[ตอนที่ 7 จับตาดูนางไว้]
ลิขิตรักพลิกชะตาร้าย
[ตอนที่ 7 จับตาดูนางไว้]
"ช่างเถิด หากจำไม่ได้ก็ช่าง เจ้าพักผ่อนเสียเปิ่นหวางหาได้มีธุระอะไรไม่" ท่านอ๋องโม่หยางหมิงตัดบท ก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรอีก
"เป็นท่านอ๋องก็ดีเนอะ จะไปจะมานี่ง่ายจริง ๆ ทำฉันบิวท์บทดร่ามาค้างไปเลย ให้ตายเหอะ!" อิงอิงพึมพำเพราะเซ็งที่อุตสาห์เล่นใหญ่ แต่บทเขาจะไปก็ไปดื้อ ๆ เสียอย่างนั้น เธอจึงได้แต่ปาดน้ำตาออก ก่อนลุกขึ้นนั่งบนเตียง มองเจ้าของร่างสูงที่เดินหายลับสายตาไปแล้ว
'คนของท่านอ๋องคงสืบเรื่องได้แน่ ถ้าชายชู้ของเซี่ยวอิงไม่มีตัวตนจริง ๆ ความผิดนี้คงหลุดไปได้ไม่ยาก'
ใบหน้าหญิงสาวเต็มไปด้วยแผนการ ตอนนี้เรื่องของนางกำนัลจางเซี่ยวอิงเริ่มมีความเคลื่อนไหวแล้ว เห็นทีตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เธอคงต้องเล่นบทความจำเสื่อมจริงๆ
มีซีรี่ส์หลายเรื่องที่นางเอกข้ามภพแล้วจดจำอะไรไม่ได้ และเธอเองก็คงทำทุกอย่างเหมือนนางกำนัลจางเซี่ยวอิงไม่ได้เช่นกัน การสวมรอยเป็นอีกคนให้แนบเนียนมันทำไม่ได้ง่าย ๆ การแกล้งความจำเสื่อมทำได้ง่ายกว่า และไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนสงสัยว่าจางเซี่ยวอิงมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปยังไง อีกทั้งแผนนี้ยังทำให้ศัตรูชะล่าใจ และร่างของจางเซี่ยวอิงก็มีความปลอดภัยมากขึ้น
"เซี่ยวอิง" อิงอิงส่งเสียงเรียก แม้ไม่เห็นวิญญาณแต่ตอนนี้เธอรับรู้ได้ว่าวิญญาณของจางเซี่ยวอิงยังอยู่ในห้อง
"ข้ายังอยู่ เจ้ามีสิ่งใดก็เอ่ยมาเถิด" จางเซี่ยวอิงรอฟังนางอธิบาย
"ฉันจะใช้แผนความจำเสื่อมเพื่อให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงและยื้อเวลาหาหลักฐานไปด้วย แต่ช่วงที่ฉันยังพักฟื้น เธอที่รู้เรื่องที่นี่ดีกว่าฉัน ช่วยไปสืบความเคลื่อนไหวของนางกำนัลและพระสนมทุกคนในตำหนักมาที พรุ่งนี้ฉันจะเริ่มแผนแล้วล่ะ" อิงอิงเล่าแผนคร่าว ๆ
"ข้าเข้าใจแล้ว ถ้าเจ้าว่าแผนนี้ดีเจ้าก็รีบพักเถิด ข้าจะไปสืบความมาให้" จางเซี่ยวอิงรับคำ
เวลาต่อมา...หมอหลวงฝีมือดีที่สุดของแคว้นฉิงถูกท่านอ๋องโม่หยางหมิงเรียกตัวมาให้ตรวจอาการของนางกำนัลจางเซี่ยวอิง และได้สรุปข้อวินิจฉัยให้บุรุษหนุ่มฟังว่า...
"ทูลท่านอ๋อง อาการทางร่างกายโดยรวมของนางดีขึ้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทว่าท่าทางของนางดูเหมือนคนสติเลอะเลือน คาดว่าน่าจะเกิดจากภาวะที่สมองหยุดทำงานเฉกเช่นคนตายไปช่วงขณะหนึ่ง และจู่ ๆ กลับฟื้นคืนมา การที่สมองกลับมาสั่งการอีกครั้งจึงอาจส่งผลกระทบต่อความทรงจำของนางได้พ่ะย่ะค่ะ"
"เปิ่นหวางเข้าใจแล้ว..." ท่านอ๋องรับคำ นัยน์ตาคมมองสบนัยน์ตาคู่งามที่มิคุ้นเคย
"หากไม่มีเรื่องใดแล้ว ท่านหมอตามข้ามาเถิด ข้าจะให้คนไปส่งท่าน" องครักษ์ลู่หลงเห็นว่าท่านอ๋องมิถามอะไรอีก จึงได้เชิญท่านหมอกลับ
"กระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ" ท่านหมอเอ่ยลา ก่อนจะตามองครักษ์หนุ่มออกไป
อิงอิงได้แต่นั่งเงียบ เธอประหม่าเล็กน้อยที่ภายในห้องเหลือแค่เธอกับท่านอ๋องสองต่อสอง โชคดีที่คำวินิจฉัยของท่านหมอเข้าทางของเธอพอดี ไม่เสียแรงที่สวมบทนางเอกสติเลอะเลือนต่อหน้าท่านหมอ
"เจ้าจำอะไรไม่ได้เช่นนี้ เปิ่นหวางจะสอบสวนเจ้าอย่างไร" ท่านอ๋องเปรยออกมา ชายชู้ที่เขาให้ลู่หลงไปสืบความ องครักษ์หนุ่มหาได้พบผู้ต้องสงสัยไม่ ช่วงที่เขาไม่อยู่ไม่มีบ่าวในตำหนักเห็นชายแปลกหน้าเข้ามาสักคน แล้วข้อหาคบชู้สู่ชายของจางเซี่ยวอิงมาได้อย่างไร
"สอบ...สอบสวนอะไรหรือเพคะ" อิงอิงหยั่งเชิง ดูเหมือนว่าเรื่องที่ท่านอ๋องให้คนไปสืบจะได้คำตอบแล้วสินะ
"เอาเถิดเสี่ยวอิง หากจำเจ้าอะไรไม่ได้ และไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเจ้าไม่ได้ทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา เปิ่นหวางอาจจะต้องหาหลักฐานกับเจ้า ถึงตอนนั้นเจ้าจะยินดีพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเจ้ารึไม่" ท่านอ๋องถามขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
ในเมื่อจางเซี่ยวอิงยืนยันว่าตนเองไม่ได้ทำผิด จะไปมีหลักฐานได้อย่างไร และคนอย่างอิงอิงหากไม่ได้ทำผิดแล้ว ทำไมต้องเธอกลัวการทดสอบ
'อยากทดสอบก็เชิญ คนจริงอย่างอิงอิงไม่เคยหวั่นแม้วันมามากอยู่แล้ว'
"แม้จะไม่รู้ว่าท่านอ๋องกำลังเอ่ยถึงเรื่องใด แต่ถ้าทำเพื่อพิสูจน์ความจริง บ่าวไม่ปฏิเสธเพคะ"
โม่หยางหมิงมองนางอย่างชั่งใจ เพียงเขาเอ่ยถาม นางก็ตอบแบบไม่ต้องทบทวนอะไรให้ซับซ้อน หาได้มีแววตาหวั่นเกรงหรือสับสนไม่ ราวกับนางไม่ได้มีเรื่องปิดบังเขา
หากนางแกล้งจำอะไรไม่ได้เพื่อต้องการหลบหนีความผิด เขาเชื่อว่าพฤติกรรมของนางจะมิสามารถรอดพ้นสายตาของเขาไปได้
แต่ถ้านางจำอะไรไม่ได้จริง ๆ การที่นางไม่แสดงความกังวลออกมา ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ คนเราหากจำมิได้ ก็จะมิกลัวถูกจับเท็จเช่นกัน
'อ่า...เสี่ยวอิงเจ้าทำเปิ่นหวางปวดหัวยิ่งนัก'
"ดูเหมือนว่าคนของท่านอ๋องจะหาตัวชายชู้ของข้าไม่ได้ แม่นางอิงอิงผลวินิจฉัยที่ท่านหมอทูลต่อท่านอ๋องได้ถูกนางกำนัลนำความไปแจ้งต่อพระสนมแล้ว เจ้าจะทำเช่นไรต่อ" ดวงวิญญาณของจางเซี่ยวอิงล่องลอยไปทั่วตำหนักฉิงเทียนเพื่อสืบความให้อิงอิง ยิ่งเวลาเหลือน้อยทั้งสองก็ต้องรีบรวบรวมข้อมูลส่งต่อกันและกัน
อิงอิงได้ฟังก็ลอบหยัดยิ้มมุมปาก พระสนมลี่ช่างมีอิทธิพลกับนางกำนัลทั่วตำหนัก หลังจากจางเซี่ยวอิงวิญญาณแตกดับไปแล้ว เธอคงต้องระวังตัวมากขึ้น
'เข้าสู่ชั่วยามที่สองแล้วคงต้องออกไปดูสถานการณ์รอบ ๆ ซะแล้ว'
"ท่านอ๋องเพคะ บ่าวพอจะลุกไหวแล้ว บ่าวขอออกไปข้างนั่งสูดอากาศข้างนอกได้รึไม่เพคะ"
"เจ้าจะไปที่ใด แน่ใจว่าเจ้าดีขึ้นแล้ว ไม่ใช่ว่าออกไปแล้วหกล้มหัวฟาดขึ้นมาอีก เปิ่นหวาง..." ท่านอ๋องถามเสียยืดยาว จนอิงอิงชักจะสงสัย
'ตาอ๋องนี่คงไม่ได้ชอบจางเซี่ยวอิงใช่ไหมเนี่ย นี้ต้องห่วงนางกำนัลเล็ก ๆ ขนาดนี้เลยเหรอ'
"บ่าวลุกไหวจริง ๆ เพคะ ให้บ่าวไปรับใช้ท่านอ๋องก็ยังได้ บ่าวพอทำไหวแล้วจริง ๆ" ได้ฟังนางยืนยันทำให้โม่หยางหมิงมองนางอย่างชั่งใจ ก่อนจะเอ่ยอนุญาต
"ยังไม่ต้องทำงานถ้าเปิ่นหวางยังไม่สั่ง เดินอยู่แถวๆนี้ก็พอ" บุรุษหนุ่มว่า
"บ่าวทราบแล้วเพคะ" อิงอิงคลี่ยิ้มน้อย ๆ
ท่านอ๋องมิได้เอ่ยอะไรกับนางอีก บุรุษหนุ่มเดินออกจากห้องก่อนจะเรียกองครักษ์เงาออกมาระหว่างทาง
"อาไค!"
"ท่านอ๋องต้องการรับสั่งสิ่งใดพ่ะย่ะค่ะ" ร่างขององครักษ์หนุ่มลู่ไคปรากฏตัวขึ้นราวภาพมายา
"จับตาดูนางไว้ มีอะไรรีบรายงานเปิ่นหวาง"
"กระหม่อมทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ" ลู่ไครับคำสั่ง ก่อนจะถอยออกไปอย่างรวดเร็วไร้ร่องรอย
อิงอิงเดินออกมานอกห้องพักเพื่อสังเกตการณ์ ด้านนอกเป็นระเบียงเรือนทอดยาว มองเห็นเรือนต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่อย่างเป็นสัดส่วน นางกำนัลและบ่าวรับใช้ต่างกำลังทำงานของตน ในช่วงกลางวันดูเหมือนภายในตำหนักฉิงเทียนจะมีคนเข้าออกตลอด น่าจะมีทหารเดินเวรยามไม่ขาด
สาวน้อยเดินออกมานั่งเล่นบนก้อนหินประดับก้อนใหญ่ที่วางอยู่ใต้ต้นไม้หน้าเรือนพัก ก่อนสูดออกซิเจนเข้าเต็มปอด แม้จะเพิ่งมาถึงที่นี่ได้ไม่ถึงสามชั่วโมง แต่เธอกลับรู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ ความรู้สึกนี้คงจะเป็นความรู้สึกของจางเซี่ยวอิงที่ติดค้างอยู่สินะ
"เหตุใดเจ้าถึงออกมาเล่าแม่นางอิงอิง" ดวงวิญญาณจางเซี่ยวอิงที่ล่องลอยมาจากเรือนของพระสนมลี่เอ่ยถาม
"เข้ายามที่สองแล้ว พวกพระสนมเป็นยังไงบ้าง"
"พวกนางอยากพิสูจน์ว่าเจ้าความจำเสื่อมจริงรึไม่ อีกไม่นานคงจะส่งอาหลีมาหาเจ้า"
"เซี่ยวอิงดูเหมือนว่าด้านหลังของฉันมีความเคลื่อนไหว เธอมองเห็นใครบ้างไหม" อิงอิงเดาว่าท่านอ๋องน่าจะให้คนจับตามองเธอ แต่เธอไม่กล้าหันกลับไปมองอีกฝ่ายตรง ๆ เพราะกลัวไก่จะตื่น