
บทย่อ
“ประจำเดือนมาหรือยัง” ยื่นมือเข้าไปเชยคางงามให้หันหน้ามาเผชิญ ตาสีเข้มเอาแต่จ้องมองเรียวปากบางที่ขยับโต้ตอบเขาอย่างไม่ลดละ ยัยเด็กหัวรั้นเอ้ย เขายิ้มอยู่ในใจทำเป็นอวดเก่งถ้าเขาคิดจะทำอะไรเธอเวลานี้ก็ยังได้ ยิ่งคิดหัวใจดวงโตก็เริ่มเต้นแรงดังกลองถูกตี เขาอยากให้สาวน้อยที่นอนหมดแรงตรงหน้านี้ท้องเหลือเกิน“ประ…ประจำเดือนกั้งมาตามกำหนดค่ะ” นอนนิ่งไม่ไหวติงเมื่อได้ยินคำถามของน้าชายอีกครั้ง กังสดาลกั้นลมหายใจเข้าออก แล้วลืมตามองหน้าเขา คนชีเปลือยทำไมไม่ใส่เสื้อนะ เธอดันแผ่นอกหนาออกแล้วพยุงตัวลุกนั่ง“จะลุกทำไม…เวียนหัวไม่ใช่หรือ” คนตัวโตได้ผลักให้เธอลงไปนอนที่เดิม เขาใช้วงแขนทั้งสองข้างค้ำยันที่นอนขนาบระหว่างลำตัวบางซ้ายขวา“กั้งจะออกไปเอาน้ำค่ะ” ยกมือขึ้นผลักอกอันแข็งแกล่ง มองหน้าเขาอย่างทรมานแต่ก็ต้องกลั้นไว้ไม่ให้อาเจียน กลืนน้ำลายเหนียวหนึบลงคออย่างติดขัด อยากจิบน้ำผลไม้แก้วนั้น“อยู่นี่แหละเดี๋ยวน้าไปเอามาให้” แววตาที่ดุดันเมื่อคู่อ่อนแสงลงมองจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตคู่นั้นข้นหาความจริง“ค่ะ” หลับเปลียกตาหนีหน้าของเขา“อย่าลุกไปไหนนะ…เดี๋ยวน้ามาจะพาไปอาบน้ำดูสิอ้วกจนเลอะเสื้อหมดแล้ว” คนตัวใหญ่ยิ้มเจ้าเหล์ยิ่งสงสัยอาการแบบนี้ เขายื่นใบหน้าเข้าหา แตะริมฝีปากลงบนผิวหน้าผากนวล จูบผิวขาวซีดอยากให้เจ้าหล่อนรับรู้สัมผัสของเขาว่าเขาเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน ในใจทั้งสี่ห้องเป็นของเธอจนหมดแล้ว“อื่ออ” นอนหลับตาหัวใจเจ็บลึก เธอจะไม่มีวันบอกเขาแน่ในสิ่งมีชีวิตในท้องของเธอ ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ ไปแบบนั้นเอง ขณะนี้กังสดาลอยากให้เขาไปให้ไกลตัว
บทนำ
เมษายืนแทบไม่ติดพื้นยามได้ข่าวจากนางสมนึกคนดูแลนางนวลฉวีว่าพี่สาวถูกหามส่งโรงพยาบาล ใจของเขาร้อนรน ยืนเฝ้ามองร่างของนางนวลฉวีอยู่ปลายเตียงคนไข้ ใบหน้าเข้มเคร่งขรึมกลัดกลุ้มเจ็บหน่วงๆ ร้าวรานหัวใจที่สุด ดวงตาสีนิลจับจ้องมองร่างบางเพรียวเล็กของพี่สาวที่นอนหายใจติดขัดเรียวตาตี๋ปลายหางตาตกที่โบราณเขาเรียกว่าเรียวตาปลาดุกนั่นขยับขึ้งลงมองสำรวจใบหน้าเรียวรูปไข่ ถึงจะมีริ้วรอยเหี่ยวย่นก็ตามแต่นั่นก็ยังคงไว้ความสวยงามและคล้ายคลึงใบหน้าของใครอีกคนหนึ่งที่เขาเฝ้าคิดถึงถวิลหาทุกลมหายใจเข้าออก
“กะ…กะ…กั้งลูกแม่ ลูกอยู่ไหนกลับมาหาแม่นะลูก มาหาแม่นะลูก…อึกก” ร่างของคนป่วยที่นอนพูดละเมอ เนื้อตัวสั่นไหวเพราะแรงสะอื้น ปลายหางตามองเห็นได้ชัดเจนว่านางนอนร้องไห้ทั้งที่ยังหลับสนิท แรงของการสะอึกและถอนหายใจนั่นโรยรินยิ่งนัก
“พี่นวล…” เมษาตื่นจากพะวง แล้วรีบขยับเท้าเดินเข้าไปหา แล้วหยุดยืนตรงปลายเตียงคนไข้ ยามได้เห็นร่างของพี่สาวขยับดิ้นไปมาบนที่นอน มือของนางยกขึ้นไขว่คว้าอะไรบางอย่าง
“อย่าไปลูกกลับมา” นางนวลฉวีได้แต่ฉุดรั้งเอาแขนล่ำกำยำของน้องชายเข้ามาโอบกอด เสียงของนางกระซิบกระซาบแผ่วเบาเปรยเรียกหาลูกสาวคนเดียว แต่นั่นก็ยังทำให้ชายหนุ่มได้ยินอย่างชัดเจน
“พี่นวลครับ” เมษาปล่อยให้นางนวลฉวีฉุดรั้งต้นแขนอยู่อย่างนั่น ใบหน้าสีเข้มตรงข้างแก้มและเรียวคางนั่นเต็มไปด้วยเคราสีดำเป็นตอๆ ได้ก้มมองใบหน้าของพี่สาวมันมีแต่คลาบน้ำตาไหลอาบหางตาหยดย้อยเปียกแฉะใบหมอนที่หนุนอยู่ หัวใจอันแข็งแกล่งนั่นหวิวๆ ขึ้นมาทันทียามได้ยินพี่สาวพร่ำเพ้อถึงใคร
“มะ…เมฆ?...” นางนวลฉวีขยับเปลือกตาอันพร่ามัวอย่างยากลำบากหนักหน่วงตาเหลือเกิน พยายามกระพริบตาสะลึมสะลือปรับให้เข้ากับแสงสว่างของแดดที่ส่องมาตามหน้าต่าง แววตาสั่นไหวมองหน้าน้องชาย เปรยเสียงแผ่วหวิว พร้อมทั้งพยายามพยุงตัวเองให้ลุกนั่งในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน
“พี่นวลเป็นอย่างไรมั่งครับ” เมษายังยืนชิดขอบเตียงด้านข้าง เรียวแขนอันแข็งแกล่งช่วยโอบพยุงพี่สาวให้ลุกนั่ง เขาปรับด้านหัวของเตียงให้ยกสูงขึ้นแล้วใช้หมอนหนุนไว้ด้านหลังของพี่สาว
“แค๊กก…พี่หลับนานแค่ไหน?” นางนวลฉวียกมือปิดเรียวปากอันแห้งเกละ แล้วชำเลืองสายตามองหน้าน้องชายคนเดียว นึกเห็นใจชายหนุ่มอยู่ไม่น้อย
“ดื่มน้ำก่อนนะครับ” เมษาเดินอ้อมไปยังอีกฝังของเตียงนอน เขาหยิบเยือกน้ำที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียง แล้วเทน้ำใส่แก้วยื่นให้พี่สาว แล้วเลื่อนเก้าอีกข้างเตียงเข้ามานั่งลงตรงขอบเตียง
“ขอบใจเมฆมากนะที่มาเฝ้าดูแลพี่ทุกวันแบบนี้…”
“ผมต้องมาดูแลพี่สาวคนเดียวของผมอยู่แล้วนี่ครับ” เมษาเงยหน้ามองเสี่ยวหน้าของหญิงชราผู้มีพระคุณ มองเห็นริ้วรอยความทุกข์ของพี่สาว
“พี่ป่วยแบบนี่ทำให้เมฆไม่เป็นอันทำงานทำการเพราะพี่…อึกก” ยกเรียวมือขึ้นปิดปากหวังกลบเกลื่อนเสียงสะอื้น พร้อมทั้งเบือนสายตาอันร้าวรานหันไปมองทางอื่น ไม่อยากให้น้องชายเห็นน้ำตาที่มันคอยแต่จะไหลยามนึกถึงลูกสาวคนเดียว ถ้าเธออยู่ปานนี้คงจะมานอนเฝ้าและคอยดูแลนางเป็นแน่
“พี่นวล !!” เมษาเงยหน้ามองพี่สาวที่นั่งตัวสั่นเพราะแรงสะอึกสะอื้น เขาก็ปวดใจใช่น้อยยามได้เห็นนางนวลฉวีเป็นแบบนี่
“ถ้ายัยกั้งอยู่เมฆคงไม่ต้องลำบากมาดูแลพี่” เปรยเสียงอันสั่นเครือแผ่วๆ ไม่อยากให้น้องชายมารับรู้ความในใจของตัวเองมากนัก
“พี่นวลอย่าร้องไห้เลยครับ” รีบขยับตัวลุกออกจากเก้าอี้แล้วเข้าไปนั่งบนขอบเตียง ใช้วงแขนอันกำยำโอบกอดร่างเพรียวน้อยของพี่สาวไว้
“มะ…เมฆพี่คิดถึงลูก ป่านนี่ยัยกั้งจะเป็นอย่างไรนะ?” ใบหน้าเหี่ยวย่นซบลงบนอกแกล่ง พร้อมทั้งส่งเสียงอันสั่นเครือพึมพำหาลูกสาวสุดดวงใจ
“กั้งสบายดีครับ พี่นวลไม่ต้องเป็นห่วง” เสียงเข้มนุ่มฟังดูอบอุ่นแต่แฝงไปด้วยความเจ็บปวดร้าวรานใจเอ่ยบอกพี่สาว หวังให้นางหยุดทุกข์โศกเศร้า
“พี่อยากเจอลูก…อยากเห็นหน้าหลาน…”
“ครับ…” เมษาเอ่ยรับคำพี่สาว แต่แววตาของเขานั่นสั่นไหวยามได้ยินคำว่าหลาน มันช่างกัดกินหัวใจอันช้ำเเหลือเกิน มันไม่ต่างจากเขาเอาเสียเลย หัวใจอันแข็งแกล่งดวงนี่ก็คิดถึงและเฝ้าฝันหาแต่พวกเธอทั้งสองไม่แพ้กัน
“เมฆไปตามยัยกั้งให้พี่ได้ไหม?” นางนวลฉวีผลักใบหน้าอันเต็มไปด้วยน้ำตาออกจากอกแกล่ง แล้วเงยมองหน้าน้องชาย ส่งแววตาอันปวดร้าวรานเข้าไปในดวงตาสีเข้ม หวังให้ชายหนุ่มรับรู้ว่านางขอโทษที่ทำให้เรื่องต้องเป็นแบบนี้
“พี่คิดถึงลูก…อยากเห็นหน้าหลาน” นางนวลฉวีได้แต่พึมพำเปรยเสียงกระซิบแผ่วเบาหาลูกหาหลาน ใบหน้าของนางยังซบบนอกแกล่ง
“ครับ ผมจะไปตามยัยกั้งกลับมาครับ” แววตาสีนิลก้มมองใบหน้าของพี่สาวผู้มีพระคุณ เขาพร้อมที่จะทำตามคำบัญชาของนางนวลฉวีทุกอย่าง พอเสียทีกลับการที่ต้องทนรอคอย จะไม่ขอเจ็บปวดทรมานหัวใจอีกต่อไป พร้อมแล้วกับหัวใจช้ำๆกลัดหนอง พร้อมที่จะไปตามเอาหัวใจของตัวเองกลับคืนมาเสียที และจะไม่มีวันปล่อยให้เธอหนีหายไปไหนอีกเป็นแน่……
