บทย่อ
เมื่อชะตารักของนางเป็นดั่งกระสวยด้ายที่กลิ้งไปอย่างไร้ทิศทาง ทว่ากลับเกี่ยวพันเส้นด้ายแห่งลิขิตของพวกเขาทั้งสามให้ปักใจรักแค่นางแต่เพียงผู้เดียว อันความสุขรสหวาน ที่เคล้าความเศร้ารสขม ได้ร้อยเรียงความสัมพันธ์ระหว่างนางและพวกเขาทั้งสามให้อยู่ในวังวนแห่งโชคชะตารักอันยุ่งเหยิง เมื่อต้องเป็นที่รักและรักได้เพียงแค่หนึ่ง นางจะเลือกวางหัวใจไว้ที่ผู้ใด เมื่อหนึ่งงดงามราวบุรุษในฝัน หนึ่งดุดันเยือกเย็น ทว่ากลับอ่อนโยนจนหวั่นไหว หนึ่งทำตัวราวยอดดวงใจ เข้าปกป้องเภทภัยมิให้กล้ำกรายนาง
[ตอนที่ 1 ไร้วาสนา]
ลิขิตรักพลิกชะตาร้าย
[ตอนที่ 1 ไร้วาสนา]
ณ ตำหนักฉิงเทียน แคว้นฉิง
เพียะ!
เพียะ!
ร่วมครึ่งชั่วยามที่เสียงแส้หนังฟาดลงบนร่างเล็กจนชุ่มโชกไปด้วยหยาดโลหิตคาวข้น ของเหลวแดงฉานไหลซึมออกมาตามรอยแตกเป็นเส้นของผิวกายขาวซีด
'จางเซี่ยวอิง' ดรุณีน้อยแสนอาภัพกำพร้าครอบครัวตั้งแต่แรกเกิด อาศัยเพียงชายคาหอคณิกาใหญ่ในเมืองหลบแดดฝน คอยปรนนิบัติรับใช้เหล่าหญิงสาวที่ทำงานเป็นนางโลมในหอแลกข้าวประทังชีวิต
กระทั่งวันหนึ่งเด็กสาวที่ผ่านฝนผ่านหนาวเริ่มเข้าสู่วัยแรกแย้ม นางได้รับโอกาสจาก 'จางรุ่ยเอ๋อร์' ซึ่งเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของหอคณิกา ด้วยรุ่ยเอ๋อร์รักใคร่เอ็นดูเซี่ยวอิงจึงไม่อยากให้เด็กสาวต้องมีราคีคาวแปดเปื้อน ใช้ชีวิตเป็นหญิงนางโลมทั้งที่พอจะมีหนทางเลือกที่ดีกว่า
จางรุ่ยเอ๋อร์โฉมสะคราญมีชื่อเสียงโด่งดังในเมืองหลวง และพอจะรู้จักมักคุ้นกับเฉินมามาที่มาจากหมู่บ้านในชนบทเดียวกัน หญิงสาวรู้ว่าเฉินมามาเป็นผู้คัดกรองและดูแลนางกำนัลทั้งหมดในวังหลวง จึงได้ขอฝากเซี่ยวอิงเข้าร่วมคัดเลือก เพื่อเข้าเป็นนางกำนัลในวังด้วย เซี่ยวอิงจะได้ไม่ต้องขายร่างกายหากินเช่นนาง
ครั้นได้เข้าวังสาวน้อยจางเซี่ยวอิงมีโชคดั่งบุญหล่นทับ เด็กสาวในฐานะนางกำนัลหน้าใหม่ถูกส่งตัวไปรับใช้ที่ตำหนักฉิงเทียนได้ไม่นาน ก็ได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋องสาม 'โม่หยางหมิง'
บุรุษหนุ่มรูปงามให้นางคอยรับใช้ใกล้ชิดอยู่ทุกวี่วัน ด้วยเห็นว่านางเป็นเด็กฉลาด เรียนรู้สิ่งต่าง ๆได้ดี ทั้งยังเรียบร้อยอ่อนน้อม และขยันขันแข็ง แต่นั่นทำให้เหล่านางกำนัลที่หวังจะได้รับใช้ไต่เต้าไปสู่ตำแหน่งพระสนมเกิดแรงริษยา เที่ยวสุมไฟเรื่องของสาวน้อยต่าง ๆ นานาให้เหล่าพระสนมของท่านอ๋องฟัง จนเซี่ยวอิงที่ไร้หลักพึ่งพิงถูกกลั่นแกล้งรังแกสารพัดวิธีมิเว้นวัน แต่ถึงกระนั้นสาวน้อยก็พยายามอดทน ด้วยนางไม่อยากถูกส่งตัวออกจากตำหนักฉิงเทียนไปรับใช้ผู้อื่น
ทว่าโชคดีล้วนมิได้มีตลอดไปดังคำกล่าว เมื่อท่านอ๋องโม่หยางหมิงต้องเดินทางไปยังชายแดนพร้อมท่านแม่ทัพใหญ่ 'เซี่ยเฟิงอวิ๋น' เพื่อตรวจราชการแทนองค์ฮ่องเต้แห่งแคว้นฉิงเสียหลายวัน จึงเป็นการเปิดโอกาสให้เหล่าพระสนมและนางกำนัลในตำหนักได้รังแกนางอย่างเต็มที่
ตั้งแต่ท่านอ๋องสามก้าวพ้นประตูวังไป จางเซี่ยวอิงก็ถูกบ่าวรับใช้สองคนลากมาขังไว้ในห้องเก็บฟืน ด้วยมีคำสั่งจากพระสนมให้นางอดข้าวอดน้ำมิพอ เหล่าพระสนมแวะเวียนกันมารังแกนาง
กระทั่งวันสุดท้าย สาวน้อยจางเซี่ยวอิงที่ร่างกายอิดโรยจากการอดอาหารและถูกตบตีซ้ำ ๆ แทบจะขยับปากเอ่ยสิ่งใดไม่ออก นางยังคงแข็งใจรอท่านอ๋องกลับมา
'ไม่ว่าอย่างไรก็อยากพบ บ่าวจะรอท่านอ๋อง' หัวใจดวงน้อยพร่ำภาวนาเช้าค่ำ
"หึ! จางเซี่ยวอิงหนอจางเซี่ยวอิง เจ้ามันก็แค่หญิงชั้นต่ำ ดันอยากขึ้นมาเทียบชั้นกับพวกข้าที่มาจากตระกูลขุนนาง คิดว่าเจ้าจะใช้เต้าไต่ขึ้นมายืนเหยียบหัวพวกข้าได้อย่างนั้นรึ"
ได้ฟังพระสนมอันดับหนึ่งของตำหนักฉิงเทียนเอ่ยเช่นนั้น จางเซี่ยวอิงที่ยังพอฝืนแรงไหวก็ส่ายหน้าปฏิเสธ น้ำตาของเด็กสาวรินไหลมิหยุด เพียงแค่ได้รับใช้ท่านอ๋อง ไม่คิดว่าสิ่งที่เป็นโชคราวบุญหล่นทับ กลับพามหันตภัยร้ายมาสู่ตัวนางเช่นวันนี้
"บ่าว...บ่าวมิคิดอาจเอื้อมท่านอ๋อง บะ...บ่าวมิได้จะเทียบชั้น แค่ก ๆ กับพวกท่าน!" นางฝืนเอ่ยอย่างยากลำบาก มุมปากซีดเซียวมีหยดเลือดไหลซึมออกมา ร่างกายบอบช้ำของเซี่ยวอิงที่ถูกโยงมัดกับขื่อของห้องเก็บฟืนมานานทั้งเจ็บปวด ทั้งทรมานจนนางมิอยากหายใจต่อ
เพียะ!
เพียะ!
