ตอนที่ 1
ภายในเลาจ์ของสายการบิน ร่างระหงนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ทอดสายตามองไปนอกกระจกเบื้องหน้าซึ่งมีเครื่องบินลำยักษ์จอดอยู่เรียงราย บางลำก็เตรียมทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า หญิงสาวใช้หลอดคนน้ำส้มกับน้ำแข็งในแก้วทรงสูงอย่างเหม่อลอย ดวงหน้าเรียวหวานฉาบเครื่องสำอางเล็กน้อยนั้นหม่นลงนิดๆ และถอนหายใจหนักๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณสองสามอาทิตย์ก่อนซึ่งเป็นเหตุให้ทันทีที่ลงจากเครื่อง เธอก็ถูกหัวหน้าเรียกตัวเข้าพบและสั่งให้พักงาน
...เธอถูกผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งมาตะโกนเรียกชื่อเธอกลางเลาจ์ของสายการบิน ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่ปล่อยเจ้าหล่อนเข้ามาได้อย่างไร แต่นั่นก็ทำให้เธอขายขี้หน้าอับอายจนไม่รู้จะหารอยแยกส่วนไหนของแผ่นดินเพื่อหนี ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาชี้หน้าและสาดวาจาผรุสวาทใส่เธอจนคนที่ได้ชื่อว่าเก็บอารมณ์และใจเย็นที่สุดอย่างเธอถึงกับของขึ้น
“ผู้หญิงหน้าด้าน ชอบแย่งของของชาวบ้านเขา หน้าเธอมันคงฉาบด้วยรองพื้นหนาเป็นนิ้วเลยล่ะสิถึงได้หน้าทนมายุ่งกับคนที่เขามีเจ้าของแล้ว” เสียงหญิงสาวลูกครึ่งคนนั้นยังดังก้องอยู่ในโสต
“ฉันไม่เคยแย่งของของใคร” เวลานั้นอันตาคิดว่าเธอตอบกลับไปเสียงดังฟังชัด แต่เปล่าเลย เสียงของเธอเบาหวิวและเหมือนจะปลิวไปกับสายลมด้วยซ้ำ เธอรู้ว่าตอนนั้นตัวเธอสั่นไปหมด สั่นด้วยความโกรธและอับอายกับสายตาของทั้งลูกค้าและเพื่อนร่วมงานภายในเลาจ์นี้
“หน้าด้าน เธอแย่งวัชระไปจากฉัน เขาทิ้งฉันไปก็เพราะเธอ เธอมันไร้ยางอาย ไม่มีสามัญสำนึก นี่คงจะใช้ไอ้หน้าหนาๆ เที่ยวร่อนแลกกับเงินมาไม่รู้กี่คนแล้วสิ ถึงได้เก่งกาจจนทำให้วัชระเขาติดใจ”
“ฉันเป็นคนมีศักดิ์ศรีมากพอ และไม่เคยคิดที่จะขายตัวแลกเงินกับใคร” ตอนนี้แหละที่อันตารู้สึกเหมือนมีไฟมาสุมอยู่ในอกไม่รู้กี่ร้อยกี่พันกอง ตาคมกริบมองสบตาเชือดเฉือนของสาวลูกครึ่งที่ยืนจังก้าตรงหน้าเธออย่างเหลืออด และตอบกลับด้วยคำพูดที่ทำเอาฝ่ายนั้นเต้นเร่าๆ “อีกอย่างการที่วัชระเขาทิ้งคุณ ก็เป็นคำตอบแล้วไม่ใช่หรือว่าเขาเลือกฉัน วัชระเป็นอย่างนี้แหละ เล่นกับผู้หญิงไปทั่ว แต่สุดท้ายคนที่เขาเลือกก็คือฉัน แต่ถ้าคุณคิดว่าสามารถยึดเขาไว้ได้จริงๆ ฉันก็ยินดียกให้”
พูดจบอันตาก็เตรียมตัวหันหลังเพื่อเดินออกจากเลาจ์ ทีนี้อะไรจะเกิดขึ้นกับเธอก็ต้องยอมรับแล้ว เพราะการมีเรื่องชู้สาวแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องดีแน่ เธออาจถูกพักบิน อาจถูกยกเลิกบินกะทันหันก็ได้ แต่ถ้าให้เธออยู่เฉยๆ ให้ผู้หญิงคนนั้นเหยียดหยามเธอก็ทำไม่ได้เช่นกัน แต่ก่อนที่เธอจะได้เดินออกจากเลาจ์ไป เสียงของสาวลูกครึ่งคนนั้นก็ยังตะเบ็งไล่หลังเหมือนคนถือไพ่เหนือกว่าว่า
“ได้...เธอพูดเองนะ ก็ให้มันรู้ไปสิว่าวัชระเขาจะเห็นเธอสำคัญว่าลูกของเขาในท้องของฉัน!”
“คิดอะไรอยู่อันตา” เสียงเมลานี เพื่อนสาวชาวอิตาเลียนเอ่ยทักพร้อมกับพาร่างสูงเพรียวราวนางแบบมานั่งข้างๆ
“ฉันถูกงดบินหนึ่งเดือน” อันตาเอ่ยเสียงเศร้านิดๆ จนเมลานีต้องเอื้อมมือไปบีบไหล่เบาๆ อย่างให้กำลังใจ...เรื่องที่เกิดขึ้นถึงแม้ว่าอันตาจะไม่ผิด แต่การมีเรื่องกันภายในเลาจ์ของสายการบินก็ยังความเสื่อมเสียมาให้องค์กร
“เอาน่า ถือซะว่าพักผ่อนแล้วกัน เธอบินไปโน่นไปนี่ติดต่อกันหลายอาทิตย์แล้ว หยุดพักบ้างก็ดี หาเวลาไปเที่ยวใช้เงินบ้าง” เมลานีทำเสียงร่าเริงปลอบใจเพื่อนจนอันตาคลี่ยิ้มออกมาบ้าง
อันตามองสบตาสีฟ้าสดใสของเพื่อนสาวชาวต่างชาติด้วยความรู้สึกอบอุ่น เพราะอย่างน้อยในชีวิตเธอก็ยังมีเพื่อน เธอกับเมลานีรู้จักกันตอนที่เป็นแอร์โฮสเตรสฝึกหัด ความสดใสและจริงใจของเมลานีทำให้เธอสนิทสนมกับเจ้าหล่อนได้อย่างรวดเร็ว และกลายเป็นคู่หูกันในที่สุด เมลานีรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับชีวิตเธอ ทั้งเรื่องที่บ้านและเรื่องหัวใจ
“อ้อ...พนักงานที่เลาจ์บอกว่ามีคนฝากจดหมายนี้มาให้เธอ ฉันเองก็อ่านภาษาไทยไม่ค่อยออกล่ะนะ แต่ก็พอเดาได้ว่าใคร” พูดไปเมลานีก็เบะปากอย่างรู้สึกรังเกียจเล็กน้อย แต่ก่อนที่อันตาจะเปิดจดหมายอ่านหญิงสาวก็เอื้อมมือไปรั้งมืออันตาไว้ และเอ่ยเสียงเข้ม “บอกตามตรงนะ ฉันไม่อยากให้เธอใจอ่อนให้นายวัชระอะไรนั่นอีกแล้ว ผู้ชายเจ้าชู้ไม่แคร์ความรู้สึกเธออย่างนั้น เลิกๆ ไปเถอะ อย่าใจอ่อนเด็ดขาดนะอันตา”
อันตาไม่ตอบได้แต่ยิ้มบางๆ ให้เพื่อน ทว่าในใจเธอเองได้ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวแล้ว ที่ผ่านมาเธอให้โอกาสวัชระมากเกินไป มากจนเขาไม่เห็นคุณค่า เพียงเพราะแค่เธอเสียดายเวลาที่คบกันมาหลายปี ทั้งยังรู้สึกว่าเธอมีเขาเพียงคนเดียวในชีวิตที่เข้าใจ ทำให้ไม่อาจตัดใจจากเขาได้ แต่ครั้งนี้บางทีเธอควรที่จะพอเสียที เธอควรจะปล่อยเขาไปเพื่อเด็กตาดำๆ ที่กำลังจะลืมตาดูโลก เด็กที่อยู่ในท้องของผู้หญิงคนนั้น...
...อันตา วัชขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นนะ แต่วัชตกลงกับผู้หญิงคนนั้นได้แล้วนะ ต่อไปนี้เขาจะไม่มายุ่งกับอันตาอีก วัชก็จะไม่ยุ่งกับเขาอีก อันตายกโทษให้วัชนะ ตอนนี้วัชต้องบินไปต่างประเทศอีกเป็นเดือนกว่าจะกลับ แล้วเรามาคุยกันนะอันตา วัชรักอันตานะ...วัชระ
อันตาปิดจดหมายลงและพับเป็นสี่เหลี่ยมก่อนจะนำมันไปรองแก้วน้ำส้มอย่างตัดใจ...หมดเวลาสำหรับให้คนผิดแก้ตัว วัชระต้องบินไปต่างประเทศ ชายหนุ่มทำงานสายการบินเช่นเดียวกับเธอ เขาเป็นนักบินผู้ช่วยของอีกสายการบินหนึ่ง ก็อาจเป็นโอกาสดีที่เธอจะตัดสัมพันธ์กับเขาได้ง่ายขึ้น
“ดีมากจ้ะอันตา” เมลานีเอ่ยชมการกระทำของเพื่อนสาวอย่างพอใจ เพราะการทิ้งจดหมายไปอย่างไม่ไยดี ก็แสดงว่าอันตาตัดสินใจเด็ดเดี่ยวแล้วว่าจะเลิกกับวัชระ “ฉันว่าสวยๆ อย่างเธอหาใหม่ได้ไม่ยากหรอก นี่ถ้าจะหาใหม่เอาให้หล่อให้เริ่ดกว่านายวัชระนั่นไปเลยนะ แต่ฉันว่าอย่างผู้ชายที่ชื่อวินเซนต์อะไรนั่นก็โออยู่นะ หล่อ มีเสน่ห์ น่าหลงใหล ที่สำคัญ ฉันเห็นนะว่าเขามองเธอตาไม่กะพริบเลย”
“บ้าน่าเมนี...” อันตาว่าพลางเอื้อมมือไปตีเพื่อนเบาๆ แก้เขิน แล้วก็อดนึกถึงเจ้าของนัยน์ตาสีเทาที่ทำกระเป๋าสตางค์ตกไว้ไม่ได้ เธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมดวงตาคู่นั้นถึงทำให้เธอใจสั่นได้ หรืออาจเป็นอย่างที่เมลานีว่า เขามีเสน่ห์ และน่าหลงใหล แต่คงไม่ได้เป็นเธอคนเดียวหรอกกระมังที่ใจสั่น คนอื่นก็น่าจะเป็นแบบเธอด้วยล่ะน่า อีกอย่าง เธอเองก็ใช่พวกหลงรักผู้ชายได้เพียงแรกเห็นเสียเมื่อไหร่ “ฉันกลับบ้านก่อนนะ”
“กลับบ้าน” เมลานีร้องเสียงสูงอย่างไม่เชื่อหู เพราะโดยปกติแล้วอันตาแทบจะไม่กลับไปเหยียบ ‘บ้าน’ เลยแม้แต่น้อย ตั้งแต่ทำงานหาเงินเองได้อันตาก็ซื้อคอนโดใกล้ๆ สนามบินอยู่ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับแม่เลี้ยงและน้องเลี้ยง
“พอดีคุณน้าแขไขโทรมาบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ”
“อ้อ...คำสั่งแม่เลี้ยงมหาภัยของเธอ โชคดีนะอันตา คืนนี้ฉันต้องบินแล้ว อีกตั้งเดือนกว่าเราจะได้เจอกัน” เมลานีว่าพลางกอดเพื่อนสาวอย่างให้กำลังใจ
“เดินทางปลอดภัยนะ” อันตาเดินไปหยิบกระเป๋าที่ห้องเก็บสัมภาระภายในเลาจ์ก่อนจะเดินออกจากเลาจ์ไปอย่างพยายามไม่สนใจสายตาของพนักงานที่อยู่ในเหตุการณ์ที่เธอถูกประจานว่าแย่งผู้ชายของชาวบ้านวันนั้น หญิงสาวเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิด เธอไม่จำเป็นต้องอาย และนับแต่วันนี้เป็นต้นไป เหตุการณ์แบบวันนั้นจะไม่เกิดขึ้นกับเธออีก