บทที่1 ตอน ”วัยเรียน วัยรัก” 1
“กรี๊งงงงงง !!!…”
เสียงกริ่งโรงเรียนมัธยมเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดเพชรบูรณ์ ดังขึ้นติดๆ กันสองสามครั้ง เป็นการเตือนให้นักเรียนทั้งชายและหญิงรับรู้เป็นเวลาเลิกเรียนเตรียมตัวกันกลับบ้าน เสียงจอแจของนักเรียนชายหญิงมากหน้าหลายตาต่างทยอยพากันเดินออกจากห้องเรียน บ่างก็จับกลุ่มเดินคุยกัน บ่างก็ยังนั่งเล่นหัวเราะต่อกระซิกกันอยู่ในชั้นเรียน
ไม่ผิดอะไรกับกังสดาลสาวน้อยร่างออระชอนอ้อนแอ่นเพรียวบาง วัย16ปี เธออยู่ในชุดนักเรียนกระโปรงสีน้ำเงินจีบรอบตัวยาวคลุมน่อง เสื้อเชิ้ตคอปกแขนจับจีบเป็นจ้ำสีขาวตรงหน้าอกปักชื่อนามสกุลและโลโก้ของโรงเรียนและตามด้วยหมายเลขชั้นเรียน มอ4 ทับ2 สาวแรกรุ่นสามสี่คนรวมทั้งกังสดาลพากันเดินออกมาจากห้องเรียนนั่นยังมีสายตาสีนิลจับจ้องมองด้วยความรักความเสน่หา
“กั้ง?…” นิรุตติ์นักเรียนชายรุ่นพี่ชั้น มอ6 รวมทั้งเพื่อนรุ่นเดียวกัน พวกเขาต่างพากันมายืนออรอกังสดาลและเพื่อนนักเรียนหญิงรุ่นน้องอยู่หน้าห้องเรียนแบบนี้ทุกวัน
“พี่รุตติ์…พี่อัต…สวัสดีค่ะ” กังสดาลหยุดยืนตรงชั้นบันไดแล้วส่งยิ้มหวานให้คนตรงหน้า คนตัวน้อยยกมือไหว้ชายหนุ่มรุ่นพี่ทั้งสองที่ชอบมายืนรอพวกเธอ
“กั้งกลับบ้านพร้อมพี่นะครับ?”
“วันนี้คงไม่ได้ค่ะ” กังสดาลอเปรยบอกชายหนุ่มตรงหน้า
“ทำไมละครับ กั้งจะไปไหน” นิรุตติ์ยืนขวางทางเดินของสาวน้อยทั้งสองไว้ มือข้างขวาเกาะราวบันได ส่วนอีกข้างจับกระเป๋าเป้นักเรียน ใบหน้าเรียวคมสันเงยขึ้นมองน้องแน่งน้อยในดวงใจ เขายื่นมือเข้าไปคว้ากระเป๋านักเรียนของกังสดาลหวังช่วยถือให้
“พี่รุตติ์มายืนดักรอยัยกั้งทุกวันแบบนี่ไม่เบื่อมั่งเหรอคะ?” สุนิสาเพื่อนรักของกังสดาลเปรยเสียงล้อเลียนถามชายหนุ่มรุ่นพี่โดยที่ไม่ต้องให้เพื่อนสาวอย่างกังสดาลถาม
“แหม่น้องสุครับ…ไอ้รุตติ์มันจะเบื่อหัวใจของมันได้ไงครับ” อัตถพรยิ้มกรุ้มกริ่มพร้อมทั้งยักคิ้วข้างเดียวส่งให้สุนิสาที่ยืนเป็นไม้กันหมา พร้อมทั้งชำเลืองสายตามองเพื่อนที่เอาแต่ยืนจ้องมองกังสดาลไม่ว่าตา
“นั่นสินะ…ถ้าเบื่อหัวใจตัวเองก็คงจะเข้าโรงพยาบาลให้หมอผ่าตัดแน่เลย” สุนิสาส่งสายตาแพรวพราวหันไปมองเพื่อนแล้วก้มมองหน้าสองหนุ่มที่พากันยืนเกาะราวบันไดเหมือนลิงเกาะต้นไม้ ใบหน้าของชายหนุ่มทั้งสองยังแหงนมองมายังพวกเธอ
“นี่น้องสุครับ…พี่จะบอกอะไรให้…ไอ้รุตติ์นะมันมีสองหัวใจ…ดวงหนึ่งอยู่ข้างในด้านซ้าย ส่วนอีกดวงก็อยู่แถวนี้แหละ” อัตถพรยกมือป้องปากของตัวเองแล้วเอ่ยเสียงกระซิบกระซาบให้ได้ยินกันเพัยงแค่สี่คน เขายกมือขึ้นใช้นิ้วชี้จิ้มๆ บนอกแกล่งด้านซ้ายของนิรุตติ์ แล้วเหลือบสายตามองกังสดาลที่ยังยืนอมยิ้ม ใบหน้าของเจ้าหล่อนแดงระเรื่ออมชมพูคงเป็นเพราะความเขินอายแน่เลย
“ไอ้อัตมึงหยุดพูดได้แล้ว” นิรุตติ์ไม่ยอมหันหน้าอันแดงก่ำไปมองเพื่อนที่ยืนอยู่ด้านหลัง แต่เขากลับใช้ข้อศอกอันแข็งแกล่งกระทุ้งไปสองทีที่หน้าท้องของเพื่อนที่ชอบทำให้เขาเก้อเขินทุกที
“อุ๊ยย !!...ไอ้รุตติ์กูเจ็บนะ กระทุ้งมาได้” อัตถพรร้องเสียงหลง แล้วยกมือขึ้นลูบหน้าท้องตรงที่โดนกระทำไปมาอย่างาไม่ได้
มึงจะไปไหนก็ไป…” นิรุตติ์เอ่ยเสียงเข้มบอกเพื่อนรักที่ชอบขัดใจเขาทุกเรื่อง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมหันไปมองเพื่อนเลย เพราอายเพื่อน ใบหน้าสีเข้มปนแดงก่ำยังจับจ้องมองมองหน้าหวานๆ ของสาวน้อยที่ยังยืน เอาแต่อมยิ้มอยู่ตรงหน้า
“ทำมาเป็นไล่ ทีเมื่อกี้ชวนกูยิกๆ ให้มาเป็นเพื่อน” อัตถพรบ่นให้เพื่อน
“หยุดพูดเลย” นิรุตต์หันไปมองหน้าเพื่อนที่เอาแต่บ่น เขายกมือขึ้นชี้นิ้วชี้ไปยังหน้าของเพื่อน บอกเป็นนัยๆ ว่ามึงจะไปไหนก็ไปอย่าพูกมาก
“พูดความจริงทำเป็นโมโห” อัตถพรยังไม่หยุดยั่วเพื่อนรัก เขายังยืนพูดทำให้เพื่อนอับอายอยู่อย่างนั่น
“มึงจะไปไหนก็รีบไปอย่ามาพูดมาก” นิรุตต์หันไปกระซิบเสียงดุใส่เพื่อนรัก
“เอ่อๆ กูไปก็ได้ว่ะ…น้องสุครับกลับบ้านพร้อมพี่ไหมครับ” อัตถพรทำหน้าฮึดฮัดมองเสี้ยวหน้าเพื่อน แล้วเงยหน้าส่งแววตากรุ่มกริ่งมองหน้าสาวร่างอวบอั๋นอย่างสุนิสา ชวนเธอกลับบ้านพร้อมกัน
“ไปคนเดียวเถอะพี่อัต สุกลับคนเดียวเองได้” ใบหน้ากลมบ่องแบ้วสะบัดหนีไม่ยอมมองหน้าของคนที่ชวนกลับบ้านด้วย
“ไปกันเถอะกั้ง” สุนิสาหันไปยิ้มให้เพื่อนที่ยังยืนอยู่ข้างๆ เอ่ยเสียงห้าวๆ สะกิดกังสดาล มือเรียวอวบยื่นไปกุมมือของเพื่อนไว้ แล้วพาเดินลงบันได
“น้องสุครับจะอยู่เป็นก้างปลาทำไมครับ ไป!...กลับบ้านพร้อมพี่” อัตถพรเดินหน้ามุ่ยเข้าไปดักหญิงสาวที่เขาแอบรักอยู่เหมือนกัน มือเรียวใหญ่รั้งกระเป๋านักเรียนของเธอมาถือแล้วคร้าข้อมือน้อยฉุดให้เดินตามลงบันไดไปยังข้างล่าง
“พี่อัตปล่อยมือสุนะ” มือเรียวอวบทุบตีมือเรียวหนา ปากก็ร้องห้ามปราม ร่างอวบเดินลงบันไดแถบไม่ทันเพราะโดนชายหนุ่มฉุดรั้งพาเดินไปยังลานจอดรถมอเตอร์ไซค์
“เดินดีๆ เดี๋ยวก็พากันล่วงลงบันไดไม่รู้นะ” อัตถพรหันมาเอ่ยเสียงเข้มดุสุนิสา
“พี่อัตก็ปล่อยมือสุก่อนสิค่ะ สุเดินเองได้…”
“พูดมากเอากระเป๋ามาเดี๋ยวพี่ถือให้…”
“ปล่อยสิค่ะ อายใครต่อใครมั่ง สุมีพ่อมีแม่นะจะมาฉุดรั้งกันแบบนี้ไม่ไดนะ…”
“ถ้าไม่อยากอายใครต่อใครก็เดินดีๆ ให้พี่จูงสิ…”
“พี่อัต…”
“ครับ…”
สุไม่ใช่หมูใช่หมานะจะมาจูงกัน ปล่อยค่ะ” สุนิสาพยายามสะบัดมืออกจากมือเรียวใหญ่ เธอรู้สึกได้ว่าเขาจะกำกระชับแน่นยิ่งขึ้น
กังสดาลอมยิ้มให้กับคนทั้งสอง เจ้าหล่อนชะเง้อคอยาวมองตามราวบันได ฟังเสียงของคนคู่นั่นที่ยังถกเถืองกันอยู่ไม่หยุด เธอส่ายหน้าไปมา รับรู้ว่าอัตถพรนั่นแอบรักสุนิสามาตั้งแต่เธออยู่มอต้นแล้ว
“กั้ง…ว่าไงครับจะกลับบ้านเลยไหม?” นิรุตติ์ยังยืนเกาะราวบันได ส่งแววตาตี๋ๆ สีนิลยังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าเนียนใสอมชมพูนั่น
“กั้งว่าจะเข้าตลาดไปหาซื้อไหมพรมนะคะ พี่รุตต์กลับก่อนกั้งเลยค่ะ” กังสดาลยื่นมือเข้าไปรั้งกระเป๋าหนังนักเรียนแบบถือสีดำจากมือของชายหนุ่ม ร่างบางก็เลื่องเดินลงบันได
“ให้พี่ไปด้วยนะ…”
“พี่รุตติ์จะไปทำไมค่ะร้านขายไหมพรมมีแต่ผู้หญิงทั้งนั่น…”
“พี่อยากไปเป็นเพื่อนกั้ง ยืนรออยู่นอกร้านก็ได้ นะ น่ะให้พี่ไปด้วย…”
“ลำบากพี่รุตติ์อีกแล้ว…”
“พี่เต็มใจ ให้พี่เดินเป็นเพื่อนนะ” นิรุตติ์เอ่ยเสียงนุ่มทุ่ม แล้วเดินเข้าไปประชิดด้านหลัง ก้าวลงบันไดแต่ละคั่นตามร่างแน่งน้อยต้อยๆ
“พี่รุตต์ไม่มีกิจกรรมของโรงเรียนทำเหรอคะวันนี้?” กังสดาลยิ้มหวาน แล้วเอืองใบหน้ามองคนตัวโตที่ก้าวเดินลงตามแต่ละคั่นของบันได
“ไม่มีครับ…มาพี่ถือกระเป๋าให้” นิรุตติ์รีบเดินไปดักหน้าคนตัวน้อย แล้วรั้งกระเป๋านักเรียนมาถือไว แล้วใช้มืออีกข้างจับจูงข้อมือน้องน้อยพาเดินไปยังลานจอดรถ
“พี่รุตติ์เดี๋ยวค่ะเดินช้าๆ ก็ได้” กังสดาลไม่ได้ขัดขื่นชายหนุ่ม เดินๆ วิ่งๆ ตามรอยเท้าของคนตัวโตไปยังรถมอเตอร์ไซค์
“มาพี่ใส่ให้” นิรุตติ์หันไปเปิดเบาะรถมอเตอร์ไซค์เอาหมวกอีกใบที่อยู่ในนั่นออกมา เขายืนหันหน้าเข้าหาหญิงสาวจัดแจงสวมใส่หมวกกันน็อก พร้อมทั้งกระชับช่วงล็อกตรงคางให้คนตัวน้อย
“ค่ะ…” กังสดาลยื่นหมวกให้ชายหนุ่มที่นั่งคร่อมรถรออยู่แล้ว ร่างบอบบางขยับเข้าไปหาชายหนุ่มข้างบ้านที่เธอเคารพเหมือนพี่ชายจริงๆ
