ตอนที่ 4 ห้องอาบน้ำ
ย้อนกลับมาเมื่อชั่วยามก่อนที่โรงเตี๊ยมยู๋อี้
ภายในห้องพักพิเศษเหมาจ่ายรายปี หลังฉากกั้น อ่างไม้ถูกเตรียมน้ำอุ่นเอาไว้จนเต็มอ่าง
บุรุษหนุ่มร่างใหญ่ เรือนกายเต็มไปด้วยมัดกล้าม เดินเข้ามาอย่างใจเย็น เปลื้องผ้าออกจนหมดทั้งเรือนร่าง เผยแผงอกบึกบึน กล้ามเนื้อหนั่นแน่น ลาดไหล่กว้างใหญ่
ต้นแขนเต็มไปด้วยมัดกล้ามแลดูงดงามหาใดเทียม แผ่นหลังที่ตั้งสง่านั้นราวกับรูปสลักก็มิปาน
ทว่าทุกสัดส่วนซึ่งบ่งบอกถึงความแข็งแรงทรงพลังของบุรุษอย่างเด่นชัดนั้น ตั้งแต่ลาดไหล่แผงอกแผ่นหลัง เรื่อยลงมาถึงเอวสอบ สะโพกเพรียวและบั้นท้ายแกร่งล้วนมีริ้วรอยของบาดแผลที่หายสนิทแล้วหลายแห่ง บ่งบอกได้ถึงการทำศึกสงคราม แย่งชิงดินแดนและคอยกำราบต่างแคว้นอันหนักหนาสาหัสที่มีมาแต่ไหนแต่ไร
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาดุจหยกและรูปร่างสูงใหญ่เกินมาตรฐานผู้นี้คือองค์ชายต้าเจิ้งลำดับที่สี่ เจิ้งจื่อหมิง
ชายหนุ่มเพิ่งหลีกหนีความวุ่นวายในพระราชวังมา โดยการปลอมตัวเป็นสามัญชนหาที่หลับตาพักผ่อนสักงีบกลับเจอเรื่องราววุ่นวายยิ่งกว่า
เมื่อจู่ๆ มีสตรีชุดสีชมพูผู้หนึ่งลอบเข้ามาจับจังหวะตอนที่เขากำลังแช่ตัวล่อนจ้อนอยู่ในถังอาบน้ำ
จังหวะที่นางแอบเข้ามาสำเร็จกลับยืนหอบหายใจ มือหนึ่งจิกกำแพง มือหนึ่งลูบเนื้อตัวขึ้นลง บิดตัวไปมา คล้ายกำลังกดข่มอารมณ์บางอย่างเอาไว้สุดกำลัง
กระทั่งหันมาเจอเขาที่นั่งแช่น้ำอยู่ นางพลันยืนอึ้ง ประหนึ่งคาดไม่ถึงว่ามีคนอยู่ในห้องนี้
เจิ้งจื่อหมิงเองก็อึ้งงัน เพราะเขาเคยเห็นนางมาก่อนตอนมีงานเลี้ยงรวมเหล่าคุณหนูคุณชายจากสกุลขุนนาง การประชันแต่งกลอนและวาดภาพในพระราชวังวันนั้น อีกฝ่ายเอาชนะองค์หญิงสิบสาม
คุณหนูใหญ่สกุลหลินมิใช่หรือ?
“อา...ท่านเป็นใคร ไฉนรูปงามทุกสัดส่วน” นางถามพลางกวาดตามองเรือนกายของเขาอย่างหยาบคาย แววตาร้อนแรงดุจเปลวเพลิงปานนั้น โลมเลียไม่มีเขินอาย มีความหื่นกระหายฉายชัด
ม่านตาดำพลันหรี่แคบ นึกแปลกใจไม่เบา
สตรีจากสกุลราชบัณฑิตที่มักทำตัวเย็นชืดผู้หนึ่งคล้ายเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในยามนี้
“ท่ะ ท่าน เป็นใคร เหตุใด อยู่ที่นี่ ทำไมมีคนอยู่ อ่ะ ออกไปนะ” นางถามพร้อมสั่งด้วยเสียงแผ่วหวิวสั่นเครือ สองมือกำสาบเสื้อตัวเองไว้แน่น ทว่าสักพักกลับดึงออกประหนึ่งกำลังร้อนจากอากาศที่แห้งแล้ง “ท่านห้ามอยู่ที่นี่”
เจิ้งจื่อหมิงเลิกคิ้ว กล่าวเสียงชืดชา “นี่ห้องข้า”
นางส่ายหน้า เม้มปากแดงฉ่ำ ใบหน้าเนียนยิ่งนานยิ่งแดงก่ำเหมือนผลอิงเถา ค่อยๆ ย่องเบาเข้าหาเขาในถังไม้
“อา...ท่านบุรุษรูปงาม ไม่ไปได้ไหม?”
“...”
จากนั้นยังกระชากคอเขาเข้าหาแล้วประกบริมฝีปากกระหน่ำจูบอย่างอุกอาจ
“...!?”
บุรุษผู้หนึ่งเป็นถึงองค์ชายสูงศักดิ์ทั้งยังเป็นจอมทัพพิทักษ์ศึกทั่วแดน แต่นาง...
กระชากเขาด้วยมือเดียว!
แน่นอนว่าชายชาตินักรบฆ่าได้หยามไม่ได้
มือข้างหนึ่งจึงกระชากนางกลับ หมายจับกดลงน้ำ
ทว่ามิได้ผล คุณหนูในห้องหอผู้หนึ่งมีเรี่ยวแรงมากจนน่าใจหาย นางขืนตัวเองไว้ไม่ยอมลงมาในถังไม้เดียวกัน จากนั้นยังผละริมฝีปากออก ตวาดว่า “ปล่อยนะเจ้าคนชั่ว!”
“...”
“ไม่สิ ท่านห้ามปล่อยข้านะ” จบคำก็รั้งคอเขากลับไปจูบต่ออย่างบ้าคลั่งโดยมีถังไม้กั้นกลาง
เจิ้งจื่อหมิงลอบสูดลมหายใจงุนงงแกมหงุดหงิด นางจะเอาอย่างไรกันแน่?
ริมฝีปากแดงจิ้มลิ้มยังคงประกบปากเขาแนบแน่นอย่างต้องการล่วงเกินทั้งบีบบังคับให้คนปรนเปรอ
เจิ้งจื่อหมิงจึงจูบนางตอบอย่างต้องการเอาชนะ
แน่นอนว่าปลายลิ้นของเขาดุดันร้อนแรงยิ่งกว่า แผดเผาสตรีให้ตายทั้งเป็นได้ยิ่งกว่า
ยามนี้นางถึงขั้นอ่อนระทวย
ดวงตาเรียวคมปรือมองอย่างเย็นชา แผ่นหลังสง่าที่อิงถังไม้อยู่ยังคงนิ่งสนิท แอบมองท่าทีของสตรีผู้เหิมเกริม
พริบตานางกลับมีเรี่ยวแรงมหาศาล สามารถยกเขาที่รูปร่างสูงใหญ่ขึ้นจากถังอาบน้ำแล้วลากอย่างกราดเกรี้ยว ท่าทางคล้ายต้องการแต่ก็คล้ายต่อต้าน เดี๋ยวรุกเดี๋ยวถอย
“บังอาจนัก!” เจิ้งจื่อหมิงคำรามดุดัน จับนางพลิกหนึ่งตลบแล้วอุ้มร่างนุ่มพาดบ่า พาไปโยนโครมที่เตียงนอน
จังหวะที่กำลังหันไปหาเสื้อผ้ามาใส่ นางกลับรั้งไว้ จับเขากดลงบนฟูกนอน จากนั้นนางก็นั่งบนเอวสอบ กดบั้นท้ายกลมกลึงขึงสะโพกแกร่งเอาไว้ ขณะยืดตัวขึ้นเปลื้องชุดสีชมพูออกจนเปลือยเปล่า เผยผิวขาวผ่อง เนินอกสล้างชูชัน พลางก้มลงมาบดจูบเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ทว่าท้ายที่สุด นางกลับขืนตัวเองมิให้ทำอันใดมากกว่านั้น
สองมือหลินซิงเยียนยันฟูกเตียงสองแขนชันกาย ท่าทางคล้ายหักห้ามใจไม่ให้เข้าใกล้คนใต้ร่างเพราะรังเกียจ
ชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ผู้หนึ่งเคยมีสตรีหยามปานนี้หรือ คำตอบคือไม่ เจิ้งจื่อหมิงจึงพลิกนางกลับ กดร่างนุ่มจมเตียง
หน้าอกหยุ่นนุ่มกลมกลึงของนางชี้หน้าชี้ตาปานนั้น มีหรือจะรอดอุ้งปากร้อนร้ายของเขาได้