บท
ตั้งค่า

ตอน ”วัยเรียน วัยรัก” 2

ทุกอิริยาบถของหนุ่มสาววัยเรียนที่ยืนคุยกันกระหนุงกระหนิ่งนั่นอยู่ในสายตาของชายร่างโตที่นั่งอยู่ในรถกระบะคันโตสีเงิน เขาจอดรถอยู่ข้างทางหน้าโรงเรียน กลับมาจากไร่บนดอย นานๆ จะได้มีโอกาสเป็นคนมารับหลานสาวด้วยตัวเอง แต่กับมาเจอภาพที่ไม่อยากจะเห็นเอาเสียเลย เรียวตาตี๋ๆ สีเข้มดุดันมองผ่านกระจกแว่นตาสีดำเรย์แบน ถ้าขืนเขาจ้องมองนานๆ อาจจะแผดเผากระจกแว่นตาเป็นแน่

“ตุ๊บบ!!…”

มือเรียวใหญ่ทุบลงไปบนพวงมาลัยรถกระบะคันโตสีเงินหนึ่งที อุดสาตั้งใจมาจอดรอรับกลับบ้านไหนแม่หลานตัวบางทำไมต้องไปกับไอ้เด็กข้างบ้านด้วยนะ มันน่าจับมาตีก้นเสียเหลือเกิน แววตาดวงเข้มเปร่งประกายแดงโรจน์เอาแต่จ้องมองหลานรักที่ทำหน้าระรื่น มองอย่างไรก็เห็นว่าหลานตัวน้อยใช้แขนสลวยสองข้างโอบกอดเอวของไอ้เด็กหนุ่มนั่น อยากรู้จริงๆ ว่าจะพากันไปไหน

เป็นเพราะความร้อนอบอ้าวเวลาบ่ายสี่ ทำให้การเดินเลือกซื้อของใช้ในตลาดสดต้องหยุดลง นิรุตติ์ที่ยังเดินเป็นบอดีการ์ดนั่นได้ชวนและพากังสดาลนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไปยังห้างดังแห่งหนึ่งในตัวจังหวัด

“เรียนไม่ทันจบริอาจจะมีความรักเหรอยัยกั้ง” เปล่งเสียงเข้มบ่นอยู่คนเดียว เรียวมือใหญ่สีแทนกำกระชับพวงมาลัยแน่นยิ่งขึ้น เท้าก็เหยียบคันเร่งขับช้าบ้างเร็วบ้างตามรถมเตอร์ไซค์ของคนทั้งสองไปจนมาถึงหน้าห้างท็อปแลนด์ รถกระบะคันใหญ่ชลอจอดอยู่ฝั่งตรงข้ามกับลานจอดมอเตอร์ไซค์ที่ทางห้างได้จัดไว้คนละฝั่ง

แป๊นนน !!...”

เสียงแตรรถบีบติดกันหลายครั้งดังระงมจนทำให้ทุกคนตามท้องถนนรวมทั้งร่างสองหนุ่มสาวที่ยังพากันนั่งอยู่บนเบาะรถมอเตอร์ไซค์

“ไม่คิดเกรงใจชาวบ้านมั่งเลยบีแตรเสียงดังแบบนี้มีหวังโดนด่าแน่” กังสดาลขยับร่างเพรียวลมลงมายืนอยู่ตรงข้างๆ นิรุตติ์ เรียวปากบางอมชมพูบ่นให้กับเสียงแตรรถที่ดังอยู่ข้างหลังห่างจากเธอและนิรุตติ์เพียงสองเมตร เธอได้แต่ชำเลืองไปมอง แต่ไม่คิดสนใจ มันยิ่งเพิ่มความคุ่นเคืองให้คนร่างโตที่ยังหงุดหงิดอยู่ในรถกระบะ

“นั่นสิครับ ไร้มารยาทจริง” นิรุตติ์ที่ยังนั่งคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ หันหน้าสะบัดหางตาส่องมองคนในรถ แต่มองไม่ถนัดเพราะกระจกรถสีดำมืดสนิท

“พี่รุตติ์กั้งแกะที่ล็อกไม่ได้” กังสดาลทั้งดึงทั้งแกะสายล็อกของหมวกกันน็อก

“มาเดี๋ยวพี่ถอดให้” นิรุตติ์ยังนั่งอยู่ที่เดิมหันข้างไปหากังสดาลแล้วยื่นมือไปรั้งสายล็อกหมวกกันน็อกแกะออกให้คนตัวบาง

แป๊นนน !!...”

