ตอน “หึงหลาน” 2
เมษาลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วก้าวเดินตามหลังพี่สาวที่พาเดินไปยังของครัวที่อยู่ภายในด้านหลังของบ้าน นางนวลฉวีจัดแจงติดเตาแก๊สอุ่นอาหารให้ชายหนุ่ม นางตั้งโต๊ะอาหารสองสามอย่างวางไว้รอน้องชายที่กำลังยืนล้างไม้ล้างมืออยู่ที่อ่างล้างจาน
“ขอบคุณครับ” เมษานั่งลงบนเก้าอี้เขายกมือไหว้พี่สาว ส่งรอยยิ้มแห่งความรักที่เต็มไปด้วยความห่วงใย เขารักพี่สาวคนตรงหน้านี้สุดหัวใจ สายตาดวงเข้มก็ก้มมองอาหารหลายอย่างที่ถูกจัดวางไว้ตรงหน้า แต่ที่มันสะดุดตาเขามากที่สุดนั่นก็คือน้ำผริกหนุ่มที่มีเครื่องเครืองจำพวกผักต่างๆ แคบหมูกลอบก็มี น่าตาน่าทานมาก
“น้ำพริกหนุ่มของโปรดเมฆนี่…ยัยกั้งเป็นคนทำเองกับมือเลยนะ” นางนวลฉวียิ้มให้กับถ้วยน้ำผริก แล้วเงยหน้ามองน้องชาย
“ฝีมือยัยกั้งเหรอครับ?” แววตาสีนิลสุขประกายจ้องมองถ้วยตราไก่ข้างในมีน้ำผริกหนุ่ม เขาดีใจยามได้รับรู้ว่าหลานสาวตัวแสบเป็นคนทำ
“กินดูสิไม่รู้จะอร่อยถูกปากเมฆหรือเปล่า พี่ละแปลกใจจริงวันนี้ยัยกั้งผีคงจะเข้าแน่เลย พอกลับจากโรงเรียนก็เข้าครัวทำอาหารเองทุกอย่างเลย ไม่ยอมให้ใครช่วยด้วยนะ” นางนวลฉวีตักข้าวสวยหอมมะลิใส่จานแล้วยื่นให้น้องชายที่ยังนั่งทำหน้างุนงง
“กินแล้วผมจะท้องล่วงเข้าโรงบาลปะเนี่ย” เมษายื่นมือเข้าไปจับถ้วยน้ำผริกของโปรดฝีมือหลานรักขึ้นมาดม เรียวปากหนากระตุกยิ้มตรงมุมปากให้กับกลิ่นหอมกรุ่น ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่ากังสดาลทำน้ำผริกถ้วยนี้ไว้รอเขา
“รีบกินเถอะเมฆกับข้าวกำลังร้อนๆ เย็นแล้วจะไม่อร่อย” นวงนวลฉวียิ้มให้กับน้องชายแล้วพยุงตัวลุกขึ้นออกจากเก้าอี้เดินออกไปยังห้องครัวที่อยู่อยู่อีกมุมหนึ่ง
“พี่นวลว่าไอ้น้ำผริกถ้วยนี้จะกินได้แน่เหรอครับ” เสียงเข้มยังพูดย้ำคำเดิมเรียวปากหยักยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ไม่กล้ากินเพราะเขาอยากจะเก็บไว้เป็นที่ละลึกมากกว่า
เมษาก้มมองเครื่องเคืองที่ถูกจัดวางอย่างสวยงามมีมะเขือเปาะ ถั่วฝักยาว มือเรียวยาวหยิบแคบหมูขึ้นมาแล้วจิ้มลงไปบนน้ำผริก จากนั่นก็เอาใส่ปากเคี้ยวแคบหมูเสียงดังกรอบๆ
“เมฆเอาน้ำอะไรดี?” นางนวลฉวีเปรยเสียงนุ่มนิ่มมาจากอีกมุมของห้อง นางยังยืนสาระวนเทน้ำเย็นใส่แก้วทรงสูง รวมทั้งเทนมสดใส่อีกแก้วหวังเอาขึ้นไปให้ลูกสาวคนเดียว
“น้ำเปล่าละกันพี่…” เมษาตะโกนบอกพี่สาว
“มีเบียร์ด้วยนะเอาไม?” นางนวลฉวีเอ่ยถามน้องชาย พร้อมทั้งเหลียวหลังมองน้องชาย
ไม่ดีกว่าครับพี่…ผมกลัวท้องจะเสียยิ่งกินน้ำผริกของยัยกั้งไปอีก ผมไม่อยากจะเป็นหนูทดลองยาเลยครับ” เมษาใช้ช้อนกลางตักน้ำผริกมาวางไว้ในจานข้าวเป็นคำที่สาม มือก็ยกช้อนที่มีแต่น้ำผริกขึ้นใส่ปากเคี้ยวไปอมยิ้มไป ใบหน้าสีเข้มเต็มไปด้วยรอยแห่งความสุขมันขัดกันกับคำพูดแต่ละคำที่เขาเอ่ยออกมาจนทำให้ใครบางคนที่ลงมาจากด้านบนได้ยินพอดี
“ถ้ากลัวนักก็ไม่ต้องกิน…เอามานี้ !!...” กังสดาลรีบเดินเข้าไปหยุดตรงขอบโต๊ะทานข้าว เราละอุตสาทำของโปรดไว้รอ แต่กลับกลัวท้องเสียอีก มือเรียวบางรีบหยิบเอาถ้วยน้ำผริกขึ้นมาถือไว้
“เอ้ย !!...” เมษากลืนน้ำผริกผสมข้าวน้อยนิดไปได้ครึ่งคำก็ไอสำลักเพราะตกใจเสียงของหลานสาวตัวแสบ ชายหนุ่มต้องยกมือขึ้นปิดปากแล้วพยายามกลืนข้าวกับน้ำผริกลงคอ
“ไม่อร่อยก็ไม่ต้องกิน” สาวน้อยวัยละอ่อนพูดงอนน้าชาย ใบหน้าบูดบึ่งดวงตากลมโตนั่นเอาแต่จ้องมองคนตัวโตที่นิสัยไม่ดี
“เอามาวางไว้ตรงนี้เลย น้ายังไม่ทันได้ชิมเลยว่ามันจะอร่อยเหาะไหม” เมษาอมยิ้มพูดทีเล่นทีจริงกับหลานสาว แล้วยกนิ้วชี้เรียวยาวบอกให้กังสดาลว่างถ้วยน้ำผริกลงตรงที่เก่า
“ไม่ต้องชิมแล้ว เดี๋ยวท้องจะเสีย” หญิงสาวพูดเสียงสะบัด ทำท่าทางจะก้าวเท้าเดินออกไปจากห้องครัว มือเรียวสวยก็ยังถือถ้วยน้ำผริกหนุ่มไว้แน่น
“น้าบอกให้เอามานี้ !!…”
“ไม่ !!...” กังสดาลเปรยเสียงเขียวใสคนตัวสูงที่ยังนั่งจองมองมือเรียวงามที่ยังถือถ้วยน้ำผริกหมุนวนไปมา พร้อมทั้งทำท่าทางล้อเลียนแลบลิ้นใสใส่น้าชาย
“ไม่ใช่ไหม” คนตัวโตได้เปรียบรีบขยับลุกออกจากเก้าอี้ เดินไปเพียงแค่ก้าวเดียวก็ถึงร่างบอบบางที่คิดจะเดินหนี วงแขนอันแข็งแกล่งข้างเดียวก็สอดเข้าที่เอวคอดกิ่วโอบอุ้มหลานสาวจากทางด้านหลัง
“กรี๊ดด !!...น้าเมฆปล่อยกั้งนะ” ร่างแน่งน้อยรอยระลิ่วเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของคนตัวโต แผ่นหลังนวลประทะเข้ากับแผ่นอกกว้าง ปลายเท้างามก็ลอยเตะสะเปอะสะปะแกว่งไปมา
“ไม่ปล่อย !!...แล้วหยุดดิ้นสักที ไม่งั้นโดนฟาดก้นแน่” เมษาโน้มใบหน้าเข้าหาก้มมองเสี้ยวหน้าด้านหลัง กลิ่นของเส้นผมที่ยาวประบ่าถูกมัดรวบเป็นย้วยไว้บนกระหม่อม ทำให้เห็นปรอยผมเต็มผิวหนังศีรษะขาวสะอาดตรงท้ายทอยมองเห็นเส้นเลือดเป็นเส้นๆ ตรงกกหูน้อยเต้นตุบตับๆ
เมษาที่มีใจคิดไม่ซื่อตรงกับหลานสาวยามได้กลิ่นหอมจากผิวเสื้อผ้าผสมกับกลิ่นผิวขาวผ่องนั่น ยิ่งสับสนใจตัวเองเข้าไปอีก เขากลบเกลื่อนความรู้ของตัวเองโดยเปล่งเสียงเข้มแกมบังคับกระซิบข้างหูด้านหลัง จมูกโด่งคมสันสัมผัสผิวเนื้อนุ่มนิ่มตรงใบหูหอมกรุ่นของแป้งเด็กแคร์
“ปล่อยกั้งนะ” คนตัวน้อยที่ยังอยู่ในอ้อมแขนอันแข็งแกล่งนั่นหยุดดิ้นทันที เธอใจหวิวหวั่นไหวไปกับเสียงกระซิบข้างหู สั่นสะท้านเพราะสัมผัสและได้กลิ่นลมหายใจของน้าชายที่เป่าลดต้นคอ
