[ตอนที่ 6 อุบายตามซีรีย์]
ลิขิตรักพลิกชะตาร้าย
[ตอนที่ 6 อุบายตามซีรีย์]
"ทำไมพอมาอยู่ที่นี่ ฉันถึงมองไม่เห็นวิญญาณเธอเลยล่ะ" อิงอิงเอ่ยถาม พยายามเพ่งสายตาไปยังจุดต่าง ๆ ในห้องก็ไม่พบจางเซี่ยวอิง
"ข้าเองก็มิรู้เช่นกัน โชคยังดีที่เจ้ายังได้ยินเสียงข้า แม่นางอิงอิงเจ้าลุกไหวแล้วหรือ ยังเจ็บแผลรึไม่"
"เจ็บสิ! ตอนที่อยู่บนเปลหามมันเจ็บจนเหมือนร่างจะฉีก ก่อนตายเธอคงเจ็บมากเลยใช่ไหม" อิงอิงไถ่ถามอย่างเห็นใจ
"อืม...เจ็บจนข้าไม่อาจหายใจต่อได้เชียวล่ะ" จางเซี่ยวอิงตอบเสียงแผ่ว เจ็บมากคือมากแค่ไหนหรือ เจ็บจนมิอาจหายใจต่อได้นั่นแหละคือที่สุด
อิงอิงพอจะเข้าใจความรู้สึกของจางเซี่ยวอิง ทั้งตอนนี้เธอยังอ่อนเพลียอยู่มาก แต่สาวน้อยก็ยังพอลุกไหว จึงยันตัวเองขึ้นนั่งกับเตียง ดูเหมือนว่าเสื้อผ้าและบาดแผลได้รับการดูแลหมดแล้ว ท่านอ๋องอะไรนั่นคงต้องการถามเรื่องราวจากปากเธอจึงได้ให้คนรักษาอาการให้
"ฉันหลับไปนานแค่ไหนเธอรู้ไหม ตอนนี้เหลือเวลาเท่าไหร่แล้ว" อิงอิงรีบถาม
"เจ้าหลับไปหนึ่งชั่วยาม ตอนนี้พระสนมลี่รู้แล้วว่าข้ายังไม่ตาย นางและนางกำนัลในเรือนหมายจะจัดการข้าอีกครั้ง" จางเซี่ยวอิงเล่าความที่นางตามไปสืบมาให้อิงอิงฟัง
"ยัยพระสนมลี่นี่ร้ายกาจจริง ๆ แต่จะฆ่าเธอซ้ำมันคงไม่ง่ายแล้ว" อิงอิงอดจะพูดไม่ได้
"อาหลีเป็นนางกำนัลคนสนิทของพระสนมลี่ นางเฆี่ยนข้า หลังจากข้าโดนบ่าวของพระสนมทุบตีและเฆี่ยนมาหลายวัน นางไม่พอใจที่ท่านอ๋องให้ข้ารับใช้ใกล้ชิดพระองค์" จางเซี่ยวอิงเล่า
"นอกจากสองคนนี้ยังมีใครเกี่ยวข้องอีกบ้างไหม คนที่สมรู้ร่วมคิดหรือไม่ชอบใจเธอน่ะ"
"มีพระสนมฉู่ที่เห็นดีกับพระสนมลี่ นางกำนัลสองสามคนของพวกนาง และบ่าวรับใช้ที่จะพาร่างข้าไปส่งเฉินมามาก็ถูกพระสนมลี่ซื้อตัวไว้สอดส่องเหล่านางกำนัลในตำหนัก" จางเซี่ยวอิงเล่า นางมีเวลาไม่มากเรื่องใดที่สืบได้ หรือควรให้อิงอิงรู้นางจะพยายามเล่าให้หมด
"แล้วนอกจากท่านอ๋องโม่...อะไรนั่น เธอยังรู้จักหรือไปมาหาสู่กับใครอีกไหม เพื่อนหรือใครก็ตาม บอกมาให้หมด" อิงอิงพยายามเก็บเกี่ยวข้อมูล
"อืม...คงเป็นท่านแม่ทัพเซี่ยเฟิงอวิ๋นที่ข้าเคยพูดคุยด้วย ท่านเป็นคนซื่อตรง มีน้ำใจต่อข้า เป็นแม่ทัพใหญ่ของวังหลวงแห่งนี้"
"นี่เธอคงไม่ได้ชอบเขาใช่ไหม ไม่งั้นงานยากเลยนะ"
ได้ฟังคำถามจางเซี่ยวอิงถึงกับตกใจ นางจะอาจเอื้อมคิดเช่นนั้นกับท่านแม่ทัพได้อย่างไร
"ข้าไม่กล้าหรอก ท่านแม่ทัพเป็นคนดี ข้าเป็นเพียงนางกำนัลต่ำต้อย ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้นกับท่าน"
"แล้วไป แต่ก็อย่าดูถูกตัวเองแบบนั้น เธอเป็นนางกำนัลแล้วไง จิตใจเธอดีกว่าพวกยัยพระสนมพวกนั้นแล้วกัน แล้วนอกจากแม่ทัพเซี่ยยังมีใครอีกไหม"
"มีองค์ชายสี่โม่หยางเฉินพระอนุชาของท่านอ๋องโม่หยางหมิง ที่มาตำหนักฉิงเทียนบ่อย ๆ ท่านคนเป็นสุภาพอ่อนโยน เป็นบุรุษที่ดูอบอุ่น และมีน้ำใจต่อข้าเช่นกัน องค์ชายไม่เคยดูถูกข้าเลย เท่าที่คิดได้ก็คงมีเพียงเท่านี้แหละ เจ้าอยากรู้เรื่องใดอีกบ้างเล่า"
"ว่าไปแล้วเธอนี่เกี่ยวข้องกับคนใหญ่คนโตทั้งนั้นเลยแฮะ มิน่าถึงโดนใคร ๆ อิจฉา แต่อย่าห่วงเลยไอ้เรื่องยั่วโมโหคนอิงอิงผู้นี้ถนัดนัก รอครบสามวันก่อนเถอะฉันจะเริ่มออกล่าคนที่ทำให้ร่างสวย ๆ ของเธอต้องเป็นแผล" อิงอิงหมายมาดจะเอาคืนคนที่ทำร้ายจางเซี่ยวอิงในเร็ววัน
"ขอบใจเจ้ามากนะ แต่เจ้าอย่าลืมว่าข้าเป็นเพียงนางกำนัลเล็ก ๆ อีกอย่างเจ้าต้องเปลี่ยนการพูดจาเสียใหม่ เพราะท่านอ๋องสามเฉลียวฉลาดนัก อย่าได้ทำให้ท่านผิดสังเกต ท่านจะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ" จางเซี่ยวอิงเอ่ยเตือน เพราะอยู่กันคนละภพ คนละยุคสมัยคำพูดคำจาของอิงอิงจึงฟังดูผิดหูผู้คนยิ่งนัก
"ได้สิ! ฉันดูซีรี่ส์จีนมาเยอะ พอจะเข้าใจการพูดอยู่บ้าง โชคดีนะที่ฉันเป็นลูกครึ่งไทยจีนด้วย ไม่อย่างนั้นคงฟังเธอพูดไม่ออก แล้วก็คงช่วยอะไรไม่ได้" อิงอิงได้ทีโม้ไปเรื่อย
จางเซี่ยวอิงได้ฟังก็ซาบซึ้งในน้ำใจ อิงอิงนางเป็นคนดีเหลือเกิน หาได้ยากที่จะมีใครยอมเสี่ยงอันตรายเพื่อใคร นางช่างโชคดีที่เจออิงอิง
"ช้าก่อน! ข้าว่าด้านนอกกำลังมีคนมา ข้าจะไปดูเสียหน่อย" จู่ ๆ จางเซี่ยวอิงก็พูดขึ้น ตั้งแต่เหลือแค่วิญญาณสัณชาติญาณการรับรู้กลับดีขึ้น ช่างน่าแปลกยิ่ง
"งั้นฉันแกล้งหลับก่อนดีกว่า ได้เรื่องยังไงเธอค่อยมาบอกฉัน" อิงอิงว่าแล้วล้มตัวลงนอนตามเดิม เพราะกลัวว่าคนที่มาเยือน...จะไม่ได้มาดี
ไม่นานประตูห้องก็เปิดออก ร่างสูงโปร่งกำยำของท่านอ๋องโม่หยางหมิงเดินเข้ามาภายในห้อง ก่อนจะหยุดลงข้างเตียง สายตาคมของบุรุษมองดูนางกำนัลตัวน้อยที่ยังคงนอนนิ่ง
"อาหลง!" เสียงทุ้มเอ่ยสั้น ๆ ก่อนจะปรากฏร่างของชายหนุ่มผู้มีหน้าที่เป็นองครักษ์เงาของเขา
"ท่านอ๋องมีสิ่งใดรับสั่งหรือพ่ะย่ะค่ะ"
"ไปสืบความมาว่าชายชู้ของจางเซี่ยวอิงเป็นใคร มีใครบ้างที่เห็นว่านางพาชายชู้มาทำเรื่องบัดสีในตำหนัก"
"กระหม่อมจะไปเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ" พูดจบร่างขององครักษ์หนุ่มก็เร้นหายไปราวมิเคยมีผู้ใดอยู่ตรงนั้น
อิงอิงได้ยินที่ท่านอ๋องพูดกับคนของเขาทุกอย่าง เธอจึงทำท่าขยับตัว ก่อนจะแสร้งไอออกมาเบา ๆ เปลือกตาค่อย ๆ ปรือเปิดขึ้นช้า ๆ เหมือนคนที่เพิ่งฟื้นคืนสติ
"แค่ก ๆ ทะ...ท่านเป็นใคร?" สาวน้อยส่งเสียงราวโรยแรงเหลือคณา
"ถามว่าเปิ่นหวางเป็นใครรึ" ท่านอ๋องโม่หยางหมิงขมวดเรียวคิ้ว เหตุใดนางถึงถามราวมิรู้จักเขา
"ขออภัยด้วย แต่ข้ามิเคยพบท่านมาก่อน อ๊ะ!" อิงอิงไม่พูดเปล่ายังพยุงตัวเองก้าวลงจากเตียง จนร่างที่อ่อนแรงทรุดลงกับพื้น
'ให้ตาย! ทิ้งตัวแรงไปหน่อยเจ็บก้นไปหมดเลยแฮะ'
"ยังลุกไม่ไหว ไยจึงลุกมา!" บุรุษหนุ่มส่งเสียงขุ่น หาได้รู้ไม่ว่ากำลังถูกนางตบตา เขายื่นมือไปรั้งต้นแขนเล็ก ๆของนางด้วยมือข้างเดียว ให้นางขึ้นมานั่งบนเตียงตามเดิม ส่วนสาวน้อยได้แต่ทำสีหน้ากังวล
ดวงวิญญาณของจางเซี่ยวอิงที่มองดูอยู่ใกล้ ๆ รู้สึกว่าอิงอิงช่างมีพรสวรรค์ในการแสดงเหลือเกิน แต่นางมิได้บอกกันก่อนว่าจะแกล้งจำท่านอ๋องมิได้เช่นนี้ หรือนางมีแผนอะไรในใจกันแน่
"คุณชายรู้จักข้าหรือ เช่นนั้นท่านช่วยบอกข้าทีว่าข้าเป็นใคร เหตุใดข้าถึงบาดเจ็บเช่นนี้" อิงอิงหยั่งเชิงท่านอ๋อง หากจะให้ร่างนี้อยู่รอด เธอจำเป็นต้องทำแบบนี้
"เจ้าเป็นใคร จำไม่ได้จริงรึ?" โม่หยางหมิงมองจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของนางกำนัลน้อยตรงหน้า ทว่าแววตางดงามคู่นี้เขากลับไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย
'ตาอ๋องนี่จะจ้องให้ฉันท้องรึไง คนยิ่งกลัวถูกจับได้อยู่ด้วย' อิงอิงส่ายหน้าปฏิเสธ จู่ ๆ น้ำตาก็รินไหลอาบแก้ม เธอเอื้อมมือไปจับพู่หยกของท่านอ๋อง ก่อนจะเงยหน้าที่เปื้อนน้ำตามองสบกับนัยน์ตาคมของเขา
"เหตุใดความทรงจำของข้าจึงมองเห็นแค่หยกชิ้นนี้ ข้าเป็นใครกันแน่ ฮึก! ข้าปวดหัวยิ่งนัก เหตุใดข้าถึงนึกอะไรไม่ออกเลย" อิงอิงร้องไห้ออกมา สาวน้อยดึงทึ้งเส้นผมตนเองประหนึ่งคนที่เจ็บปวดและสูญเสียทุกสิ่งในชีวิตไป จนโม่หยางหมิงต้องเข้ามารั้งข้อมือนางไว้แน่น
"เจ้าเสียสติไปแล้วรึ! คิดไม่ออกเหตุใดต้องตบตีตนเอง เจ้ายังบาดเจ็บอยู่แท้ ๆ" เขาส่งเสียงดุ ในใจได้แต่ครุ่นคิดอย่างหนัก
'หรือนางจะจำอะไรไม่ได้จริง ๆ แต่จะเป็นไปได้หรือไม่คงต้องให้หมอหลวงมาดูอาการของนาง'
"ฮึก...ฮือ ข้าเป็นใคร ไยข้าถึงนึกอะไรไม่ออกเลย"
อิงอิงร้องไห้อย่างน่าสงสาร เพราะในใจคิดถึงซีรี่ส์จีนที่เคยดู ฉากที่นางเอกโดนตัวอิจฉาใส่ร้ายป้ายสี และอีตาพระเอกโง่เง่าไม่ยอมเชื่อคำพูดนางเอก ทั้งยังสั่งขังนางเอกจนเกือบถูกฆ่าตายในคุก มันบีบหัวใจดวงน้อย ๆ ของคนดูมากทีเดียว เธอจำได้ว่าหมดทิชชูไปกับฉากนั้นเยอะเลยล่ะ พอนึกออกก็เลยสร้างอารมณ์ตามนางเอกซีรี่ส์ น้ำตามันเลยมาโดยอัตโนมัติ แน่นอนว่าวิธีสร้างอารมณ์ตามบทละครแบบนี้ เธอเคยใช้ตอนเล่นละครเวทีของโรงเรียนมาก่อน และมันได้ผลจนคนดูพากันชื่นชมฝีมือการแสดงบทดราม่าของเธอ
'ก็ไม่ได้อยากจะตีบทนี้หรอกนะ แต่มันจำเป็นนี่นา'
"เลิกร้องเถิด เจ้ามีนามว่าจางเซี่ยวอิง ส่วนเปิ่นหวางคือโม่หยางหมิง เจ้าเป็นนางกำนัลของเปิ่นหวาง" ท่านอ๋องอธิบายคร่าว ๆ ทำให้สาวน้อยที่ร้องสะอึกสะอื้นเงยหน้าขึ้นมองเขา
"นางกำนัลรึ" อิงอิงแสร้งทวนคำ และทำหน้าตื่นตระหนก ก่อนจะลงมาคุกเข่าต่อหน้าเขา ราวกับว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เธอได้เผลอล่วงเกินท่านอ๋องไปมากมาย
"บ่าวบังอาจยิ่งนัก ไม่รู้ว่าท่านคือผู้ใด ขอท่านอ๋องอภัยให้บ่าวด้วยที่บ่าวจำอะไรไม่ได้เลย" อิงอิงพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งเว้าวอน
'การเรียกความเห็นใจก็เป็นกลยุทธ์หนึ่งของบทนางเอกผู้น่าสงสาร นี่ฉันต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย'