บทที่4 ตอน “ฝากรัก ฝากรอย” 1
รุ่งเช้า…
นกร้องกระจิบร้องจิ๊บๆ ที่เกาะตามต้นไม้ข้างหน้าต่างส่งเสียงดังแข่งกันรับแสงอรุณยามเช้า ร่างสาวน้อยที่ยังนอนอุตุมุดอยู่ในผ้าหม่ผื่นหนาได้แต่ยกมือขึ้นปิดหูปิดตาไม่อยากได้ยินสิ่งต่างๆ ที่ดังมารบกวนเวลาหลับนอนยามเช้าเช่นนี้
“ฮืออ…วันเสาร์ทำไมต้องตื่นด้วยนะอยากนอน พี่รุตติ์นะพี่รุตติ์จะไปทำไมน้ำตกนะ กั้งง่วงจะตายอยู่แล้ว”กังสดาลบ่นพึมพำใบหน้าซุกอยู่บนใบหมอน
สาวเจ้างัวเงียตื่นขึ้นมาในเวลาตีห้าครึ่งเพราะเสียงนาฬิกาปลุก รางบางพะยุงตัวลุกนั่งแต่ตายังหลับปิดสนิท อากาศยามเช้าตรู่ทำให้นอนหลับสบาย เธอไม่อยากลุกออกจากเตียงเลย
กังสดาลลงบันไดอย่างเชื่องช้าเงียบกริบไม่อยากให้มารดาที่นอนอยู่อีกห้องได้ยินทัดไปอีกห้องที่อยู่สุดมุมเป็นของน้าชายจอมวางอำนาจ ปลายเท้าเรียวย่องเบาเหมือนแมวเดินไปยังห้องครัวมือก็ยกขึ้นปิดเรียวปากที่อ้าหาวพร้อมทั้งสีหูสีตา พาร่างที่ห่อหุ่มเพียงแค่ชุดนอนผ้าลินินสีครีมลายการ์ตูนเดินสเปอะสะปะเข้าห้องครัว
“แม่ทำอะไรคะ?” กังสดาลหยุดเดินอยู่หน้าประตูห้องครัวยามได้ยินเสียงคนกำลังทำอะไรเสียงดังกุกๆกักๆ เธอเปรยเสียงงัวเงียถามทั้งที่เปลือกตายังหลับ
“ง่วงขนานนี้จะลงมาทำไม?” เมษาหันไปมองตามเสียงพูดงัวเงียเหมือนคนยังไม่หายง่วงนอน แววตาสีเข้มจับจ้องร่างบางที่ยังยืนพิงขอบประตู เขาอมยิ้มให้กับความไร้เดียสาของเจ้าหล่อน คนร่างสูงวางมือจากการจัดเตรียมอาหารปล่อยทิ้งไว้แบบนั่น เท้าหนาเดินเข้าไปหาคนตัวน้อย
“นะ…น้าเมฆ” หญิงสาวรีบขยับเปลือกตาลืมขึ้นทันทียามได้ยินเสียงของชายหนุ่มที่ชอบทำให้หัวใจดวงน้อยของเธอสั่นสะท้านทุกทียามได้อยู่ไกล้ชิด
“ทำไมไม่นอนต่อ” เมษายืนประชันหน้ากับเธอ แขนเรียวกำยำยกขึ้นค้ำยันขอบประตูทั้งสองด้านไว้ ใบหน้าสีเข้มชโงกก้มเข้าหาคนร่างน้อยที่ยืนตัวสั่น ลมหายใจของเขาและเธอเป่ารดใบหน้าของกันและกัน
“นะ…น้าเมฆ !!” กังสดาลเปรยเสียงตะกุกตะกักเขินอายคนตัวโต ยามนึกถึงเรื่องเมื่อคืน เธอรีบยกมือขึ้นสัมผัสพวงแก้มลูบไล้รอยสัมผัสของเขาเลยมาถึงริมฝีปาก
“ยังเช้าอยู่เลยตื่นลงมาทำไม?” คนตัวสูงสำรวจมองร่างของหลานสาว ตั้งแต่ใบหน้าเนือนใส ช่วงหน้าอกหน้าใจที่โพล่พ้นออกมาให้เห็นผิวขาวนวลอมชมพู ไอ้เด็กบ้าจะยั่วกันไปถึงไหน ดูสิชุดนอนแขนกุดเว้าจะเห็นใส้เห็นพุงอยู่แล้วกางเกงนอนก็สั้นจนเห็นต้นขาขาวอวบ
“แล…แล้วน้าเมฆล่ะคะ มาทำอะไร?” ใบหน้าแดงระเรื่อจนไปถึงใบหู เพราะความเขินอายต่อสายตาสีเข้มคู่นั่น เธอยังแหงนมองสบตาของเขา พร้อมทั้งเปรยเสียงสั่นๆ ถาม
“ทำอาหารไง” เมษาที่ดูตัวหนาสูงใหญ่ยังยืนคร่อมบดบังร่างบางจนมองไม่เห็นแม้แต่เส้นผม เขาเอาแต่จ้องมองหลานสาวตัวหอม ยิ่งดูยิ่งหมั่นเขี่ยว ผมเผ้า ยุ่งเหยิงดูเป็นเด็กกะโปโลจริง
“น้าเมฆทำเป็นด้วยเหรอคะ?” กังสดาลกลั้นลมหายใจ ทำใจดีสู้เสือกลัวเขาขนานไหนแต่ก็ทำเป็นไม่เกรงกลัว เธอยังแหงนใบหน้าแดงอมชมพูมองหน้าชายหนุ่มตาใสแป๋ว
“กินอยู่ทุกวันยังมาถามว่าทำเป็นเหรอ” เมษาขบกรามพูดเสียงเล็ดรอดออกจากเรียวฟัน อยากจะก้มและดูดชิมผิวปากบางช่างฉอเลาะนั่นเสียจริงๆ
“กั้งลืมไปแหละว่าน้าเมฆทำอาหารเป็นด้วย” หญิงสาวยกมือขึ้นผลักร่างใหญ่โตที่ยังยืนขวางทางให้พ้นทางเดิน เพราะไม่อยากยืนเผชิญหน้ากับเขานานๆ
“จะไปเที่ยวน้ำตกไม่ใช่หรอ” ร่างหนาแกล้งเซถอยเล็กน้อยให้คนตัวน้อยได้เดินเข้าไปในห้องครัว
กังลดาลเดินเข้าไปกลางห้องครัว หยุดยืนตรงขอบโต๊ะ แววตาดวงโจสำรวจอาหารที่ถูกจัดว่าไว้บนโต๊ะ มีหลายอย่างที่ชายหนุ่มทำไว้
“นิสัยไม่ดีชอบแอบฟังคนอื่นคุยกัน” กังสดาลเปรยเสียงตำหนิ แล้วเหลือบปลายหางตามองคนตัวสูงที่กำลังก้าวเดินเข้ามาหา
“ทำไมคิดจะไปเที่ยวกับมันสองต่อสองเหรอ” เดินเข้าไปประชิดด้านหลังของเธอ แล้วชโงกหน้าเข้าไปกระซิบตรงข้างแก้มนวลใสด้านซ้าย
“กั้งจะไปกับใครมันเกี่ยวไรกับน้าเมฆด้วยคะ?” กังสดาลเอืองใบหน้าที่งอง้ำมองชายหนุ่ม
“จุ๊บบ…” เมษาได้ทีใบหน้าของเขายังอยู่ไกล้ชิดใบหน้าด้านข้างของเจ้าหล่อน ริมฝีปากหนาแตะสัมผัสผิวพวงแก้มอย่างจงใจให้โดน
“อ้ายยย…น้าเมฆ…คนชอบฉวยโอกาส” กังสดาลรีบขยับร่างหนี มือก็ยกขึ้นเช็ดพวงแก้มที่โดนจูบเป็นที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ หญิงสาวได้แต่ยืนตัวสั่นหวันไหวก้มหน้าสีชมพูสาเหตุมากจากเขินอายชายหนุ่มนั่นเอง ดวงตากลมโตไม่กล้าที่จะสบตาสีนิลคู่นั่น
“ฮ่าๆๆๆ…ฉวยโอกาสที่ไหนน้าจงใจฝากรอยไว้เลยแหละ” คนตัวสูงยังยืนกอดอก เขาสนุกยามได้พูดเกลี้ยวราพาสีหลานรักจอมดื้อ แววตาเจ้าเล่ห์คู่นั่นได้แต่จับจ้องคนตัวน้อยที่ยืนเต้นเล่าๆ
“กั้งไม่อยากอยู่กับน้าเมฆแล้ว อยู่ด้วยทีไรเสียเปรียบทุกที” กังสดาลพูดเสียงสะบัดใส่ พร้อมทั้งยกมือขึ้นผลักแผ่นอกอันแข็งแกล่งนั่นให้เขาหลีกทางให้
“เดี๋ยวน้าจะขึ้นไปเรียกนะ เก้าโมงใช่ไหม?” คุณน้าหัวใจที่มีรักให้กับหลานสาวตะโกนเสียงตามหลังหญิงสาวที่ทั้งวิ่งทั้งเดินขึ้นบันได
“ใครบอกว่ากั้งจะไปเที่ยวกับน้าเมฆ ฝันไปเถอะ” กังสดาลหยุดเดินอยู่ตรงปลายคั่นบันได เธอชโงกหน้าแล้วแลบลิ้นปลิ้นตาใส่คนคนตัวสูงที่ยืนอบยิ้มอยู่ในครัว
“หึหึ…คอยดูละกันว่าจะไปกับใครกันแน่” เมษาเปล่งเสียงเข้มออกมาให้เธอได้ยิน เรียวปากหนาสีน้ำตาลอ่อนตรงมุ่มปากกระตุกยิ้มร้ายใส่คนตัวบางที่ยังทำหน้าทะเล้นล้อเลียนเขา ภาพแบบนี้เขายังจำได้เสมอตอนเธอยังเล็กชอบทำใส่เขาบ่อยนัก…
