ตอนที่ 2
อันตานั่งแท็กซี่กลับมาบ้าน...บ้านที่เธอไม่เคยรู้สึกว่ามันเป็นบ้านนับตั้งแต่ที่พ่อและแม่แท้ๆ ของเธอจากไป นานมาแล้ว บ้านหลังนี้เคยเป็นบ้านแสนสุขของเธอ จนกระทั่งกานติมา แม่ของเธอประสบอุบัติเหตุตกหน้าผาไปเมื่อตอนที่เธออายุเพียงสิบสามปี หลังจากนั้นอรรณพ พ่อของเธอก็แต่งงานใหม่กับแขไขซึ่งเป็นเพื่อนรักของแม่ แขไขเข้ามาอยู่ในบ้านนี้พร้อมกับลูกสาวที่ติดมากับสามีเก่าชื่อเข็มจิรา และหลังจากที่ทั้งคู่แต่งงานกันได้เพียงสองปี พ่อของเธอก็มาด่วนจากไปอย่างกะทันหัน เธอจึงตกอยู่ในสถานะกำพร้านับแต่ตอนนั้น
การสูญเสียทั้งพ่อและแม่สร้างความเจ็บปวดให้กับอันตามาก แต่ก็ไม่ทำให้หญิงสาวช็อกเท่ากับการเปิดพินัยกรรมของอรรณพ และพบว่าพ่อยกทุกอย่างให้กับแม่เลี้ยง ทั้งบริษัท ทั้งบ้าน ทั้งเงินสดที่มี ในขณะที่เธอซึ่งเป็นลูกสาวแท้ๆ กลับไม่ได้อะไรแม้แต่อย่างเดียว
ทุกย่างก้าวที่อันตาเดินเข้ามาในบ้านเธอต้องแทบกลั้นใจ เธอเกลียดบ้านหลังนี้ทั้งๆ ที่เคยรักมันอย่างสุดใจ เธอเกลียดสายตาของคนรับใช้ที่มองเธอราวกับคนแปลกหน้าที่จะเข้ามาขโมยของ...นับตั้งแต่อรรณพจากไป แขไขก็จัดการปฏิวัติทุกอย่างในบ้านหลังนี้ นางไล่คนรับใช้เก่าแก่ออกจนหมด และเปลี่ยนคนรับใช้พวกนี้เข้ามาแทน แม้แต่คุณอาภาสกร ทนายความประจำตระกูล แม่เลี้ยงของเธอก็ยังสั่งปลดระวางและจ้างทนายใหม่มาทำงานแทน
“มาแล้วหรือ...คุณผู้หญิงกับคุณหนูรอเธออยู่ที่ห้องนั่งเล่น” เสียงยายศรี แม่บ้านชราแสนเย่อหยิ่งบอกกับเธอด้วยน้ำเสียงกระแทกเล็กน้อย นัยน์ตาที่เริ่มฟ้าฟางแสดงความเกลียดชังเธออย่างปิดไม่มิดตามประสา ‘นายว่าขี้ข้าพลอย’
อันตาเพียงพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินเลี้ยวไปทางด้านขวาของตึกซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องนั่งเล่น ก็ได้เห็นร่างของหญิงสาวต่างวัยสองคนกำลังนั่งตัวตรงยืดคอระหงเชิดหน้าน้อยๆ และดวงหน้านั้นก็ยิ่งเชิดมาขึ้นเมื่อหันมาเห็นเธอกำลังเดินเข้าไปหา
“อันตามาแล้วค่ะแม่” เข็มจิราว่า หญิงสาวเป็นผู้หญิงตัวเล็กและอวบนิดๆ ดวงหน้ากลม และตาหยีซึ่งคิดเสมอว่ามันเป็นปมด้อยของเธอ จนพาลให้ริษยารูปร่างและใบหน้าของอันตาที่ถึงแม้จะมีศักดิ์เป็นพี่ แต่เธอก็ไม่คิดจะนับญาติด้วย
“เข้ามานั่งนี่สิ น้ามีเรื่องจะคุยด้วย” แขไขผายมือออกให้ลูกเลี้ยงมานั่งตรงหน้านาง พร้อมกับคลี่ริมฝีปากสีเลือดหมูยิ้มน้อยๆ และเป็นรอยยิ้มที่อันตารู้สึกว่ามันคือยาพิษชั้นดี
“คุณน้ามีอะไรหรือเปล่าคะ” แอร์โฮสเตรสสาวเอ่ยถามเสียงเบา ก่อนจะสะดุ้งน้อยๆ เมื่อจู่ๆ แขไขก็โยนแฟ้มเอกสารปึกใหญ่ลงตรงหน้าเธอ และสั่งให้เธอเปิดดู “เอกสารเกี่ยวกับรายได้บริษัทนี่คะ คุณน้าเอามาให้หนูดูทำไม” คำถามนั้นได้เสียงหัวเราะในลำคอตอบกลับมา ก่อนที่แขไขจะเอื้อมมือไปดึงเอกสารนั้นมาให้เข็มจิราถือไว้ และว่า
“ตอนนี้บริษัทกำลังแย่ สินค้าที่ส่งออกนอกก็ขายไม่ค่อยดี มีหุ้นส่วนหลายคนถอนหุ้นไป” เสียงเข้มกดลึกของแขไขค่อยๆ อธิบาย ร่างระหงในชุดสีดำประดับเลื่อมลายสีเงินลุกขึ้นมานั่งข้างๆ ลูกเลี้ยงและโอบไหล่เล็กนั้นไว้ และนี่เองที่อันตาเริ่มสัมผัสได้ถึงรังสีอันตรายที่คืบคลานเข้ามา “ถ้าขืนเป็นอย่างนี้ต่อไป บริษัทของคุณอรรณพพ่อของเธอต้องล้มละลายแน่”
“แล้วยังไงคะ” หญิงสาวถาม ด้วยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรได้ดีไปกว่านี้ บริษัทของพ่อเธอจะล้มละลายมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ เพราะเธอไม่มีชื่ออยู่ในบริษัท และเธอก็ไม่คิดจะไยดีมันนับตั้งแต่ที่รู้ว่าพ่อยกทุกสิ่งทุกอย่างให้แม่เลี้ยงแล้ว
“แล้วไงหรือ...นี่เธอโง่หรือเปล่าอันตา” คราวนี้เข็มจิราที่นั่งเงียบอยู่นานโพล่งเสียงแหลมๆ ออกมาอย่างไม่พอใจนัก “บริษัทของพ่อเธอกำลังจะล้มละลาย เธอไม่คิดจะช่วยอะไรเลยหรือยังไง”
“แล้วจะให้ช่วยยังไง ในเมื่อบริษัทมันไม่ใช่ของฉัน” อันตาสวนกลับน้องเลี้ยงของเธออย่างพยายามระงับอารมณ์เช่นกัน การต่อปากต่อคำกับเข็มจิราต่อหน้าแขไขไม่ใช่เรื่องดี เพราะคนที่เจ็บตัวจะกลายเป็นเธอ
“นี่ถ้าวิญญาณของคุณลุงอรรณพรู้ว่าเธอที่เป็นลูกสาวแท้ๆ ไม่คิดจะช่วยบริษัทที่ท่านสร้างขึ้นมา ท่านคงผิดหวังน่าดู” เข็มจิราจีบปากจีบคอพูด
“เข็ม พูดเกินไปแล้ว อันตาเขาช่วยได้” แขไขติงลูกสาวตัวเองนิดๆ ก่อนจะยิ้มให้กันอย่างมีเลศนัย ส่วนอันตาก็ได้แต่ย่นคิ้วอย่างไม่เข้าใจ “คืออย่างนี้อันตา หนูรู้จักคุณประภพใช่มั้ย เขาเป็นเพื่อนกับน้าเอง คุณประภพยินดีจะช่วยบริษัทที่กำลังจะล้มละลาย แถมยังใช้หนี้หลายร้อยล้านให้บริษัทของพ่อหนู ขอเพียงแต่...”
“อะไรคะ”
“เพียงแค่เธอยอมไปเป็นเมียของคุณประภพยังไงล่ะ” กลายเป็นเข็มจิราอีกที่โพล่งออกมา และเป็นคำที่ทำให้ร่างเพรียวในชุดสีฟ้าของอันตาผุดลุกขึ้นทันที ดวงหน้าเรียวหวานกับนัยน์ตาสีนิลมองแม่เลี้ยงกับน้องสาวอย่างไม่พอใจ
“ไม่มีทาง หนูไม่มีวันขายตัวเด็ดขาด”
“แต่นั่นมันบริษัทของพ่อแกนะ” คราวนี้เป็นแขไขที่ขึ้นเสียงบ้าง ดวงตาจิกนั้นวาวโรจน์ยามมองลูกเลี้ยงที่เธอแสนชังอย่างไม่พอใจ
“แต่พ่อก็ยกบริษัทนั้นให้คุณน้าไม่ใช่หรือคะ แล้วทำไมคุณน้าไม่ให้ยัยเข็มไปเป็นเมียของนายประภพนั่นเองล่ะ”
“ก็คุณประภพเขาอยากได้แก แค่นี้ช่วยไม่ได้หรือไง หรือแกอยากได้ชื่อว่าเป็นคนอกตัญญู” แขไขตวาดใส่อย่างไม่ลดละ มือเรียวอันประกอบด้วยเล็บสีแดงยาวนั้นจับหมับที่ต้นแขนลูกเลี้ยงและบีบจนอันตาหน้าเหยเก
“เธออย่าลืมนะอันตาว่าแม่ของฉันเลี้ยงดูเธอมา ส่งเสียให้เธอเรียนจนจบ พ่อเธอทิ้งอะไรไว้ให้เธอบ้างมั้ย ไม่มีเลย...สงสัยคุณลุงอรรณพคงรู้ว่าเธอมันเป็นพวกอกตัญญู ถึงได้ไม่ยกสมบัติให้เธอแม้แต่แดงเดียว”
“เข็มจิรา!” อันตาไม่รู้ว่าเธอเสียงดังแค่ไหนยามตวาดเรียกชื่อน้องเลี้ยงที่ดูจะไม่สะทกสะท้านกับสายตาขึงโกรธราวเปลวเพลิงของเธอแม้แต่น้อย ซ้ำยังคงยิ้มเยาะใส่และเดินออกไปนอกห้อง สักพักก็กลับมาพร้อมยายศรีและคนรับใช้อีกสองสามคน ก่อนจะสั่งเสียงสะใจ
“ยายศรี จับยัยอันตาไปขังไว้บนห้อง อย่าให้หนีไปไหนได้ ห้ามให้ออกจากห้องเด็ดขาด”
“ส่วนพวกมือถือนี่ แกอย่าหวังว่าจะได้ใช้ติดต่อกับใคร อาทิตย์หน้าจะมีงานเลี้ยงวันเกิดคุณประภพที่โรงแรม ฉันจะเอาตัวแกไปส่งให้คุณประภพวันนั้น ส่วนเรื่องงานแกไม่ต้องห่วง ถ้าคุณประภพเขาติดใจแก แกก็ไม่ต้องทำงานอีก เอาตัวมันไป” แขไขสั่งเฉียบและหันไปหัวเราะอย่างสะใจกับลูกสาวมองดูอันตาที่ถูกพวกยายศรีลากตัวออกไปอย่างทุลักทุเล
“ปล่อยฉันนะ คุณน้าไม่มีสิทธิ์มาทำกับหนูแบบนี้นะ ปล่อย”
อันตาตะโกนร้องทั้งน้ำตาของความเจ็บปวดและแค้นใจ หญิงสาวไม่อาจสู้แรงของคนรับใช้สามสี่คนที่ล็อกตัวเธอไว้ได้ และวินาทีต่อมาเธอก็ถูกโยนเข้ามาในห้องที่เคยเป็นห้องนอนของเธอ ก่อนที่ยายศรีจะลงกลอนขังเธอไว้ในนั้น ไม่สนว่าเธอจะพยายามทุบประตูห้องหรือตะโกนเสียงดังลั่นแค่ไหนก็ตาม