บท
ตั้งค่า

บทที่3 ตอน “หวงหลาน” 1

15 ค่ำเป็นคืนเดือนหงายพระจันทร์เต็มดวง ไหนจะมีดาวนับพันดวงเต็มท้องฟ้าพากันส่องแสงระยิบระยับสว่างไหวจนมองไปทางไหนก็มองเห็นไม่จำเป็นต้องใช้ไฟฉายส่องทางเดินก็ว่าได้ เด็กหลายคนในหมู่บ้านที่ตามกังสดาลและนิรุตติ์ออกมาส่องแมงจีนูนกันที่ท้ายไร่มะขามของนางนวลฉวี เด็กๆ ต่างพากันส่งเสียงพูดคุยและบอกกันว่าต้นนี้ของฉันต้นนั่นของเธอ ไม่ต่างกันกับหญิงสาวที่ได้แต่ยืนมองต้นมะขาม ที่เธอหมายปองไว้ว่าต้นนี้ของเจ้าหล่อน เธอยืนเฝ้ามองแมงจีนูนนับร้อยตัวกำลังกัดกินใบมะขามอ่อน

“พี่รุตติ์ทางนี้ค่ะ” กังสดาลกว้กมือเรียกให้ชายหนุ่มที่กำลังขะมักเขม้นส่องแมลงอยู่อีกต้น เธอบอกเขาให้มายังต้นมะขามที่เธอเอาไฟฉายส่องหมุนวนเล่นไปทั่วต้น

“ครับ…” นิรุตติ์ขานรับแต่ไม่ขยับร่างไปไหน

“มาต้นนี้สิค่ะ แมงจีนูนเยอะแยะเลย” บ่นงึมงำอยู่กับตัวเอง

“เดี๋ยวครับ…ต้นนี้ก็เยอะเหมือนกัน…”

“พี่รุตติ์ขาสอนกั้งส่องมั่งสิค่ะ” คนตัวน้อยเดินเข้าไปหาชายตัวโต มือเรียวงามยังถือไฟฉายส่องไปตามพงป่าและตามพื้นดินที่ขุดเป็นร่องๆ ต้นมะขามที่ปลูกเลียงกันเป็นแถวยาวจนสุดปลายไร่ที่มีพื้นที่กว่าร้อยไร่

“จะส่องทำไมครับ ดูพี่ส่องก็พอแล้ว” นิรุตติ์กระซิบกระซาบบอกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มไม่ได้หันไปมองเธอเลยดูเขาตั้งอกตังใจใช้ตะเกียงน้ำมันรนใบมะขามอ่อนที่มีตัวแมงจีนูนเกาะกันเป็นกลุ่มหลายสิบตัว

“พี่รุตติ์ให้กั้งลนมั่ง” คนตัวบางเปรยเสียงอ่อนเสียงหวานบอกคนที่ไม่คิดจะสอนให้เธอทำเลยสักที หลายครั้งหลายคาที่ออกมากับเขาก็ได้แต่คอยช่วยถือกระแป๋งเดินตามก้นชายหนุ่มต้อยๆ

“จะลนทำไม…ถือกระแป๋งให้พี่ที…พี่ลนไม่ถนัด…”

“พี่รุตติ์นะพี่รุตติ์ทุกทีเลย” กังสดาลพูดตัดท้อคนตัวสูง แต่เธอก็ยังทำตามที่ชายหนุ่มบอกให้ทำ เจ้าหล่อนช่วยยกกระแป๋งน้ำให้กับเขา ดวงตากลมโตมีประกายตื่นเต้นยามได้มองเห็นชัดๆ ตอนที่แมงจีนูนถูกรนแล้วล่วงล่นลงในกระแป๋งที่อยู่ในมือ

“อย่าบ่นนักเลยน่า” นิรุตติ์อมยิ้มให้กับคนตัวบางที่ยืนหน้าหงิกงออยู่ข้างๆ

“ไหนว่าจะสอนกั้งไง…”

“เอาไว้วันหน้านะ รับรองพี่จะสอนแน่นอน...”