บัดนี้เส้นแส้ยังคอยฟาดลงบนร่างมิหยุด ปลายเท้าเล็ก ๆ ที่เกร็งเขย่งขึ้นถูกรองด้วยก้อนน้ำแข็งเย็นจัด ฝ่าเท้าทั้งเย็นและชาจนไร้ความรู้สึกไปตั้งแต่เมื่อไหร่นางก็ลืมไปแล้ว
นัยน์ตากลมสีน้ำตาลไหม้ที่เคยสดใส บัดนี้หม่นเศร้าพร่าเลือนไปด้วยม่านน้ำตา นางร่ำร้องขอความเห็นใจจนน้ำตาแทบจะหลั่งเป็นสายเลือด ในหัวใจดวงน้อยหวังเพียงให้ท่านอ๋องกลับมาพบนาง นางก็จะสามารถหลุดพ้นช่วงที่ลำบากที่สุดนี้ไปได้ ทว่าในความเป็นจริงแล้ว เมื่อผ่านพ้นคืนนี้ไป ท่านอ๋องคงจะมิรู้ด้วยซ้ำว่านางหายไปได้อย่างไร
"ลี่เฟย! เจ้าจะเอาอย่างไร จะเฆี่ยนนางให้ตายตรงนี้ หรือถ่วงนางในสระบัวเหมือนนางกำนัลคนก่อน ทำทีเป็นว่านางตกน้ำตาย เจ้าว่าดีหรือไม่"
"ฉู่เฟยไม่ต้องคิดให้วุ่นวาย แค่เฆี่ยนให้ตายแล้วแจ้งเฉินมามาว่านางกำนัลจางเซี่ยวอิงคบชู้สู่ชาย ลักลอบได้เสียกันในตำหนัก ดูหมิ่นเกียรติของท่านอ๋อง จนถูกลงโทษตามกฎนางกำนัลก็แค่นั้น"
"จริงอย่างลี่เฟยว่า แค่นางกำนัลชั้นต่ำ ตายไปสักคนจะมีผู้ใดร้องทุกข์ให้นางเล่า หึ ๆ"
"ชั่ว! แค่ก ๆ พวกเจ้าช่างชั่วช้า" จางเซี่ยวอิงแค่นเสียงด่าทออย่างเหลืออด นัยน์ตาเด็กสาววาวโรจน์ไปด้วยความคับแค้น จะฆ่านางมิพอยังคิดใส่ร้ายป้ายสีให้นางกลายเป็นหญิงชั่วช้าและตายไปกับความจริงอีกหรือ
'พวกเจ้ามันก็แค่นังปีศาจในคราบสตรีชั้นสูง จิตใจต่ำตมเสียยิ่งกว่าบัวใต้โคลน'
เพียะ!
ฝ่ามือของพระสนม 'ลี่ฟางหรู' ฟาดลงฉาดใหญ่จนใบหน้าของเด็กสาวสะบัดไปตามแรงมือ ใบหน้าชาหนึบในหูอื้ออึง สายตาพร่าจนแทบลืมไม่ขึ้น ทว่าในใจนั้นความเจ็บแค้นยังคงทวีความรุนแรงมิคลาย
"เจ้ากล้าด่าพวกข้ารึ อาหลี! เฆี่ยนมันให้ตาย แล้วส่งศพไปแจ้งเฉินมามาตามที่ข้าบอก" พระสนมลี่สั่งการนางกำนัลคนสนิท
"บ่าวรับทราบเจ้าค่ะ"
สตรีสูงศักดิ์ตำแหน่งพระสนมทั้งสองทิ้งร่างโชกเลือดของจางเซี่ยวอิงให้เป็นหน้าที่ของนางกำนัลคนสนิทนาม 'อาหลี'
อาหลียกยิ้มเหี้ยมเกรียมด้วยแค้นเคืองเด็กสาวนางนี้เป็นทุนเดิม จึงหมายใจว่าจะเฆี่ยนให้จางเซี่ยวอิงขาดใจตายไปเสีย จะได้หมดเสี้ยนหนามเสียที
"เจ้ามันสมควรตาย หากไม่ทำตัวให้เป็นที่ต้องตาท่านอ๋อง เจ้าก็คงได้อยู่ในวังสบาย ๆ ไปแล้ว อย่าโทษที่ข้าต้องเฆี่ยนเจ้าเลยนะเซี่ยวอิง หึ!"
เพียะ! เพียะ!
เพียะ! เพียะ!
สิ้นเสียงนางกำนัลอาหลีก็ฟาดแส้ใส่ร่างของจางเซี่ยวอิงตามแรงโทสะมิหยุด โลหิตข้นแดงฉานอาบร่างเล็กบอบบางไหลลงสู่ปลายเท้า และถูกแช่ด้วยน้ำแข็ง เด็กสาวเสียเลือดร่วมชั่วยาม กระทั่งทนพิษบาดแผลไม่ไหว และสิ้นลมหายใจไปในที่สุด
'เซี่ยวอิงไร้วาสนา คงไม่ได้รับใช้ท่านอ๋องอีกแล้ว'