ตอน “ฝากรัก ฝากรอย” 2
กังสดาลเดินลงบันไดทีละขั้นๆ มาจากชั้นบน หัวคิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันจนเป็นปมผูกโบว์ เธอหยุดยืนตรงบันไดขั้นสุดท้าย เอืองหูแอบฟังเสียงของมารดาคุยกับใครต่อใครหลายคน พวกเขาพากันนั่งคุยกันอยู่ในห้องรับแขก กังสดาลมีใบหน้าบูดบึ่งขึ้นมาทันทียามเห็นเมษาพูดคุยยิ้มแย้มกับหญิงคนอื่น
หลังจากที่ได้วิ่งหนีน้าชายขึ้นห้องเมื่อเช้าตรู่ กังสกาลก็กลับเข้าไปนั่งฝันหวานถึงรอยสัมผัสของน้าชายที่ฝากไว้ทุกตารางนิ้วตามพวงแก้มเรียวปาก เธอนอนคิดถึงจนเผลอหลับไปตื่นขึ้นมาอีกทีก็เก้าโมงเช้าพอดี นี่เธออุตสารีบอาบน้ำแต่งตัวรอให้ชายหนุ่มขึ้นไปตาม
“เชอะ !!…ไหนว่าจะขึ้นไปตามเราที่แท้ก็มานั่งอยู่กับน้าษานี่เอง” กังสดาลทำปากขมุมขมิม แล้วสะบัดหน้าหนีแผ่นหลังของเมษา ใบหน้าเรียวคมคายนั่นช่างมีความสุขเหลือเกินยามได้นั่งเคียงคู่คุยฉอเลาะอยู่กับอรอุษา เธอไม่อยากเห็นรีบก้มหน้าก้าวเดินผ่านหน้าห้องรับแขกโดยไม่ได้หันเข้าไปยังในห้องนั่น
“กั้ง…จะไปไหนลูก” นางนวลฉวีที่นั่งหันหน้ามาฝั่งห้องโถง นางเอ่ยทักลูกสาว
“แม่…” กังสดาลหยุดเดิน เธอหันสายตาเข้าไปมองมารดา เหลือบสายตามองน้าชายก็ไร้วี่แววว่าจะสนใจเธอ ใช่สิก็มีน้าษานั่งอยู่ข้างๆ แล้วไง
“มานี่สิลูก” นางนวลฉวีกวักมือเรียกลูกสาวให้เข้ามา
กังสดาลทำตามที่มารดาเรียก เธอเดินเข้าไปในห้องรับแขก แล้วหมอบก้มตัวลงเล็กน้อยพาร่างเดินเข้าไปนั่งพับเพียบบนเบาะรองนั่งบนพื้นพรมข้างๆ มารดา
“กั้งจำน้าษาได้ไหมลูก นี่ลุงประจักษ์ไง” นางนวลฉวีหันไปยิ้มให้กับลูกสาวคนเดียวแล้วเอ่ยแนะนำความจำให้กับกังสดาล
“จำได้ค่ะ” กังสดาลมองหน้าทุกคน ยกเว้นเขาเพราะถ้ามองก็ต้องเจอสายตาของเมษาที่เอาแต่จ้องเธอ กังสดาลเอ่ยตอบมารดา
“โตเป็นสาวแล้วนะเรา” อรอุษาเปรยเสียงใสไพเราะนุ่มหู แววตาที่มองกังสดาลนั่นบงบอกว่ารักและเอ็นดูเด็กสาวตรงหน้าเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง
“นั่นสิ โตเร็วจริงๆ นะเรา” นายอำเภอประจักษ์ยิ้มให้ลูกสาวคนเดียวของเพื่อนรักผู้ล่วงลับไปนานแล้ว ยิ่งมองใบหน้าของกังสดาล ชายชรายิ่งนึกถึงอดีต เมื่อครั้งที่นวลฉวีอุ้มท้องอายุครรภ์เพียงเดือนเดียวพร้อมทั้งจูงน้องชายวัยเพียงสิบสามปี พวกเขาพากันมาขอความช่วยเหลือ หลังจากที่เพื่อนรักของเขาประสบอุบัติเหตุรถคว่ำเมื่อยี่สิบปีก่อน นึกแล้วก็น่าใจหาย
“นี่เราไม่ได้เจอกันนานมากแล้วนะกั้ง ตอนนี้กั้งเรียนอยู่ชั้นไหนแล้วจ๊ะ?” อรอุษาที่นั่งอยู่ข้างๆ เมษาเปรยถามกังสดาล
“มอห้าค่ะ” กังสดาลเงยมองหน้าอรอุษา เธอจัดว่าเป็นคนสวยหวานเรียบร้อยจริงๆ ใบหน้ารูปไข่เข้ารูปกับผมยาวจนถึงเอวคอดตรงหน้าผากเป็นทรงหน้าม้า อรอุษาสวยจริงๆ ในความรู้สึกของกังสดาล
“อีกปีเดียวก็จะจบมอหก กั้งคิดไว้หรือยังว่าจะเรียนต่อที่ไหน” อรอุษาเปรยเสียงนุ่มนิ่มถาม
“กั้งยังไม่รู้เลยค่ะ ว่าจะไปเรียนต่อที่ไหน” กังสดาลตอบรับ เธอชำเลืองหางตามองคนที่ยังนั่งอยู่ข้างๆ อรอุษา ทำไมหัวใจของเธอมันช่างหน่วงๆ จุกๆ แบบนี้ ไม่อยากให้น้าชายไกล้ชิดกับหญิงอื่นนอกจากเธอ
“โตเป็นสาวสวยแบบนี่มีหนุ่มๆ มาจีบหรือยังเอ่ย” อรอุษาพูดทีเล่นทีจริง เธออมยิ้มให้กับกังสดาลที่ทำหน้าเหลอหลา
“จะมีใครที่ไหนกันหนูษา…ลูกสาวน้าของออกจะดื้อด้านเหมือนเด็กผู้ชายขนานนี้” นางนวลฉวีฉีกยิ้มขึ้นมาทันทียามมีใครต่อใครพูดถึงคนมาจีบลูกสาวแก่นแก้วของนาง
“แม่ค่ะ…กั้งเป็นผู้หญิงนะ” กังสดาลได้แต่ทำหน้าง้ำงอเงยมองมารดา
“พูดไปก็มีอยู่คนหนึ่งแหละที่ตาบอดมาเจาะแจะลูกสาวน้าอยู่เทียวไปเทียวมาทุกวัน” นางนวลฉวีเปรยล้อเล่นให้ลูกสาวได้อาย
ปิ้นนนนๆๆๆ…
“นั่นไง…พูดยังไม่ทันขาดคำ มาจริงๆ ด้วย” นางนวลฉวีเปรยเสียงนุ่มนิ่มบอกทุกคนรวมทั้งเมษาที่เอาแต่นั่งนิ่งไม่ยอมพูดคุยอะไรเลย
“ใครคะน้านวล?” อรอุษาหันไปมองตามที่นางนวลฉวีส่งสายตาบอกให้มองไปยังหน้าต่าง
“แม่ค่ะ…ไม่ใช่สักหน่อย” กังสดาลรับก้มหน้าไม่กล้ามองใคร โดยเฉพราะเมษาที่เอาแต่ส่งแววตาตำหนิเธออยู่ตลอดเวลาทั้งๆ ที่เธอไม่มีความผิดเลยสักนิด
“นิรุตติ์ลูกชายน้าปาริชาติเหรอคะ?” อรอุษาอมยิ้มให้สาวน้อยที่นั่งก้มหน้าเขินอาย
“จะมีใครที่ไหนละหนูษา นอกจากนิรุตติ์ข้างบ้านนี้แหละ ตัวติดกันยังกับตังเมสองคนนี้” นางนวลฉวีเปรยเสียงแซวลูกสาวเล่นๆ
“แม่ค่ะ…กั้งไม่อยากคุยด้วยแล้ว” กังสดาลเงยมองมารดา ไม่อยากจะมองแต่ก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้แววตาอันสั่นๆ ชำเลืองมองหน้าของน้าชาย เธอรีบก้มหน้างุดหลบสายตาสีเข้มอันดุดันคู่นั่น แล้วรีบคลานเข่าหมอบเดินไปยังหองโถงตรงหน้าประตูบ้าน
“กั้งจะไปไหนลูก…” แววตาของนางนวลฉวีมองผ่านแว่นสายตายามได้แต่จ้องมองแผ่นหลังลูกสาวที่เดินก้มหน้าก้มตาไปยังตู้รองเท้าตรงหน้าประตูบ้าน
“กั้งจะไปเที่ยวน้ำตกกับพี่รุตติ์” กังสดาลเปรยเสียงใสๆ งอนๆ มารดา เธอยังก้มๆ เงยๆ ใส่รองเท้าผ้าใบอยู่ห้องโถงตรงหน้าประตู
“อย่ากับค่ำนะลูก…”
“ค่ะ…” กังสดาลรับคำแล้วรีบวิ่งกระโดดเต้นเหย่งๆ ออกไปหานิรุตติ์ที่ยังคร่อมรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจรออยู่
“ไม่ยอมโตสักทีลูกคนนี้” นางนวลฉวีเปรยให้ทุกคนที่นั่งอยู่ได้ยิน แต่นางมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขยามได้บ่นเรื่องของลูกสาวให้ใครต่อใครได้ฟัง
“เด็กแรกรุ่นก็แบบนี้แหละคุณนวล ดูอย่างยัยษาสิ ตอนรุ่นเดี๋ยวกับหนูกั้งยิ่งกว่านี้อีก ดื้อสุดๆ” นายประจักษ์เอ่ยเปรียบเปลยลูกสาวให้นางนวลฉวีฟัง แล้วหันไปมองหน้าลูกสาวคนเดียว
“พ่อ…” อรอุษาหันใบหน้าอันแดงระเรื่อมองบิดา เขินอายต่อสายตาของของทุกคนที่ต่างพากันยิ้มให้เธอ แต่มีอยู่คนเดี๋ยวที่ไม่พูดไม่คุยเอาแต่ทำคอยามเป็นยีราฟมองไปยังข้างนอกหน้าต่าง
“ษาอยากไปเที่ยวน้ำตกไหมครับ?” เมษาอยากจะออกไปตามแม่หลานสาวเสียเหลือเกิน แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะเดินออกไปโดยที่ไม่ได้ชวนหญิงสาวรุ่นน้องที่นั่งอยู่ข้างๆ
เมษาได้แต่เก็บอาการไม่อยากจะแสดงออกให้พี่สาวและแขกเหรื่อได้รับรู้ ว่าหัวใจดวงแกล่งหน่วงๆ ทรมานเหลือเกินยามได้ยินพี่สาวเอ่ยถึงไอ้เด็กหนุ่มนั่นในทางที่ดี ดูท่าทางพี่สาวของเขาจะเปิดทางให้นิรุตติ์เต็มที่ ไม่มีทางกังสดาลจะต้องเป็นของเขาคนเดียว เลียงมาเองกับมือจะยกให้คนอื่นได้ไง ใบหน้าสีแทนเบือนไปมองทางอื่นไม่อยากให้ใครต่อใครที่นั่งอยู่ตรงนี้ได้เห็นริ้วรอยแห่งความเจ็บหน่วง
“น้ำตกเหรอคะ?” อรอุษามองเมษาที่ยังชเง้อคอมองไปยังด้านนอก
“เมฆพาหนูษาไปเที่ยวน้ำตกพร้อมยัยกั้งก็ดีเหมือนกันนะ” นางนวลฉวีเอ่ยบอกน้องชายที่ยังกระสับกระส่าย ท่าทางของชายหนุ่มที่เอาแต่มองไปยังลานหน้าบ้าน
“ไปครับษา เดี๋ยวไม่ทันยัยกั้ง” เมษาลุกขึ้นยืนรอให้อรอุษาลุกตาม
“พ่อค่ะ…ษาไปนะคะ” อรอุษาเปรยเสียงเอ่ยขอบิดาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ไปเถอะ นานๆ จะได้ไปเที่ยวตามป่าตามเขาสักที” นายประจักษ์พยักหน้าให้กับลูกสาว
“ไปครับ” เมษาเร่งให้อรอุษารีบเดินรีบลุก
“พี่เมษเดินช้าๆ ก็ได้ค่ะ…”
“เดินช้าเดี๋ยวก็ไม่ทันเด็กสองคนนันสิครับ…”
“ปล่อยมือษาได้แล้วค่ะ ไม่ต้องจูงหรอก…ษาเดินเองได้…”เสียงพูดและห้ามปรามของอรอุษาดังพอที่จะทำให้กังสดาลและนิรุตติ์ที่ยังยืนคุยกันอยู่ข้างรั้วหน้าบ้านหันไปมอง กังสดาลรีบเบื่อนสายตาหนีทันทียามได้เห็นน้าชายจับมือถือแขนของอรอุษาพาเดินมาทางที่พวกเธอยืนอยู่
“พี่ษา / พี่เมฆจะไปไหนเหรอครับ?” นิรุตติ์เอ่ยถามคนทั้งสองที่เดินเข้ามาหา
“ไปกันยัง” เมษาเปล่งเสียงเข้มถามนิรุตติ์ แต่แววตาสีเข้มกับจับจ้องอยู่ที่เสี่ยวหน้าของหลานสาวหัวดื้อ ที่ไม่คิดจะมองเขาเอาเสียเลย
“ไปไหนครับ?” นิรุตติ์ทำท่าทีสงสัย พร้อมทั้งเอ่ยถามชายหนุ่มรุ่นพี่แบบกวนๆ
“เที่ยวน้ำตกไง นายเตรียมอาหารมาด้วยหรือเปล่า ถ้าไม่ได้เตรียมมาก็เข้าไปข้นของในห้องครัวมาใส่ท้ายรถสิ” มือหนึ่งยังกระชับข้อมือของอรอุษาไว้แน่น ส่วนอีกข้างยกขึ้นชี้นิ้วบอกให้นิรุตติ์ไปข้นของในห้องครัวที่เขาจัดเตรียมไว้เมื่อเช้าตรู
“คงไม่ต้องแล้วมั่งครับ ผมทำมาเรียบร้อยแล้ว ไปครับกั้งขึ้นรถ” นิรุตติ์ตอบแต่ไม่ได้สนใจมองเมษาที่มีแววตาดุดันจ้องมองเขาและกังสดาล
“ใครบอกว่าเราจะไปเที่ยวน้ำตกกันล่ะคะ” กังสดาลเปรยเสียงสะบัด หันหน้ามองเมษา เธอชำเลืองมองมือหนาที่ยังกุมมือของอรอุษา แล้วเบือนหนีทันที
“ถ้าไม่ไปเที่ยวน้ำตกแล้วพวกเธอจะไปไหนกัน เดี๋ยวฉันพาไป” เมษาเปล่งเสียงเข้มถามเพราะเกิดความโมโหที่ยิ่งมองแม่หลานสาวยังเอาแต่หลบสายของเขา
“พี่รุตติ์เราไปกันเถอะ” กังสดาลรีบกระโดนขึ้นมอเตอร์ไซค์นั่งคร่อมซ้อนท้าย วงแขนเรียวสลวยทั้งสองข้างก็สอดเข้าโอบกอดเอวสอบของนิรุตติ์ไว้แน่น พร้อมทั้งซบใบหน้าที่แดงระเรื่อบนแผ่นหลังแกล่ง เขาทำได้เธอก็ทำได้เหมือนกันแคร์ทำไมกับลมปากของน้าชาย
“นายจะพากังสดาลไปไหน !!” เมษายิ่งเพิ่มความโกรธเคียงมากขึ้น ยามได้เห็นหลานสาวกระแซะใบหน้าแนบแน่นแผ่นหลังของนิรุตติ์ เขารีบปล่อยมือของอรอุษาแล้วก้าวเดินเข้าไปขวางทางรถไว้
“น้ำตกครับ” นิรุตติ์ตอบเสียงดังผสมผสานกับเสียงบิดเร่งเครื่องมอเตอร์ไซค์ เขาต้องรีบขับออกไปเพราะคนที่นั่งอยู่ข้างหลังสะกิดให้พาไปเร็วๆ
เมษาได้แต่ยืนเท้าสะเอว ใบหน้าเคร่งขรึมกัดฟันจนเห็นกลามหนาเป็นสันแค้นเคืองใจนัก แววตาสีนิลเปล่งประกายแดงโรจน์จ้องมองแผ่นหลังของแม่หลานสาวหัวดื้อ
“พี่เมฆคะ?...จะตามพวกเด็กๆ ไปไหมค่ะ ดูท่าทางพวกเขาอยากจะไปกันแค่สองต่อสองนะคะ” อรอุษาเดินขยับเข้าไปหาเมษาที่ยังยืนอยู่ที่เดิม สีหน้าของเขายังไม่ยอมหันมามองคนข้างกาย แต่กลับส่งแววตามองฝุ่นคลุ้งตามซอยถนนออกไปยังถนนใหญ่
“ไปสิครับ…เดี๋ยวพี่เข้าไปเอาของในครัวก่อนนะ…”
“ให้ษาช่วยนะคะ…”
“ษาไปรอพี่ที่รถก่อนก็ได้นะครับ เดี๋ยวพี่เข้าไปเอาตระกร้าอาหารแป๊บเดียว” ชายหนุ่มยื่นพวงกุญแจรถให้หญิงสาว
“ช่วยกันขนจะดีกว่าคะ จะได้รีบตามสองคนนั่นทัน แล้วนี่พี่เมฆรู้เหรอค่ะ สองคนนั่นไปเทียวน้ำตกที่ไหน…”
“รู้ครับ” ชายหนุ่มเดินเข้ามาในบ้านแล้วอ้อมไปอีกทางตรงไปยังห้องครัว ใจก็ว้าวุ้นครุ่นคิด เขาเก็บคาวมรู้สึกที่หน่วงๆ ในขั้วหัวใจยามเห็นแม่หลานสาวไม่มีทีท่าจะมอบหัวใจดวงน้อยให้เขาดูแลเอาเสียเลย ใบหน้าสีเข้มเคร่งขรึมนั่นได้แต่คิดว่าจะไปตามหาแม่หลานสาวใจแตกไม่รักดีได้ที่ไหน น้ำตกในจังหวัดเพชรบูรณ์มีออกเป็นร้อยแห่งตั้งเยอะแยะ…….