การกระทำของคนทั้งสองยังอยู่ในสายตาของเมษา ใบหน้าสีแทนแดงก่ำ เขาบีบแตรรถส่งเสียงดังอีกครั้งเพราะคิดว่าคนทั้งสองไม่ได้ยิน พร้อมทั้งเปิดประตูลงจากรถ ก้าวเท้าย่างสมขุมเดินเข้าไปหาคนทั้งสอง มันรู้สึกหน่วงๆ และหวงหลานสาวขึ้นมาทันที ยามเห็นไอ้หนุ่มนั่นมันกำลังช่วยกังสดาลถอดหมวกกันน็อก โดยที่ไอ้หลานสาวก็ดูจะเต็มใจให้มันช่วยเหลืออำนวยสะดวกเสียเหลือเกิน

“น้าเมฆ !! / พี่เมฆ !!” กังสดาลและนิรุตต์หันไปมองตามเสียงอีกครั้ง แต่ก็ต้องตกใจ พากันเปรยเสียงแผ่วเบาพร้อมกัน ยามได้หันไปเห็นคนตัวโตที่กำลังเดินเข้ามาหา

“น้าเมฆ” กังสดาลรีบผลักออกจากนิรุตต์ แล้วรีบวิ่งเข้าหาคนตัวโตที่เดินมายังเธอ เขาและเธอหยุดยืนมองหน้ากันเขาสูงใหญ่จริงๆ กังสดาลต้องเป็นคนแหงนมองหน้าน้าชาย แต่ก็ต้องยกเรียวมือป้องหน้าไว้เพราะแสงแดดแยงตา เมษารีบรั้งร่างบางให้มายืนตรงหน้าใช้ร่างกายที่สูงใหญ่เกินมาตรฐานชายไทยช่วยบดบังแสงแดดให้ได้เป็นอย่างดี

“มาทำอะไรที่นี่?” คำแรกของคนตัวโตที่ยืนประชันหน้าร่างแน่งน้อยคนหวงของไม่อยากให้ใครเข้ามายุ่งวุ่นวายกับสาวน้อยตรงเอาเสียเลย เขาเอ่ยดุดันถามหลานสาว

“น้าเมฆมาได้ไงคะ?” เรียวมือบางนุ่มนิ่มยืนเข้าไปเกาะแขนแกล่งของน้าชายไว้แน่น ดีใจมากแค่ไหนที่ได้เจอ ห้าเดือนเต็มๆ แล้วที่ไม่ได้เห็นหน้ากัน เพราะชายหนุ่มจะใช้เวลาทุ่มเทตัวเองดูแลกิจการโรงแรงที่อยู่บนดอยเขาค้อ

“ถ้าไม่มาคงไม่เห็นอะไรที่มันดูไม่ดีแน่…”

“น้าเมฆพูดแปลกจัง…กั้ง งงนะคะ” เด็กสาววัยใสซื่อไม่ทันคำพูดของคนตัวโตได้แต่มองหน้าของน้าชายแล้วส่งรอยยิ้มหวานให้อีก

“รอยยิ้มแบบนี้น้าขอได้ไหม อย่าไปยิ้มให้ใครเด็ดขาด” น้าชายมีสมองคิดไม่ซื่อกับหลานสาวตั้งแต่ตอนไหนนั่นหัวใจของเขาไม่อาจรู้ได้ เขาอยากจะจับรั้งร่างบางเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแล้วลงทัณฑ์เธอด้วยเรียวปากเสียเหลือเกิน

“คะ?...” งงกับท่าทีเปลี่ยนแปลงของเมษา

“เลิกเรียนแล้วทำไมไม่กลับบ้านฮ่ะ?” คนห่วงหลานเห็นท่าทีของหลานที่ใสซื่อบ้องแบ้ว เขากลบเกลือนไม่อยากให้เธอมารับรู้ว่าใจเขาคิดอะไรกับเธอ โดยการยกมือขึ้นรั้งและจับช่วงลำแขนสลวยไว้แล้วขย่ำเล็กน้อย แววตาสีเข้มมองผ่านกระจกแว่นตากันแดดสีดำทรงเรย์แบน หวังปกปิดซ้อนเร้นความผิดปกติภายในใจ

“กั้งมาทำธุระค่ะ” แหงนมองหน้าน้าชาย ตื่นเต้นด้วยหัวใจหวั่นไหวยามได้เห็นดวงหน้าสีเข้ม ดูอย่างไรชายหนุ่มตรงหน้าก็มีความหล่อ ถึงจะมีหนวดเคราขึ้นตามโหนกแก้มและคางหนาก็ตาม มันไม่ได้ทำให้น้าเมษาของเธอหมดหล่อและดูแก่ไปเสียเลย

“ธุระอะไรกัน !!” หันหน้าสีแทนมองหลานตัวน้อย แล้วหันไปมองนิรุตติ์ที่ยังนั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์อยู่ เขาถอดแว่นตากันแดดเรย์แบนสีดำ แล้วเอาไปคาดไว้บนศรีษะ ส่งแววตาอันแรงกล้าความห่วงแหนหลานตัวบางให้ชายหนุ่มอีกคนรับรู้

“กั้งแวะมาซื้อของนะคะ” เปรยเสียงนุ่มนิ่มกระซิบบอก แต่ไม่ยอมเงยใบหน้ารูปไข่ออกจากเรียวแขนแกร่งสีแทนที่มีแขนเสื้อยีนส์เนื้อนุ่มรองรับ

“ออกมากับผู้ชายสองต่อสองแบบนี้ได้บอกแม่หรือเปล่าเนี่ย” เมษาจับจูงมือเรียวน้อยพาเดินเข้าไปหานิรุตติ์ ทำไมเขาไม่ชอบขี้หน้าไอ้เด็กคนนี้เอาเสียเลย รู้สึกขัดหูขัดตายามได้เห็นมันอยู่ไกล้กังสดาล

“น้าเมฆค่ะ ผู้ชายที่น้าเมฆว่านะพี่รุตติ์ลูกชายป้าปลาเพื่อนแม่นะคะบ้านเราและบ้านพี่รุตติ์ก็อยู่ติดกันอีก ทำไมกั้งจะต้องบอกแม่ด้วย อีกอย่างกั้งก็โตแล้วด้วย ดูแลตัวเองได้” พูดเสียงสะบัดงอนและน้อยใจน้าชาย พร้อมทั้งออกแรงสะบัดมือที่โดนจับกุมออก แล้วก้าวเดินหนีเมษาเข้าไปหยุดยืนเคียงคู่อยู่ชิดกับนิรุตติ์

“กั้งเดี๋ยว !!” เมษาเปล่งเสียงเข้มเรียกให้หลานสาวหยุด พูดแค่นี่ทำเป็นโกรธงอนเดินหนีเขาหรือ มันน่าจับมาฟาดก้นสักสองสามทีเสียยิ่งนัก

“สวัสดีครับพี่เมฆ” นิรุตต์อยู่ในชุดนักเรียนมอ6 เสื้อเชิ้ตสีขาวมีชื่อนามสกุุลปักและเครื่องหมายโลโก้โรงเรียนเดียวกกันกับหลานสาว กางเกงที่ใสเป็นสีน้ำเงินเข้มขาสั่น ทรงผมนั่นตัดทรงเป็นรองทรง เขารีบดีดตัวออกจากการนั่งคร่อมรถลุกขึ้นยืน แล้วรีบยกมือไหว้ทักทายชายหนุ่มรุ่นพี่ที่มีอายุและตัวโตกว่า

“อือๆ…” เมษายกมือขึ้นโบกไปมาเป็นเชิงตอบรับ

“พี่รุตติ์พากั้งเดินซื้อของนะคะ” กังสดาลเปรยเสียงหวานแผ่วเบาบอกนิรุตติ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่แม้จะหันไปมองหน้าน้าชาย คนไม่มีเหตุผล กล่าวหากันชัดๆ

“ได้สิครับ…งั้นเราเข้าไปเดินดูของในห้างกันนะครับ ยืนตรงนี้นานๆ มันร้อน” นิรุตติ์ไม่ได้ใส่ใจชายหนุ่มรุ่นพี่ที่ยังยืนทำหน้าเคร่งขรึม

“ค่ะ…ซื้อของเสร็จเดี๋ยวกั้งเลี้ยงไอศกรีมนะคะ” หันไปยิ้มหวานใส่นิรุตติ์ มันยิ่งเพิ่มความเคืองใจให้คนตัวโตอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ที่ดูเหมือนเป็นคนไร้ความหมาย

“จะซื้ออะไร รีบไปดูสิ เดี๋ยวน้าพาไป ส่วนนายกลับบ้านไปได้เลย” เปล่งเสียงเข้มแกมบังคับหลานสาวและชายหนุ่มรุ่นน้อง สายตาแห่งความหึงหวงสับสนจ้องจองหน้าของนิรุตติ์แล้วหันไปมองหลานรักตัวสร้างความปั่นป่วนหัวใจอันดวงแกร่งนี้ให้สับสนอยู่ตลอดเวลา

“น้าเมฆปล่อยมือกั้งเดี๋ยวนี้นะ กั้งเดินเองได้ทำไมจะต้องจับมือถือแขนกันด้วย…” กังสดาลพยายามสะบัดมือของตัวเองให้หลุดพ้นจากมือใหญ่ที่กำกระชับแน่น

“ทีกับน้าตัวเองทำเป็นห่วงตัว…” เมษายิ่งกระชับกุมข้อมือของกังสดาลแน่นขึ้น เขาไม่ได้หันมามองเจ้าหล่อนเลย ได้แต่กระชากดึงให้เธอเดินตาม

“ปล่อยค่ะ กั้งเจ็บ !!…” มือเรียวบางทุบตีลำแขนของน้าชาย แต่ดูเขาไม่สะทกสะท้านเอาเสียเลย อายผู้คนยิ่งนัก สายตาแต่ละคู่มากมายต่างหันมามองเธอกับชายหนุ่มที่ฉุดรั้งพากันเดินเข้ามาในห้าง อับอายผู้คนยิ่งนัก

“พี่เมฆปล่อยกั้งเถอะครับ” นิรุตติ์วิ่งเข้าไปดักหน้าเมษาไว้ เอ่ยเสียงนุ่มทุ้มห้ามปราม ถึงจะดูไม่สูงไหญ่และรับรู้ว่าเขาไม่มีทางสู้หนุ่มรุ่นพี่ได้ แต่นั่นใช่ว่าเขาจะเกรงกลัวไม่

“นายควรจะกลับบ้านได้แล้วนะ นี่ยัยกั้งเป็นหลานฉัน” หยุดยืนประชันหน้ากับนิรุตติ์ แต่มือยังกุมมือบางไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ถึงเธอจะขัดขืนก็ตาม

“กั้งไปกับพี่” นิรุตติ์ฉุดข้อมือของกังสดาลออกจากเรียวมือใหญ่ได้ ตอนที่เมษาเพลอ เขาก็ผลักร่างของเมษาให้เซไปอีกทาง แล้วรีบไขว่คว้าให้หญิงสาวเข้ามาหาแล้วพาเจ้าหน่อนวิ่งหนีเมษาออกนอกห้างไปยังลานจอดรถ

นิรุตต์กระโดนขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์สตาร์ทเครื่องรอ พร้อมทั้งหันไปบอกให้กังสดาลนั่งคร่อมซ้อนท้ายเหมือนกัน แล้วขับพาหนีไปยังที่ไม่มีคนชอบวางอำนาจตามเจอ

“ยัยกั้งกลับมาเดี๋ยวนี้” เมษาเปล่งเสียงเข้มเรียกกังสดาล แล้ววิ่งตามคนทั้งสองออกมา ดวงตาสีนิลยิ่งแรงแสงแดงก่ำมองเห็นหลังของกังสดาลไวๆ ที่นั่งคร่อมซ้อนท้ายรถกอดเอวของนิรุตติ์ มันยิ่งเพิ่มความขุ่นเคืองหน่วงๆ หัวใจมากยิ่งขึ้น คอยดูนะกลับถึงบ้านเมื่อไรพ่อจะจัดการแม่หลานสาวใจแตกเป็นแน่……

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel