บท
ตั้งค่า

บทที่2 ตอน “หึงหลาน” 1

หกโมงเย็น…

เมษาขับรถวนเวียนทั่วทั้งตัวเมืองตามหาแม่หลานสาวตัวแสบกับไอ้เด็กหนุ่มนั่นก็หาไม่เจอ ใบหน้าสีเข้มเคร่งขรึม ดวงตาเรียวยังโกรธเคียงหลานตัวน้อยจับจ้องป้านชื่อ ”ไร่มะขามหวาน นวลฉวี” ตัวหนังสือถูกแกะสลักทาสีทองผสมดำบนไม้แดงแผ่นใหญ่ติดตั้งตระหง่านสูงใหญ่อยู่ข้างทางหลวงสายสระบุรี-หล่มสัก ข้างทางเข้าบ้านนางนวลฉวียังเปิดเป็นร้านเล็กๆขายมะขามหวานในไร่ เมษาที่ยังสีหน้าบูดบึ่ง มือกำพวงมาลัยแน่นหักหัวรถมุ่งหน้าเข้าซอยถนนลูกลังที่มีป้านติดไว้หน้าซ่อยว่าเขตหวงห้าม

“เอี๊ยดด !!…”

เสียงเหยียบเบรกรถดังเข้าไปในตัวบ้าน จนทำให้นางนวลฉวีที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่กับลูกสาวคนเดียวนั่น ต้องลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดไฟหน้าบ้าน

“กั้งมานี่สิลูก ดูสินั่นรถใคร” มือเรียวอวบเหี่ยวๆ ที่ถือแว่นตานั่นก็ยกขึ้นสวมใส่แว่นสายตา มืออีกข้างแง้มม่านหน้าต่างมองไปยังรถคนโตที่จอดอยู่ลานหน้าบ้าน

“จะใครที่ไหนละค่ะแม่ ก็น้าเมฆไง” เปรยเสียงใสแบบงอนๆ ยังเคืองน้าชายอยู่เมื่อตอนเย็น ไม่อยากเห็นหน้าคนชอบวางอำนาจ

“ลงมาจากดอยค่ำๆ มืดๆ แบบนี้ได้ไง” นางนวลฉวีบ่นเสียงแผ่วเบาให้ได้ยินเพียงคนเดียว

“แม่กั้งขึ้นข้างบนนะคะ…” ไม่อยากเจอหน้าคนเอาแต่ใช้กำลังบังคับ

“ไปเปิดประตูให้น้าเมฆสิลูก” นางนวลฉวียังยืนอยู่ที่เดิม หันไปมองลูกสาวที่มีท่าทีเมินเฉย แล้วหันสายตายังคนร่างโตที่ลงจากรถ ในมือถือของพะลุงพะลังเต็มมือ

“เดี๋ยวน้าเมฆก็เปิดประตูเข้าบ้านเองแหละแม่” กังสดาลไม่มีท่าทีขยับตัวทำตามมารดา เธอยังนั่งพับเพียบอยู่บนพื้นที่ปูด้วยพรมนุ่มนิ่ม

“กังสดาล !!” นางนวลฉวีเปรยเสียงเขียวสะกิดลูกสาว ที่ยังนั่งทำท่าทีไม่ตื่นเต้นเอาเสียเลย แปลกใจจริงๆ วันนี้กังสดาลทำท่าแปลกๆ ตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว

“คะ?...” ขานรับแบบอ่อนใจ คนยิ่งไม่อยากเจอหน้าคนตัวใหญ่ที่ชอบดุหาเรื่องว่าเธออยู่เสมอ นึกแปลกใจยิ่งนักทำไมเมษาไม่ชอบพี่รุตติ์ของเธอเอาเสียเลย

“ยัยกั้ง !!...แม่บอกให้ไปเปิดประตูให้น้าเมฆเดี๋ยวนี้ ดูสินะถือของเต็มมือเดินแทบจะไม่ไหวแล้ว ไปช่วยน้าเขาขนของด้วย เร็วๆ” นางนวลฉวีเอ่ยเสียงเตือนลูกสาวอีกครั้ง หันหน้ามองลูกสาว ยกมือขึ้นขยับแว่นตาแล้วเหลือบสายตาดุๆ ขึ้นบนมองรอดแว่นสายตายาวจ้องไปยังใบหน้าของลูกตัวดีที่ยังนั่งทำตัวไม่รู้ไม่ชี้

“แม่ค่ะ…น้าเมฆมีกุญแจบ้านนะคะ…เดี๋ยวก็ไขเข้ามาเองแหละค่ะ” กังสดาลทำหน้างอนๆ มือเรียวน้อยก็ปิดรีโมดโทรทัศน์

“แก็กก !!...”

“สวัสดีครับพี่นวล” เมษาเปิดประตูเดินเข้ามาในบ้าน เขายกมือไหว้พี่สาวแต่สายตากลับชำเลืองมองหลานสาวตัวแสบ

“เมฆทำไมมาค่ำมืดแบบนี้ละ ขับรถลงเขามันอันตลายนะ แล้วนั่นขนเอาอะไรมาเยอะแยะเลยลูก” นางนวลฉวีเดินไปยังประตูหน้าบ้าน ตามเสียงที่ถูกเปิด นางก็รีบเอ่ยถามน้องชาย

“ผลไม้และผักกระหล่ำปลีจากไร่นะครับ” เมษาชูของในมือให้พี่สาวดู แล้วเดินตามพี่สาวเข้าไปที่ห้องรับแขก เคืองใจยิ่งนัก นี่แสดงว่าแม่หลานสาวของเขาไม่ได้บอกนางนวลฉวีหรือว่าเจอเขาที่ในเมือง

“มาค่ำๆ มืดๆ แบบนี้มันอันตรายนะเมฆ” นางนวลฉวีเป็นห่วงน้องชาย นางช่วยน้องชายขนของเข้าไปเก็บไว้ในห้องอาหาร เอาถุงต่างๆ ว่างไว้บนโต๊ะทานข้าว แล้วพาเดินไปยังห้องรับแขก

“ผมชินแล้วพี่นวลอย่าห่วงผมเลยครับ” เอ่ยบอกนางนวลฉวี แต่กลับเหลือบสายตาดุดันมองร่างหลานตัวบางที่พยายามนั่งก้มหน้าเอาแต่หลบสายตาของเขา

“แล้วนี่กินอะไรมาหรือยังละ” นางนวลนั่งลงโซฟาข้างลูกสาวที่นั่งนิ่งเฉยอยู่บนพื้น แปลกใจจริงๆ ทุกครั้งกังสดาาลจะตื่นเต้นมากแค่ไหนเวลาเห็นน้าชายลงมาจากเขา แต่วันนี้กับทำเย็นช้า

“ยังเลยครับ ผมกะจะมาให้ทันทานข้าวพร้อมกับพี่นวลและยัยกั้งนะครับ แต่ดันไปวนเวียนหาคนเกเรอยู่ในเมืองนะครับ” เมษาเดินตามพี่สาวเข้าไปสมทบแล้วทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาหนังสีดำตัวเดียวที่อยู่ฝังตรงข้ามกังสดาล พร้อมทั้งเปล่งเสียงเข้มดุดันนิดๆ จงใจพูดให้คนตัวน้อยที่ดูจะไม่ใส่ใจในการมาของเขาเอาเสียเลย

“คนเกเร ใครกันเมฆ?” นางนวลฉวีทำหน้างุนงงหันไปมองชายหนุ่มตัวโตที่ยังนั่งฝั่งตรงข้าม ไม่อยากจะคิดเอาเองได้แต่สังเกตุ แอบมองแววตาของน้องชายที่มองกังสดาลนั่นมันดูจะแปลกไปเหลือเกิน มันไม่ใช่แววตาของน้าชายที่มองหลานสาวเอาเสียเลย

“เด็กดื้อนะ…พี่นวลอย่าใส่ใจเลยครับ” เมษาเอ่ยเสียงเข้มปนประชดคนตัวน้อยที่ยังทำหน้าตายไม่รู้ไม่ชี้ ไม่สะทกสะท้าย

“อือ…กั้งไปจัดโต๊ะทำผัดกระเพราให้น้าเมฆสิลูก” นางนวลฉวีขานรับน้องชาย แล้วหันไปเอ่ยบอกให้ลูกสาวที่ลุกขึ้นแล้วกำลังจะเดินหนี

“แม่ค่ะ เดี๋ยวกั้งขึ้นห้องไปทำการบ้านนะคะ” กังสดาลขยับตัวลุกขึ้นยืนหวังจะก้าวเดินออกไปจากห้องรับแขก ไม่อยากฟังเสียงของคนชอบแขวะ รู้นะว่าชายหนุ่มพูดป่าวๆ นะมันหมายถึงเธอ

“เดี๋ยวสิลูก ไปจัดโต๊ะหากับข้าวให้น้าเมฆก่อน” นางนวลฉวีเปรยเสียงเหนื่อย ให้กับไอ้ลูกหัวรั้น

“กับข้าวในครัวมีเหลือเยอะแยะแค่จุดเตาตั้งไฟอุ่นเอง น้าเมฆก็ทำได้ไม่ใช่เหรอค่ะ” กังสดาลหยุดเดิน ไม่แม้แต่จะหันมามองคนทั้งสอง เธอเปรยเสียงสะบัดและงอนใส่มารดารวมทั้งคนตัวใหญ่ที่นั่งอยู่

“ยัยกั้งกลับมาเดี๋ยวนี้” นางนวลฉวีรีบลุกขึ้น มืออันเหี่ยวก็ยังกวักเรียกลูกสาวให้หยุด พร้อมทั้งส่งเสียงตะโกนบอก แววตาของคนชรามองผ่านแว่นสายตาจ้องมองตามหลังของกังสดาลที่วิ่งขึ้นบันได

“พี่นวลนั่งลงเถอะครับ” เมษาลุกขึ้นไปพยุงนางนวลฉวีให้กลับเข้ามานั่งที่เดิม แล้วหันกลับไปมองเสียงวิ่งขึ้นบันไดของเจ้าหลานสาวตัวดี แววตาของเขาประสานกับสายตาดวงโตที่หันหลังกลับมามองเขาอีกครั้ง แม่หลานสาวจอมดื้อกลับแลบลิ้นปริ้นตาใสเขาอีกต่างหาก

“มันน่าจับมาตีก้นนัก” เมษายังจับจ้องมองเงาของกังสดาลเป็นตะคุ่มๆ วิ่งเข้าห้องไป เขากระตุกยิ้มร้ายให้กับเสียงวิ่งที่ยังดังอยู่

“นั่นสิ !!...มันน่าจับมาฟาดก้นสักทีสองทีอย่างที่เมฆพูดจริงๆ แหละ ดูสิยิ่งโตยิ่งดื้อ ความเป็นลูกผู้หญิงที่พี่สังสอนไม่มีเลย พี่ละเหนื่อยใจเสียจริง” นางนวลฉวีนั่งบ่นลูกสาวให้ชายหนุ่มที่ยังนั่งอยู่ฝังตรงข้ามฟัง

“ยัยกั้งยังเด็ก พี่นวลอย่าคิดมากเลยครับ” เมษาปรับเปลี่ยนสีหน้าที่เคร่งขรึมให้อ่อนแสงลงก่อนที่จะเงยขึ้นมองหน้าพี่สาวที่มีอายุมากกว่าเหลือเกิน ถ้าคนที่ไม่รู้จักพวกเขาสองคนจริงก็พากันคิดว่าเมษาเป็นลูกชายของนางนวลฉวีแน่นอน

“ยัยกั้ง16แล้วนะเมฆ ไม่เด็กแล้ว พี่ละไม่รู้จะสั่งสอนอย่างไรดี ดื้อเหมือนเด็กผู้ชายเหลือเกิน” บ่นให้ลูกสาวแต่ใบหน้าเรียวรูปไข่เต็มไปด้วยความเปี่ยมรักไม่คิดเบื่อหน่ายยามได้บ่นเล็กน้อย ในเรื่องของลูกสาว นางกลับมีความสุขเสียอีกที่ได้บ่น

“พี่นวลอย่าบ่นไรมากเลยครับ เด็กสมัยนี้ต้องค่อยหัดค่อยสอนครับ ขืนเราบังคับหรือดุด่าบ่อยๆ เด็กก็จะไม่เชื่อฟังเรานะครับ…”

“เฮ้ย !!...มัวคุยแต่เรื่องยัยกั้งจนลืมไปเลยว่าเมฆยังไม่ได้กินอะไรมา ไป…เดี๋ยวพี่จะอุ่นกับข้าวให้กินละกัน ในครัวยังมีแกงเขียวหวานเนื้อกับผัดไข่ใส่แตง คงจะเหลือน้ำผริกหนุ่มที่ยัยกั้งทำไว้อีก…”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel