บท
ตั้งค่า

เตรียม

“เจี้ยนหลิง เดิมเคยร่ำเรียนเพลงกระบี่เช่นกัน ทว่ายังไม่เชี่ยวชาญในเพลงกระบี่เท่าที่ควร จึงขอประมือกับไท่จือเพียงสามกระบวนท่าแพ้ชนะในสามกระบวนท่านั้นตัดสินกันไป”

น้ำเสียงอ่อนหวานถ่อมตน ทว่าแววตามุ่งมั่น อย่างที่เพ่ยตงเคยเห็นอยู่เป็นประจำ หลินเจี้ยนหลิงจับกระบี่ตั้งแต่ห้าขวบ ร่ายรำเพลงกระบี่ได้แคล่วคล่อตั้งแต่แปดขวบ นางเพียงแค่ถ่อมตน เพื่อ...เพื่อสิ่งใดกัน

ไท่จือก้าวขายาวๆ เข้ามาในลานประลอง รูปร่างองอาจ ใบหน้าหล่อเหลาหาใครเทียบได้ยาก สายตาคมกริบจ้องที่หลินเจี้ยนหลิง รอยยิ้มผุดพรายขึ้นที่ริมฝีปาก

หลินเสี่ยวหลิน เบิกตากว้างด้วยไท่จือมีใบหน้าหล่อเหลาท่าทีองอาจอย่างที่สุดหญิงร้อยคน หากพบหน้าไท่จือก็คงมีอาการไม่ต่างจากเสี่ยวหลิน จะมีเพียงหนึ่งทในร้อยที่มีอาการเช่นเดียวกับเจี้ยนหลิงนั่นคือนิ่งเฉยไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรกับใบหน้าหล่อเหลานั้น

“ไท่จือ เจ้าเตรียมตัวมาหรือยัง หลินเจี้ยนหลิงนางไม่อยากประลองกับน้องสาวของตนเองจึงอยากให้ไท่จือช่วยมาร่วมประลองกับนางสักสามกระบวนท่า”ยิ้มมุมปาก

“ลูกยินดีอย่างยิ่ง”

ในใจรู้ดีว่าหากเป็นเสี่ยวหลิน คงต้องพ่ายแพ้ย่อยยับก็นางอ่อนหวานเพียงนั้น เมื่อเขาพบนางครั้งแรกถึงกับไม่อาจละสายตาจากท่าทีเยื้องย่างที่แสนจะอ่อนหวานชดช้อย

เจี้ยนหลิง ดึงกระบี่ออกจากฝัก ตั้งท่าคอยรับมือเพลงกระบี่ของไท่จือหยางฟงฉี ดึงกระบี่ออกจากฝักด้วยท่าทีงดงาม ราวภาพวาดกวักมือเรียกให้หลินเจี้ยนหลิง ที่ทะยานเข้าใส่ดั่งคนขี้โมโห เสียงคมกระบี่ในมือคนทั้งสองปะทะกันเกิดประกายไฟแล่บแปล็บปลาบ ร่างสูงของไท่จือดันร่างเล็กของ เจี้ยนหลิงไถลไปกับพื้นแต่ทว่า หาได้ล้มลุกคลุกคลานอย่างที่หยางฟงฉีคิดไว้แต่แรกว่าเพียงกระบวนท่าเดียวนางจะต้องแพ้ไม่เป็นท่าแต่ด้วยการรับมือของนางในตอนนี้นับว่าเขาคาดผิดไป กระบี่ในมือพลิกสะบัด พัวพันหลบหลีกจนหลุดออกจาการกลางกั้นของอีกฝ่าย

กระบวนท่าแรกผ่านไปง่ายดาย ไม่ได้หนักหนาอย่างที่หยางฟงฉีคิดว่านางจะต้องแทบกระอักเลือด

กระบวนท่าที่สอง ถูกร่ายรำขึ้นอีกครั้งคราวนี้ หลบหลีกราวกับสายลมแต่ก็แข็งแกร่งดุจหินผาตวัดรัดล้อมเข้าหาศัตรูจนจนมุม แต่เจี้ยนหลิงกลับพลิกตัวหลบทะยานออกจากกับดักเพลงกระบี่ เจี้ยนหลิงยังมีสีหน้าเรียบเฉย หยางฟงฉีรู้สึกใจเสียอย่างเห็นได้ชัด

ท่าร่ายรำกระบี่ที่ขาดความมั่นใจมีหรือเจี้ยนหลิงจะมองไม่ออก กระบวนท่าที่สามถูกโถมเข้าใส่ อย่างบ้าคลั่งรุนแรงคลายจะให้อีกฝ่ายแดดิ้นด้วยอารมณ์คุกรุ่น รู้สึกว่าถูกดูถูกฝีมือจากสาวงามรูปร่างบอบบางเช่นเจี้ยนหลิง ฮ่องเต้ถึงกับขมวดคิ้ว

เพ่ยตงเลิกคิ้วสูงด้วยไม่อยากจะเชื่อว่าไท่จือเป็นรองเจี้ยนหลิง เขาอดที่จะคิดไม่ได้ว่ายังคิดว่าจะชนะเจี้ยนหลิงได้อีกหรือในเมื่อเห็นได้ชัดว่าเป็นรองขนาดนี้

หยางฟงฉีทะยานขึ้นด้านบนจ่อคมกระบี่ตวัดเข้าหา อยู่ๆเจี้ยนหลิงก็ปล่อยกระบี่หลุดทรุดกายลงคุกเข่ายอมให้คมกระบี่จ่อที่คอหอยพอดี

ขันทีรีบขานโดยเร็ว

“ไท่จือเป็นฝ่ายชนะ”

กลัวว่าเจี้ยนหลิงจะเปลี่ยนใจ คนไม่รู้ก็ไม่มีทางมองออกทว่าเพ่ยตงรู้ดีว่าเจี้ยนหลิงแค่ยอมอ่อนข้อให้ เหมือนดังหงส์ในลายปักไม่มีผิด หยางฟงฉีเหลือบตามองเจี้ยนหลิงด้วยความรู้สึกประหลาดใจเพียงแค่นางไม่ปล่อยกระบี่หากจะรับมือเขามีหรือจะทำไม่ได้ เพียงแต่นางแสร้งทิ้งกระบี่ในมือเสียหลินเจี้ยนหลิงคนนี้ ทำเอาเขาแปลกใจไม่น้อย

“การประลองจบสิ้นลงแล้วการแต่งตั้งไท่จือเฟยจะมีขึ้นอีกในสองวัน”ขันทีรีบขานขึ้นดังๆ หลินเจี้ยนหลิงโยนกระบี่ในมือให้กับเพ่ยตง ก้าวขาย่อกายลงเบื้องหน้าฮ่องเต้ ไท่จือที่จ้องมองท่าทีองอาจของเจี้ยนหลิงคิดไม่ถึงว่า หญิงงามอย่างเจี้ยนหลิงที่เขาประเมินนางไว้เพียงแค่ไม้ประดับ แต่บัดนี้กับต้องคิดเสียใหม่

หลินเสี่ยวหลินเหลือบตามอง ไท่จือด้วยท่าทีอ่อนหวาน รอยยิ้มหวานหยดถูกส่งไปยังหยางฟงฉีไท่จือ ที่ก้าวเดินมาหยุดตรงหน้าของเสี่ยวหลิน

“ข้าเลือกเจ้า”

แววตาปีติบังเกิดขึ้นในดวงตาของเสี่ยวหลินในทันที เสียงราษฎรและขุนนางที่มาชมการประลองต่างอื้ออึงด้วย ทั้งสองช่างหล่อเหลาและงดงามสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก

“ช่างเป็นคู่สวรรค์สร้างเสียจริง นางอ่อนหวานน่าเอ็นดูต่างจากหลินเจี้ยนหลิงคนนั้น ที่นางช่างร้ายกาจ ในสายตาพวกเรา”

เสียงพูดนี้มีหรือเจี้ยนหลิงจะไม่ได้ยิน ในเมื่อเจี้ยนหลิงสร้างผลงานไว้มากมาย ที่ทำให้ผู้คนเกลียดชัง หากเป็นที่ตระกูลหลิน เจี้ยนหลิงคงสั่งตบปากคนพูดไปแล้ว แต่นี่แค่เพียงเดินหนีเสีย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel