บทที่ 6
ท่าอากาศยาน จังหวัดเชียงราย...
อากาศในตอนค่ำค่อนข้างจะเย็น ทำให้กณิการ์กระชับผ้าคลุมไหล่แล้วย่นจมูกอย่างขัดใจ แล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ ผู้คนค่อนข้างบางตาไม่ค่อยหนาแน่นมากนัก จังหวัดเชียงรายเป็นจังหวัดเหนือสุดในสยาม มีธรรมชาติสวยงามไปด้วยหุบเขา แหล่งธรรมชาติงดงามมากมาย ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ ให้มาเยือนเมืองสวยงามแห่งนี้ไม่ขาด โดยเฉพาะในฤดูหนาว แต่ต้นฤดูหนาวแบบนี้ยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเท่าไหร่นัก เพราะไม่ใช่วันหยุดยาว
“โอย...เราเกลียดอากาศเย็น ทำไมถึงไม่บอกว่ามันจะเย็นขนาดนี้นะฟ้า”
“ขี้หนาวขนาดนี้ แล้วไปอยู่อิตาลีได้ยังไงเป็นอาทิตย์ๆ น่ะยายกิ๊ก” ทอฟ้าอดหัวเราะเขาอีกฝ่ายไม่ได้ ขณะที่กรณิการ์ค้อนขวับ แล้วเอ่ยออกมาเสียงแหลม
“โอ๊ย! ฉันไปทำงานนะยายฟ้า ไม่ได้ไปเดินเล่นลั้นลาอะไร แล้วฤดูนี้อิตาลีก็ร้อนตับแลบพอๆ กับกรุงเทพฯ เลยอยู่ได้สบาย ใครจะนึกว่าเชียงรายจะเย็นอย่างนี้กัน”
“บ่นขนาดนี้ กลับเลยดีไหม จะได้จองตั๋วเครื่องบินไฟท์กลับให้เลย” คำพูดนั้นทำให้กรณิการ์ค้อนขวับ แล้วกอดแขนเพื่อนรักแน่น
“ไม่ได้ ไม่ว่าจะหนาวยังไงก็ต้องอยู่เป็นเพื่อนกัน ไปชอปเสื้อผ้าอุ่นๆ กันไหม เราจะได้รับมือกับอากาศเย็นของที่นี่ได้ยังไงล่ะ” สายตาของกรณิการ์มองหาร้านที่เธอต้องการทันที สะดุดตรงร้านขายของที่ระลึก ซึ่งเป็นผ้าทอมือพื้นมือ ฝีมือชาวบ้าน นัยน์ตาของกรณิการ์สดใสขึ้นมาเลยทันที เล่นเอาทอฟ้าต้องหัวเราะเบาๆ อย่างรู้ทันเพื่อนรัก
“หนาวหรือหาข้ออ้างในการชอปปิ้งกันแน่”
“ก็ทั้งสองอย่างน่ะแหละ” กรณิการ์อมยิ้ม พลางเดินตรงไปยังร้านที่เธอหมายตาอย่างร่าเริง ทอฟ้าได้แต่มองตามแล้วส่ายหน้าน้อยๆ แม้จะขี้โวยวายไปสักหน่อย ดูเรื่องมากไปบ้าง แต่กรณิการ์ก็ยังมีมุมน่ารักๆ ซึ่งทำให้การคบหาของเธอและเพื่อนรักเป็นไปได้อย่างยาวนาน
ที่นี่สินะ ทอฟ้าบอกกับตนเอง ที่ที่เธอจะแก้แค้นให้กับน้องสาวสุดที่รักของเธอ ก้าวแรกของเธอได้ย่างก้าวออกมาแล้ว มันจะไม่มีวันถอยกลับแน่นอน...
................................
คมกล้ามองดูใบหน้านิ่งขรึมของเพื่อนสนิท อย่างนึกเป็นห่วง เขาลากศรุตมาที่รีสอร์ตของเขาเพื่อจะให้เพื่อนรักได้ผ่อนคลายบ้าง หลังจากที่คร่ำเคร่งเกี่ยวกับเรื่องไร่ และเรื่องงานศพของน้องชายมาหลายอาทิตย์ เขาชวนศรุตทำกิจกรรมซึ่งทางรีสอร์ตจัดไว้ให้นักท่องเที่ยว อย่างปีนเขา พายเรือแคนนู แต่ศรุตก็ปฏิเสธ โดยบอกว่าเขาอยากนั่งดื่มเงียบๆ มากกว่า คมกล้าจึงตามใจเพื่อนรัก ด้วยการพาชายหนุ่มมานั่งดื่มในสวนดอกไม้บริเวณหน้ารีสอร์ตด้วยกันตามลำพัง
“ชิมนี่หน่อยสิวะ เมนูใหม่ของรีสอร์ต เมี่ยงปลาทับทิม จิบเบียร์เย็นๆ ไปด้วยแบบนี้ รับรองอร่อยเหาะ” คมกล้าตักอาหารใส่จานอย่างจะเอาใจ ทำให้ศรุตต้องชิมตามคำเชิญชวน แล้วพยักหน้าเมื่อลิ้มรสชาติของมันเข้าไป
“อื้ม..ใช้ได้เลยว่ะ”
“ปลานี่เลี้ยงเองด้วยนะ เลยรสหวานนุ่มเลย เพราะเป็นของสด” คมกล้าว่า เขายังคงไม่คลาดสายตาจากใบหน้าคมสันของศรุต ที่ดูนิ่งเฉย เย็นชาไม่เปลี่ยนแปลง
“นายเป็นอะไรมากหรือเปล่าวะ ต้น” มือหนาเอื้อมตบหลังมือเพื่อนสนิทเบาๆ “เศร้านานแบบนี้ ไม่ดีเลยนะ ไหนๆ นายตั้นก็จากไปแล้ว เราควรจะมีชีวิตต่อไปในแบบที่มีความสุขมากกว่า นายตั้นคงจะดีใจถ้านายรำลึกถึงเขาอย่างมีความสุข มากกว่ามานั่งอมทุกข์แบบนี้”
“มันยังทำใจลำบากนะคม ฉันกับนายตั้นเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน วันที่อยู่โดยไม่มีน้องชายฝาแฝดของฉันแล้วแบบนี้ มันเคว้งน่าดู”
“เอาน่า...แต่นายก็ต้องทำใจให้ได้ นายจะมาจมกับความเศร้าแบบนี้ตลอดไปไม่ได้หรอก” คมกล้ามองหน้าของชายหนุ่มอย่างเห็นใจ สายสัมพันธ์ของพี่น้องแล้วยิ่งโดยเฉพาะฝาแฝด คงจะมีความแนบแน่นลึกซึ้งในแบบที่เขาไม่อาจจะรู้ได้ ศรุตถึงได้จมอยู่ในความโศกเศร้านานถึงขนาดนี้
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า คม นายก็รู้ว่าฉันเข้มแข็ง” ศรุตตบหลังมือเพื่อนตอบเบาๆ พลางยิ้มเล็กน้อยให้กับคมกล้า ทำให้ใบหน้าคมสันซึ่งแฝงแววเศร้าสดใสขึ้นได้บ้าง
“แล้วกำลังใจของนายล่ะ น้องดาน่ะ ไม่ได้ช่วยทำให้นายรู้สึกดีขึ้นเลยหรือ?” คมกล้าเอ่ยกระเซ้า ศรุตถึงกับทำหน้านิ่ว ก่อนจะหัวเราะออกมา แล้วส่ายหน้าน้อยๆ
“น้องดาน่ะนะ น้องดาก็เป็นแค่น้องสาว แถมยังเป็นญาติกับฉันด้วยนะ ฉันไม่คิดจะกินเด็กในบ้านหรอกน่า น้าญาจะได้ตีหัวฉันเอาพอดี”
“ญาติแต่ก็ญาติห่างๆ ไม่ใช่เหรอ ไม่มีผลทางพันธุกรรมสักเท่าไหร่หรอกน่า” คมกล้ายังคงเย้าแหย่ ถึงหญิงสาวหน้าหวานซึ่งอยู่บ้านเดียวกับศรุต ชนิดาเป็นผู้หญิงสาวน่ารักมาก เรียบร้อย เป็นแม่บ้านแม่เรือน แล้วก็ยังช่วยงานทางบัญชีให้กับศรุตได้ด้วย แต่แม้ว่าคมกล้าจะเป็นหนุ่มเพลย์บอย ไม่เคยละเลยผู้หญิงสวยคนไหนๆ แต่กับชนิดา เหมือนมีสัญญาณอันตรายบางอย่างเตือนเขาว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา
“ไม่ดีกว่า” ศรุตยังคงอมยิ้ม “ยังไงน้องสาวก็คือน้องสาวว่ะ มากกว่านั้นคงจะไม่ไหว”
“อืม...แล้วสาวๆ ของนายล่ะต้น หายไปไหนหมด ฉันไม่เห็นนายคบใครมาสักพักหนึ่งแล้วนะ หรือว่านายจะเปลี่ยนรสนิยมวะ” สายตาของคมกล้าที่มองเพื่อนรัก ด้วยสายตายิ้มๆ มันทำให้ศรุตถึงกับขมวดคิ้ว แล้วเมื่อรู้แน่ว่าเพื่อนรักหมายความว่าอะไร เสียงทุ้มจึงตวาดเอาทันที
“อย่ามาบ้าน่า ไอ้คม ฉันยังชอบผู้หญิงว่ะ เพียงแต่ว่าพักนี้มันมีแต่เรื่องวุ่นๆ เลยยังไม่มีอารมณ์จะไปทำความรู้จักกับใคร นายก็เห็นอยู่สาวๆ คนที่ฉันคบแต่ล่ะคน มักจะเผ่นหนีฉันไปเอง ด้วยข้อหาที่ว่าฉันเจ้าชู้ ไม่จริงใจกันทั้งนั้น”
“ความจริงคาสโนว่าตัวจริง มันไม่ใช่นายนี่หว่า” คมกล้าเอ่ยอย่างคนที่รู้ตื้นลึกหนาบางเป็นอย่างดี ว่าจริงๆ แล้วใครเป็นศรุตคนที่ว่า ซึ่งมันก็ไม่ใช่เพื่อนของเขาแน่นอน
“ช่างเถอะน่า หึๆ มันจะเป็นอะไรไปล่ะกับการได้ชื่อว่าเป็นเพลย์บอย ดีเสียอีก ผู้หญิงที่คบฉันได้ตลอดรอดฝั่ง ก็ต้องเป็นคนที่รักฉันนั่นแหละ รักฉันที่ตัวฉัน โดยไม่สนใจกับข่าวลือบ้าบออะไรนั่น”
“ฉันอยากให้นายเจอผู้หญิงคนที่ว่าไวๆ จริงๆ นายต้น เผื่อนายจะได้หายเศร้าเสียที ลองหาดูที่รีสอร์ตของฉันไหมล่ะ เผื่อจะเจอ”
“มันจะเจอกันได้ง่ายๆ ขนาดนั้นเลยหรือยังไงกันวะ” ศรุตหัวเราะชอบใจ เขาดื่มเบียร์ในแก้วจนหมด พลางมองดูนาฬิกา เวลาเกือบหกโมงเย็นแล้ว เขาไม่อยากกลับบ้านค่ำ มีงานบัญชีและงานในไร่ต้องสะสาง เขาสนทนากับคมกล้าอีกสักครู่ จึงขอตัวกลับไปยังบ้านของตนเอง
“จะรีบกลับไปไหนกัน คืนนี้ไปเที่ยวต่อด้วยกันสักหน่อยสิ ฉันกับนายไม่ได้สังสรรค์กันนานแล้วนะ” คมกล้ายังไม่วายบ่นอุบ เมื่อเขาบอกว่าต้องรีบกลับบ้านไปสะสางงาน
“เอาไว้วันหลังดีกว่า วันศุกร์สิ้นเดือนดีไหม สาวๆ เยอะดี” ศรุตขยิบตาอย่างเย้าๆ เหมือนรู้ใจเพื่อนสนิทอย่างคมกล้า ว่าชอบแบบไหน
“อย่าเบี้ยวนะนายต้น โอเคเลย สิ้นเดือนก็สิ้นเดือน ฉันจะพานายไปที่ๆ นายจะต้องหายเศร้าแน่ๆ”
“จะรอว่ะ” ศรุตหัวเราะอย่างถูกใจ แล้วบอกลาเพื่อนรัก ก่อนจะเดินตรงไปยังรถยนต์โฟว์วิวของตนเอง แล้วขับมันออกไปจากรีสอร์ตของคมกล้า