“วันหน้าๆ วันไหนล่ะคะ” ร่างบางเดินตามชายหนุ่มไปยังต้นมะขามนั่นต้นนี้

“ได้เยอะแหละ ไป๋กลับบ้านกันเถอะ” นิรุตติ์ไม่ได้ตอบคำถามของกังสดาล เขาก้มมองกระแป๋งในมือของหญิงสาว แล้วเอามาถือไว้ เรียวปากหนาก็เป่าพ่นลมไปดับไฟในตะเกียง

“พี่รุตติ์อ่ะ วันหน้ากั้งไม่ออกมาด้วยแล้ว ทุกทีเลย” คนตัวบางพูดเสียงขึ้นจมูก ใบหน้าหงิกงอร่างบางเดินสะพัดตามชายหนุ่ม

“เด็กๆ จะกลับบ้านกันยัง…ดึกแล้วนะ” นิรุตติ์ไม่ได้ใส่ใจฟังเสียงของน้องน้อยที่บ่นตลอดทาง แต่เขากลับตะโกนเรียกเด็กที่ตามออกมาด้วยแทนเสียอีก

“พี่รุตติ์กลับก่อนเลยครับ” เด็กชายคนที่มาด้วยตะโกนตอบ

“ถ้าใครอยากกลับพร้อมพี่ก็มานะ…พี่กับพี่กั้งจะไปรอที่ปากทาง…”

“ครับ” เสียงตอบขานรับของเด็กดังออกมาจากอีกมุมของไร่มะขาม

“อย่าพากันกลับบ้านดึกนะ” นิรุตติ์ตะโกนตอบโต้กับพวกเด็กๆ

“ครับ…พี่รุตติ์ไม่ต้องห่วงพวกผมหรอกเดี๋ยวอีกสักพักก็จะกลับเหมือนกัน” เด็กน้อยคนเดิมได้แต่ตะโกนตอบโต้ แต่ไม่ยอมโพล่หัวมาให้เห็น

“เดินดีๆ นะกั้ง ตรงนี้เป็นหลุมด้วย” นิรุตติ์มือหนึ่งถือไฟฉายส่องทางและใช้เท้าที่ห่อหุ้มด้วยรองเท้าบูดยางสีดำกระทืบต้นไม้ใบหญ่าทำทางให้น้องน้อยได้เดิน อีกมือหนึ่งยังจับกุมเรียวมือบางนุ่มที่เดินตามหลัง คงจะงอนเขาจริงๆ ไม่ยอมพูดอะไรเลย

“เชอะ !!…ทำมาเป็นห่วง วันหน้าไม่มาด้วยแล้ว” กังสดาลสะบัดมือออกจากการเกาะกุม แล้วรีบเดินจ้ำออกไปยังทางเข้าไร่ ทำหน้าตาบูดบึ่งนั่งอยู่เบาะรถรอชายหนุ่มก่อนแล้ว…

คนร่างโตที่นอนเกลียกกลิ้งอยู่บนเตียงหนานุ่น ซบใบหน้าบนที่นอนดอมดมเอากลิ่นหอมนวลจากใบหมอนสีขาวที่เขาหนุ่นนอนเมื่อกี้นี้ เขารีบดีดตัวลุกนั่งแล้วชะเง้อคอยาวมองไปยังหน้าต่างยามได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ดังอยู่หน้าบ้าน คุณน้าคิดไม่ซื่อแอบย่องเบาเข้ามานอนเล่นอยู่ในห้องนอนของแม่หลานสาวใจแตก…

แอ๊นนน !!...

เมษารีบลุกออกจากเตียงก้าวเดินไปยังหน้าต่างยกมือแหวกม่านหน้าต่างผ้าบางเบาสีชมพู พร้อมทั้งยกมือขึ้นก้มใบหน้าที่ดูเคร่งขรึมมองนาฬิกาบนข้อมือ ‘ห้าทุ่มสามสิบ’

“นี่กะจะยืนคุยกันให้ถึงเที่ยงคืนเลยใช่ไหม?” เมษายืนจังก้ามือหนาทั้งสองข้างค้ำยันขอบไม้ของหน้าต่างด้านล่างไว้ เขาบ่นพึมพำให้กับร่างตะคุ่มๆสองร่างร่างที่ยืนคุยกันกระหนุงกระหนิง

“ขอบคุณพี่รุตติ์นะคะที่มาส่งกั้ง…” กังสดาลที่นั่งคร่อมอยู่ท้ายรถมอเตอร์ไซค์ เธอก้าวลงจากเบาะมายืนอยู่ข้างชายหนุ่ม

“พี่มารับกั้ง ก็ต้องมาส่งสิครับ…” ชายหนุ่มยังนั่งคร่อมรถอยู่ท่าเดิมหันข้างมาพูดคุยกับสาวน้อยที่เขาแอบหลงรักมาตั้งแต่เขาอายุ 15ปี

“เอานี้ของพี่รุตติ์” เปรยเสียงนุ่มนิ่มบอก มือเรียวบางยกกระแป๋งใบสีน้ำเงินชูขึ้นให้กับชายหนุ่ม

”ขอบคุณครับ” นิรุตติ์รับกระแป๋งมาถือไว้ เขามองเสี้ยวหน้าของน้องน้อยยามต้องแสงดวงจันทร์ ผิวที่ผ่องนวลกับยิ่งใสนวลงามเหลือเกิน เขาอยากจะยื่นมือเข้าไปสัมผัสพวงแก้มนั่นยิ่งนัก

“กั้งเข้าบ้านนะคะ” กังสดาลยิ้มหวานให้นิรุตติ์

“พรุ่งนี้สิบโมงเช้าอย่าลืมนะครับ…”

“ทำไมคะ?” กังสดาลทำหน้างุนงง

อ้าว…กั้งลืมแล้วเหรอเรานัดกันจะไปเที่ยวน้ำตกไง…”

“อุ๊ยตายเลย…กั้งลืมสนิทเลยนะคะ ถ้าพี่รุตติ์ไม่พูด…”

“ขี้ลืมแบบนี้ต้องมีปรับนะเนี่ย” นิรุตติ์แกล้งทำเสียงดุใส่คนตัวน้อยที่ยังยืนยิ้มแป้น

“เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้ากั้งจะทำอาหารไปกินกันที่น้ำตกไว้เพื่อพี่รุตติ์เองนะคะ” คนตัวบางเดินเข้าไปหาชายหนุ่ม มือเรียวสาวเกาะแขนของเขาไว้ แล้วเปรยเสียงหวานออดอ้อนพี่ชาย

“กั้งเข้าบ้านเถอะ” เอ่ยเสียงเข้มบอกหญิงสาว ถึงใจอยากจะนั่งคุยอยู่แบบนี้แต่เขาก็เกรงใจคนที่อยู่ในบ้าน ไม่อยากให้ป้านวลฉวีผิดหวังในตัวเขา ชายหนุ่มเหลือบสายตามองเข้าไปในบ้านที่มืดสนิท

“ค่ะ…งั้นกั้งเข้าบ้านนะคะ…”

“พรุ่งนี้พี่มารับแต่เช้านะครับ” นิรุตติ์ตะโกนถามหญิงสาวที่เดินไปไกลแล้ว

“ค่ะ…” กังสดาลหันไปมองพี่ชายข้างบ้านแล้วโบกมือลาให้เข้ากลับบ้านได้แล้ว

“กั้งเข้าบ้านเถอะ…” ชายหนุ่มโบกมือตอบรับคนตัวบาง

“พี่รุตติ์ขับรถดีๆ นะคะ” หญิงสาวยังยืนอยู่หน้าประตูบ้าน หันมองชายหนุ่มทีกำลังใช้เท้าข้างขวายันสตาร์ทเครื่องยนต์

“ครับ…พี่ไปนะ” นิรุตติ์ส่งรอยยิ้มผ่าความมัวสลัวให้กับท่าทีของหญิงสาว มือเรียวใหญ่ข้างขวาก็บิดคันเร่งเสียงดังแอ๊นๆๆ แล้วขับมอเตอร์ไซค์ออกไปจากลานหน้าบ้าน

“ค่ะ…” ขานรับพร้อมโบกมือให้ เรียวปากบางฉีกยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่หน้าประตูรอดูพี่ชายแสนดีข้างบ้านขับรถออกไปเสียก่อนแล้วจึงหันมาสาระวนไขกุญแจเข้าบ้าน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel