่งราคะลุกโหม

“เจ้ากำลังดูแคลนบุรุษเช่นข้าหรือไร?”

“อื้อ...” หญิงสาวแหงนหน้าหลับตาพร่ำเพ้อ “อา...ดีเหลือเกิน ข้าชอบ” ทว่าขณะที่ชายหนุ่มกำลังเลื่อนมือลงด้านล่างก่อนถึงจุดยุทธศาสตร์แห่งบุปผาพานางไต่สวรรค์ นางกลับบอก “อ๊ะ! ไม่ได้ ไม่ ไม่ใช่”

นางผงกหัวขึ้น แล้วกัดไหล่ของเขาอย่างจัง

“อ่า...”

อีกมือที่โน้มลำคอของเขาอยู่ เปลี่ยนไปดึงแขนกำยำแล้วกัดอย่างแรงคล้ายต้องการเรียกสติ โลหิตสีแดงไหลออกจากท่อนแขน หยดหยาดลงที่ผ้าปูเตียง

“อ่า...”

นางหลับตากัดแบบเอาเป็นเอาตายจนหน้าสั่น อย่างคนที่ต้องการปกป้องตัวเองจากการคุกคามของบุรุษ จากนั้นยังพลิกใบหน้าไปมาคล้ายต้องการหาที่กัดใหม่ สุดท้ายก็กัดที่กล้ามหน้าอกของเขาเต็มแรง ทั้งกัดทั้งขบเม้มอย่างเงอะงะ พึมพำอู้อี้ว่า “ท่านห้ามแตะต้องข้า!”

“อา...” ชายหนุ่มครางเสียงต่ำพลางจับหน้าผากมนดันใบหน้าของนางออก “เจ้าต่างหากห้ามแตะต้องข้า”

นั่นแหละนางเสมือนรู้ว่ากัดผิดไปแล้วจริงๆ จึงก้มลงกัดแขนเล็กๆ ของตัวเองแทน ครู่หนึ่งสติก็คล้ายกลับคืน นางหอบหายใจชะงักงัน มองเรือนร่างตัวเองที่เปลือยเปล่า และกรีดร้องเมื่อเห็นหยดเลือดบนเตียงนอนของเขา

“พี่ชาย ข้าไม่ได้ตั้งใจ ท่านอย่าถือสาหาความเลย หากเจอหน้า ก็ไม่ต้องทักทายข้านะ ลืมมันไปซะ”

พูดพลางกระโดดจากเตียงอย่างว่องไวราวแมวป่า สวมเสื้อผ้าที่เพิ่งถอดครบทุกชิ้นแล้ววิ่งหายไปไม่เหลียวหลัง

“...”

นางไปแล้ว...ไร้การเรียกร้อง ไม่กล่าวแม้คำลา

ทิ้งไว้เพียงคราบเลือดที่หยาดหยดจากกลีบบุปผา

และพู่ห้อยเอวขนนกสีฟ้า

เมื่อเห็นสิ่งนี้ใบหน้าหล่อเหลาแฝงกลิ่นอายมนต์มารที่แสนเย็นชาพลันมีปฏิกิริยา

เจิ้งจื่อหมิงหรี่ตาลงช้าๆ ใบหน้าดุจหยกสลักค่อย ๆ ปรากฏรอยยิ้มจาง ดวงตาคู่คมมองนิ่งที่ขนนกแบบเดียวกับปลายธนูปริศนาดอกนั้นนิ่งนาน

ขณะกำลังครุ่นคิด เสียงโวยวายจากห้องข้างๆ พลันดังลั่นเข้ามากระทบโสตประสาท

ร่างสูงลุกขึ้นจากเตียงสวมเสื้อผ้า แล้วเดินออกมาแง้มประตูห้องแอบมอง จึงเห็นเป็นสตรีชุดสีชมพูอีกครา

นางคือคุณหนูใหญ่หลินคนนั้น

ดวงตาบุรุษหรี่แคบขณะแอบฟัง

“เล่อเจิน...เล่อเจิน ข้า...นางๆ เฮ้อ...ข้าอธิบายได้ เจ้าช่วยฟังข้าสักคำ ข้ากับนาง...”

“ไม่จำเป็น พี่ลู่อวิ้น ท่านไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งสิ้น ข้าเสียใจมาก ผิดหวังเหลือเกิน หวังว่าจะไม่มีงานหมั้นเกิดขึ้นระหว่างเราเจ้าค่ะ ท่านควรรับผิดชอบนางให้ดี อย่าให้เป็นที่ครหา”

สิ้นวาจาสั่นเครือดังก้องไปทั่วชั้นสามของโรงเตี้ยม สตรีชุดสีชมพูก็หมุนกายร้องไห้และวิ่งจากไปไม่เหลียวหลัง ทิ้งไว้เพียงหลายสายตาจากแขกเหรื่อจากห้องอื่นมองตาม

“นั่นคุณหนูใหญ่สกุลหลินนี่นา แล้วนี่คุณชายสกุลลู่มิใช่รึ มีเรื่องอันใดกันนะ?”

“เจ้าโง่ พวกเขาเป็นคู่หมั้นกัน นางจับได้ว่าคู่หมั้นกำลังทำเรื่องเหลวไหลกับหญิงอื่นคาตาปะไร”

“โอว! เช่นนี้สมควรถอนหมั้น”

“แต่ดูเหมือนจะไม่ง่ายนะ ดูสิ คุณชายลู่ไม่ยอม เขาผลักสาวงามออกห่าง รีบสวมผ้ายกใหญ่ สงสัยจะรีบตามไปง้องอนคุณหนูใหญ่สกุลหลิน”

“อา...เช่นนั้นคงไม่ถอนหมั้นสินะเจ้าคะ ข้าเป็นสตรีด้วยกันเห็นแล้วรู้สึกแค้นแทนนัก”

“ใช่เจ้าค่ะ ข้าก็เช่นกัน หากไม่ถอนแต่โดยดีก็ต้องฟ้องศาลาว่าการแล้วล่ะ ข้าจะไปเป็นพยานให้นางดีหรือไม่”

“ดี ข้าไปด้วย...”

พยานหลายคนสลายการห้อมล้อมไปแล้ว คงเหลือเพียงบุรุษกับสตรีที่ยังอยู่ในห้องนั้น

เจิ้งจื่อหมิงยังคงหรี่ตาลงยามแอบมอง นิ่งฟังอย่างเย็นชา

ลู่อวิ้นกับสตรีนางหนึ่งกำลังยืนเถียงกันในสภาพเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย

“ข้าถูกยาปลุกกำหนัด ไม่ได้ตั้งใจสักนิด ข้าไม่ผิด เจ้านั่นแหละผิด เจ้าวางยาข้าใช่หรือไม่?”

“ข้าไม่ได้วางยา ไม่ใช่ข้านะ”

“โกหก เจ้าต้องการผูกมัดข้า ไร้ยางอายนัก”

“ท่านว่าอะไรนะ ลู่อวิ้น หึ! ใช่ แม้วันนี้ถูกวางยาจริง แต่วันอื่นเล่า ก่อนหน้านี้ท่านมาหาข้าถึงเรือนล้วนถูกวางยาด้วยหรือไม่?”

“จ่ะ เจ้า...”

“ว่าอย่างไร ทุกคืนที่เรือนข้า ท่านถูกวางยาหรือไม่”

“เจ้าอย่าเหลวไหล วันนี้หากไม่ใช่เจ้าวางยาข้า แล้วใครจะวางยาเล่า”

“ไม่รู้ ไม่ใช่ข้าแล้วกัน ห้ามโยนบาปให้ข้า”

“เจ้านั่นแหละวางยาข้าแล้วให้คู่หมั้นข้ามาเห็น เจ้าอยากให้ข้าถอนหมั้นใช่หรือไม่?”

“ไม่ใช่ข้านะ ข้ายอมอยู่เงียบๆ แล้วมิใช่หรือไร สัญญาจะเป็นอนุหลังท่านแต่งงานแล้วปะไร ข้าไม่ได้ทำ!”

“เจ้าไม่ทำแล้วใครทำ”

“ไม่รู้ ไม่ใช่ข้า...”

แม้สองคนนั้นไม่รู้ แต่เจิ้งจื่อหมิงกระจ่างแจ้งได้ทันที เมื่อนึกถึงอาการของแม่นางน้อยสกุลหลิน

ที่แท้ก็เช่นนี้...

เห็นทีนางคงพลาดถูกวางยาปลุกกำหนัดมา...

มุมปากบุรุษค่อยๆ ยกโค้งเกิดเป็นรอยยิ้มบาง บันดาลให้ใบหน้าหล่อเหลาแสนเย็นแลดูเจ้าเล่ห์เย้ายวนใจเป็นพิเศษ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel