[ตอนที่ 5 ตายแล้วฟื้น]
ลิขิตรักพลิกชะตาร้าย
[ตอนที่ 5 ตายแล้วฟื้น]
"ผะ...ผีรึ? นางตายไปแล้วจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ เหตุใดถึงฟื้นขึ้นมาอีก" บ่าวรับใช้เบิกตาค้าง ละล่ำละลักพูดออกมาราวคนกำลังเสียสติ เขาเป็นคนตรวจลมหายใจของนางกำนัลผู้นี้ และนางได้สิ้นใจไปแล้วจริง ๆ เขาแน่ใจเช่นนั้น นางตายไปแล้ว!
"ตาย...ไม่ได้ทำผิดจะตายได้ยังไง!" อิงอิงพึมพำหอบร่างบาดเจ็บหนักลุกขึ้นอย่างยากลำบาก หญิงสาวจิตใจเข้มแข็งกว่าร่างกายแสนบอบบางนี้นัก นัยน์ตาคู่สวยพร่าเลือนไปด้วยม่านน้ำตาที่ไม่ได้เกิดจากความรู้สึกจริง ๆ ของตนเอง
อิงอิงฝืนกลั้นความทรมานของบาดแผล ก้าวลงมายืนโซเซต่อหน้าชายผู้ที่คาดว่าจะเป็นท่านอ๋องสามของจางเซี่ยวอิง ก่อนจะหันไปทางบ่าวรับใช้ที่มีสีหน้าตื่นตระหนก มือสั่น ๆ ของหญิงสาวจู่ ๆ ก็คว้าเข้าที่คอเสื้อบ่าวนายนั้นแน่น แววตาที่เต็มไปด้วยความคับแค้นจ้องบ่าวรับใช้เขม็ง
"จะตายได้ยังไง ข้าจางเซี่ยวอิงไม่ได้ผิด จะให้ตายได้ยังไง!" เสียงพร่าแหบแห้งบันดาลความขุ่นแค้น ในลำคอแห้งผากราวมีเม็ดทรายชะโลมอยู่ หญิงสาวเอ่ยได้เพียงแค่นั้น ก่อนสติทั้งหมดจะดับวูบลง เพราะฝืนใช้ร่างกายนี้เกินไป
"แม่นางน้อย!"
แม่ทัพเซี่ยเฟิงอวิ๋นเห็นนางท่ามิดีจึงรีบโผเข้ารับร่างบางที่เต็มไปด้วยบาดแผลสู่อ้อมแขน เมื่อครู่ถ้าชายหนุ่มฟังไม่ผิด นางกำนัลน้อยจางเซี่ยวอิงบอกว่านางไม่ได้ทำผิดอย่างนั้นหรือ
'ข้าก็ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าจะทำเช่นนั้น แม่นางเซี่ยวอิง...ข้าก็อยากรู้ความจริงจากเจ้าเช่นกัน'
ท่านอ๋องเห็นถึงความห่วงใยที่ฉายชัดในแววตาแม่ทัพหนุ่มก็รู้สึกแปลกใจยิ่ง หรือนางกำนัลในตำหนักของเขาจะรู้จักสนิทสนมกับแม่ทัพใหญ่ของวังหลวงด้วย
"ส่งนางให้ข้าน้อยเถิดขอรับท่านแม่ทัพ" บ่าวรับใช้รู้งาน ด้วยนางกำนัลมีมลทินจะให้ท่านแม่ทัพแตะต้องนางให้เสื่อมเสียเกียรติได้อย่างไร
เซี่ยเฟิงอวิ๋นมองใบหน้าซีดเซียวที่หมดสติอยู่ในอ้อมแขนแวบหนึ่ง ก่อนจะตัดใจส่งนางกำนัลน้อยให้บ่าวรับใช้อุ้ม แม้สีหน้ามิได้แสดงออกมากมาย ทว่าแววตาล้วนปิดบังบุรุษเจ้าของตำหนักฉิงเทียนไม่มิด
"ท่านแม่ทัพช่างดีกับเซี่ยวอิงนัก” วิญญาณของจางเซี่ยวอิงซาบซึ้งยิ่งนัก เมื่อเห็นแววตาท่านแม่ทัพเซี่ยที่แสดงออกถึงความห่วงใยต่อนาง ทำให้หญิงสาวรู้สึกว่าต่อไปแม่นางอิงอิงอาจจะมิต้องเผชิญเรื่องร้าย ๆ โดยลำพัง
แต่ไหนไรมาท่านแม่ทัพมีน้ำจิตน้ำใจต่อจางเซี่ยวอิงยิ่ง ท่านเป็นคนตรงไปตรงมา และรักความถูกต้อง นางหวังว่าเมื่อวิญญาณดับสูญไปแล้ว แม่นางอิงอิงจะมีท่านแม่ทัพคอยช่วยเหลือนาง
"วันนี้เปิ่นหวางคงไม่รบกวนให้ท่านแม่ทัพเซี่ยอยู่ที่ตำหนัก เกรงว่าต้องจัดการไต่สวนเรื่องนางกำนัลให้กระจ่างเสียก่อน" โม่หยางหมิงตัดบท
"กระหม่อมทราบแล้ว และจะบังอาจรอฟังคำไต่สวนของนางอยู่ที่จวนพ่ะย่ะค่ะ" ยิ่งแม่ทัพเซี่ยเฟิงอวิ๋นเอ่ยออกมาตรง ๆ เช่นนี้ ท่านอ๋องจึงต้องเอ่ยถามให้กระจ่างใจ
"เหตุใดแม่ทัพเซี่ยถึงดูสนใจนางกำนัลของเปิ่นหวางเป็นพิเศษ บอกได้รึไม่"
"ทูลท่านอ๋อง แม้จะเคยพบนางเพียงไม่กี่ครั้ง แต่น้ำใจของนางที่มีต่อทุกคน กระหม่อมได้ยินมานานพอสมควร การที่นางได้รับโทษข้อหาคบชู้สู่ชายสร้างความบัดสีในตำหนัก กระหม่อมจึงแคลงใจยิ่ง โดนเฆี่ยนหนักถึงเพียงนี้ หากนางยังไม่ยอมตายง่าย ๆ เกรงว่าคงอยากทวงคืนความยุติธรรมให้ตนเองพ่ะย่ะค่ะ"
ฟังความแม่ทัพหนุ่ม โม่หยางหมิงเองส่วนหนึ่งก็คิดว่านางมิน่าทำเรื่องบัดสีเช่นนั้นได้ ขอเพียงนางฟื้นคืนสติ เขาจะไต่สวนเรื่องให้กระจ่าง หากนางทำผิดจริง เกรงว่าที่ผ่านมาเขาคงดูนางผิดไปมากจริง ๆ
'เจ้าใสซื่อหรือแค่ตบตาเปิ่นหวางให้หลงเชื่อ คงต้องรอเจ้าฟื้นเสียก่อน...เสี่ยวอิง'
ร่างของนางกำนัลจางเซี่ยวอิงถูกนำกลับมายังเรือนพักนางกำนัล ไม่นานข่าวนี้ก็ล่วงรู้ถึงหูเหล่าพระสนม ข่าวที่จางเซี่ยวอิงยังมิตาย
"นางจะฟื้นคืนสติรึไม่" ท่านอ๋องถามกับท่านหมอหลวงที่เข้ามาดูอาการของนาง
"ทูลท่านอ๋อง อาการของนางหนักหนามากพ่ะย่ะค่ะ บาดแผลภายนอกเกิดจากถูกหวายฟาดซ้ำ ๆ จนผิวแตก มีรอยช้ำจากการถูกทุบตีหลายแห่ง ภายในบอบช้ำต้องพึ่งยาแก้ช้ำในและแก้อักเสบ กระหม่อมไม่อาจรับประกันได้ว่าแผลของนางจะสามารถหายได้โดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็น" ท่านหมอหลวงทูล อาการสาหัสเช่นนี้นางน่าจะตายตามที่บ่าวรับใช้แจ้ง เหตุใดถึงฟื้นคืนกลับมาได้
"แม่นางอิงอิง! เวลาผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้ว หากเจ้ามิฟื้นในเร็ว ๆ นี้ เกรงว่าข้าอาจจะแตกดับไปเสียก่อน"
ดวงวิญญาณหญิงสาวล่องลอยอยู่ใกล้ ๆ ร่างของนาง ก่อนหน้าจะตามอิงอิงมาที่เรือนพัก นางได้ตามหาอาหลี นางกำนัลที่เฆี่ยนนางจนถึงแก่ความตายไปยังเรือนของพระสนมลี่ และรู้ว่าข่าวของนางไปถึงหูพระสนมเสียแล้ว
'ตายแล้วยังฟื้นรึ นังชั้นต่ำช่างดวงแข็งยิ่งนัก ตอนนี้คงต้องรอไปก่อน สบโอกาสเมื่อใด เจ้าค่อยจัดการนาง'
'บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะพระสนม'
วิญญาณจางเซี่ยวอิงเป็นกังวลกับถ้อยความที่ได้ยินว่าสองนายบ่าวต้องการกำจัดนางอีกครั้ง เมื่อเหลือบไปเห็นรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมหยกขาวเล็ก ๆ บนตู้เสื้อผ้า นางจึงนั่งลงพับเพียบต่อหน้ารูปปั้น
"พระโพธิสัตว์ ข้าน้อยจางเซี่ยวอิงอาภัพนัก ถูกใส่ความและเฆี่ยนตีจนตายอย่างทุกข์ทรมาน ข้าน้อยมีความแค้นคับแน่นในอก บัดนี้ชะตาได้เปลี่ยนผัน ส่งแม่นางอิงอิงมายังร่างของข้าน้อย เพื่อทวงถามความเป็นธรรม ขอพระองค์คุ้มครองแม่นางอิงอิงให้นางปลอดภัยด้วยเจ้าค่ะ"
น้ำเสียงเจือความร้าวรานระทมทุกข์ของจางเซี่ยวอิงแว่วเข้ามาในโสตประสาทหูของอิงอิงตลอดเวลา เปลือกตาที่หนักอึ้งยังคงไม่สามารถลืมขึ้นไหว ในใจของหญิงสาวพยายามจะตื่นขึ้นให้ได้ เพราะเวลาของจางเซี่ยวอิงมีเหลือไม่มากนัก เธอจำเป็นต้องเก็บข้อมูลจากวิญญาณของนางให้ได้มากที่สุด
'จะนอนแบบนี้ไม่ได้ อิงอิงเธอต้องตื่น ต้องคุยกับวิญญาณของจางเซี่ยวอิง' ในใจสาวน้อยร่ำร้องให้ร่างกายขยับ แต่มันกลับไม่เป็นดั่งใจคิด ร่างนี้บาดเจ็บหนักเกินไป เป็นความเจ็บปวดที่เหน็บหนาวจนเข้ากระดูก ราวจิตวิญญาณกำลังเชื่อมถึงกันและกัน
ณ ห้องบรรทมของท่านอ๋องโม่หยางหมิง
บุรุษหนุ่มกวาดสายตาไปทั่วห้องก็พบแต่ภาพความทรงจำของดรุณีน้อยจางเซี่ยวอิง ไม่ว่าจะตอนที่เขากลับเข้ามาในห้อง ก็จะพบว่านางได้ตระเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้เขาชำระล้างร่างกายให้ผ่อนคลายจากราชกิจ
'ท่านอ๋องจะอาบน้ำเลยหรือไม่เพคะ บ่าวเตรียมน้ำอุ่นไว้แล้ว อาบเสียหน่อยจะได้สดชื่น'
หรือตอนที่เขาอ่านหนังสือจนดึก นางก็จะคอยพัดวีอยู่ใกล้ ๆ เตรียมนมอุ่น ๆ มาวางไว้ให้เสมอ
'ท่านอ๋องอยากดื่มนมแพะอุ่น ๆ ก่อนนอนหรือไม่เพคะ จะได้บรรทมหลับอย่างสบาย'
หรือตอนที่เขาจะออกไปตรวจราชการงานต่าง ๆ
'วันนี้ช่วงบ่ายเหมือนฝนจะตก บ่าวเตรียมเสื้อคลุมและร่มฝากท่านองครักษ์ไปแล้ว และมีน้ำขิงอุ่น ๆ ใส่ขวดไปด้วย หากท่านอ๋องโดนละอองฝน ก็สามารถจิบคลายหนาวได้เพคะ'
แม้แต่ตอนที่เขาออกไปล่าสัตว์ และได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับเสือโคร่งที่บังเอิญพบในป่า จนมิสามารถพาตัวเองกลับมายังกระโจมพัก เวลาล่วงเลยไปเกือบครึ่งคืน คนที่เขามิคิดว่าจะพบกลับเป็นนางกำนัลตัวเล็ก ๆ นามจางเซี่ยวอิง
สภาพสะบักสะบอมเต็มไปด้วยรอยเกี่ยวของกิ่งไม้จนเลือดซึม วิ่งมาหาเขาอย่างทุลักทุเล น้ำตาใสรินอาบสองแก้มระเรื่อยามเห็นเขา
'ท่านอ๋องอยู่นี่นี่เอง บ่าวตามหาจนทั่ว ท่านอ๋องลุกไหวหรือไม่เพคะ บ่าวจะพาไปหาท่านองครักษ์เดี๋ยวนี้ ท่านอ๋องต้องอดทนนะเพคะ'
'เปิ่นหวางทนได้...แค่ก ๆ เจ้าเล่ามาได้อย่างไร'
'บ่าวขอตามท่านองครักษ์มาด้วยเพคะ แต่ตามไม่ค่อยทันจึงหลงทาง ท่านอ๋องอย่าเพิ่งถามเลยเพคะ ตอนนี้ต้องออกจากป่าเสียก่อน บ่าวเอาก้อนแป้งทำสัญลักษณ์ทิ้งไว้แล้ว ท่านอ๋องอย่าเพิ่งเป็นอะไรนะเพคะ'
ร่างกายสตรีเล็ก ๆ ของนางพยุงบุรุษร่างสูงใหญ่เช่นเขากลับมาตามรอยที่ทำไว้ จนได้พบกับเหล่าองครักษ์ที่กำลังออกตามหา สุดท้ายการที่นางเที่ยวตามหาตัวเขา ก็ทำให้นางเจ็บไข้จนหมดสติไปเกือบเป็นวัน
'เรื่องบัดสีเช่นนั้น...เปิ่นหวางหวังว่าเจ้าจะมิทำ'
อิงอิงหมดสติไปเกือบหนึ่งชั่วยามฟื้นขึ้นมาในห้อง ๆ หนึ่ง คาดว่าคงเป็นห้องพักของนางกำนัล ฟื้นขึ้นมาไม่ถึงอึดใจก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของหญิงสาว หากเจอแบบนี้ในภพที่เธอจากมา เธอคงคิดว่ากำลังโดนผีหลอกแน่ ๆ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ เสียงนี้คงจะเป็นดวงวิญญาณของนางกำนัลจางเซี่ยวอิงที่กำลังเป็นทุกข์อยู่
"จางเซี่ยวอิง...ใช่เธอรึเปล่า เธออยู่ในนี้ใช่ไหม" อิงอิงร้องถามไปในความว่างเปล่า
"เป็นข้าเอง ดีจริง ๆ ที่เจ้าฟื้นแล้ว" เพราะจางเซี่ยวอิงนั่งร้องไห้อยู่หน้ารูปปั้นพระโพธิสัตว์ นางจึงมิรู้ว่าอิงอิงฟื้นแล้ว วิญญาณหญิงสาวรีบปาดน้ำตาและล่องลอยมานั่งใกล้ ๆ ร่างของอิงอิงทันที