บทที่ 5
ศรุต ประกายกุล อายุ 29 ปี เจ้าของไร่ชาทอตะวัน อ.แม่สลอง จ.เชียงราย...
สายตาคมหวาน กวาดอ่านไล่เรียงตามตัวอักษร ซึ่งอยู่ในกระดาษเอสี่ ข้อมูลมากมายของผู้ชายที่ชื่อ ศรุต ประกายกุล พร้อมกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับตัวเขา ทำให้ทอฟ้าย่นหัวคิ้ว นักสืบของเธอทำงานได้ดีเกินคาด มีแม้กระทั่งชายหนุ่มชอบไปดื่มที่ไหน และมีพฤติกรรมอย่างไรบ้าง แม้กระทั่งประวัติย้อนหลังระหว่างชายหนุ่มผู้นี้กับน้องสาวของเธอ ก็ยังมีเขียนไว้
คนเป็นพี่สาวหัวใจเจ็บแปลบ เมื่ออ่านพบว่าศรุตเช่าห้องทิ้งไว้เพื่อจะได้อยู่กับน้องสาวของเธอยามที่ขึ้นมาที่กรุงเทพฯ เขาทำราวกับพร่างดาวเป็นเมียเก็บ ไม่ได้เข้าตามตรอกออกตามประตูใดๆ ทั้งสิ้น ไดอารีของพร่างดาวบอกได้ว่าทั้งสองเจอกันที่ไหน ตอนที่น้องสาวของเธอขึ้นไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่เชียงรายนั่นเอง มันทำให้พร่างดาวเปลี่ยนไปตั้งแต่คบหากับศรุต ในไดอารีพร่ำพรรณนาถึงความเจ็บปวดของตนเอง และความจำเป็นของศรุต ที่ไม่อาจจะพาเธอไปแนะนำกับใครต่อใครได้อย่างออกหน้า ว่าเธอเป็นคนรักของเขา เพราะศรุตมีพันธะอยู่โดยมีภรรยาซึ่งได้แต่งงานกันแล้ว
แต่จากประวัติที่บอกว่าเขาโสด ที่นักสืบสืบมาให้ แตกต่างกับบันทึกของพร่างดาวที่บอกว่าเขาแต่งงานและมีภรรยาถูกต้องแล้ว ทอฟ้าย่นหัวคิ้ว และคิดว่าผู้ชายคนนี้ช่างเลวร้ายสิ้นดี เขาคงจะเพียงหลอกลวงพร่างดาวไว้เป็นเครื่องบำรุงบำเรออารมณ์ของตนเองก็เท่านั้น และคงกลัวว่าน้องสาวของเธอจะจับเขา จึงทำให้เขายกเรื่องภรรยาขึ้นมาอ้าง ยิ่งตอนที่กล่าวถึงเมื่อรู้ว่าตนเองท้องและพยายามติดต่อ แต่ก็ไม่สำเร็จ มันก็ยิ่งทำให้ทอฟ้ารู้เช่นเห็นชาติ ว่าน้องสาวไปเจอเข้ากับผู้ชายประเภทไหนเข้า
ความรัก ทำให้น้องสาวเธอทำทุกสิ่งลงไปโดยไม่สนความถูกผิด รักโดยทุ่มเทให้หมดทั้งตัวและหัวใจ หากแต่อีกฝ่ายกลับใช้ความรักจริงใจนั้นเป็นเครื่องมือ สนองความสุขให้กับตนเอง ทอฟ้ากำมือเข้าหากันจนเจ็บ เมื่อมองภาพถ่ายของ ศรุต ประกายกุลอีกครั้ง เขาหน้าตาดีมาก หล่อเหลา และยังร่ำรวยล้นฟ้า ไม่แปลกที่ใครต่อใครจะวิ่งเข้าหาเขา เพราะปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ แต่เธอเชื่อว่าการที่พร่างดาวรักผู้ชายคนนี้ น้องสาวของเธอรักอย่างจริงใจ โดยไม่หวังสิ่งใดอื่น นอกจากหัวใจของศรุตตอบแทน
แล้วพร่างดาวได้อะไรกลับคืนมา นอกจากความเจ็บปวด จนต้องลงท้ายด้วยการจบชีวิตตนเอง ทอฟ้ามองจ้องใบหน้าของคนในรูปถ่าย ราวกับจะจดจำให้ได้อย่างแม่นยำที่สุด เขาทำร้าย ทำลายชีวิตของน้องสาวเธอจนย่อยยับ มันก็ถึงเวลา ที่เขาจะต้องได้รับความย่อยยับนั้นบ้าง
เสียงโทรศัพท์กรีดดังขึ้น ปลุกให้หญิงสาวตื่นขึ้นจากภวังค์ส่วนตัว เบอร์โทรศัพท์บนหน้าจอทำให้ทอฟ้าเม้มริมฝีปาก ก่อนจะถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย เธอทำใจอยู่สักครู่ ก่อนจะกดรับสาย
“ค่ะ คุณเจมส์”
“คุณฟ้านี่คุณลาออกจริงๆ น่ะเหรอครับ แล้วงานของสนพ.เราจะเป็นยังไง คุณปั้นนิตยสารหัวนี้มาเองกับมือ จะทิ้งแล้วเหรอครับ" เสียงโอดครวญที่ดังมาตามสาย ทำให้ทอฟ้าถึงกับอมยิ้มอย่างอดไม่ไหว เมื่อนึกถึงเจ้าของสนพ.อย่างจัตุรัสซึ่ง ทั้งง้อทั้งตื้อ เมื่อทราบว่าเธอยื่นใบลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าบรรณาธิการนิตยสาร ป๊อบ สวีท เขาไม่ยอมอนุมัติให้เธอได้ลาออกโดยง่ายนัก นี่เป็นการโทรศัพท์มาง้อเธอเป็นครั้งที่ยี่สิบของวันแล้วกระมังวันนี้
“บอกแล้วยังไงล่ะค่ะ ว่าฟ้ามีเหตุจำเป็น ต้องลาออกจริงๆ ค่ะคุณเจมส์”
“โธ่...แล้วคุณฟ้าจะไปทำงานที่ไหน บอกผมตรงๆ ก็ได้นะครับ ถ้ามีใครยื่นข้อเสนอหรือว่าให้คุณฟ้ามากกว่าที่ผมให้ ผมยินดีจ่ายให้มากกว่าที่นั่นอีกเท่าตัวเลย”
“คุณเจมส์ทุ่มมากๆ เลยนะคะ” เธอหัวเราะ แล้วเอ่ยกระเซ้าเขา “วันนี้เราคุยเรื่องนี้กันเกือบสิบหนแล้ว ฟ้าก็จะตอบคำเดิมว่า ไม่มีใครซื้อตัวฟ้าจริงๆ ค่ะ แล้วอีกอย่างหนึ่ง ฟ้าก็มีเหตุผลจำเป็นจริงๆ รับรองค่ะว่าฟ้าจะไม่ไปทำงานกับใคร และจะไม่เปิดกิจการแข่งกับคุณเจมส์เด็ดขาด”
“นี่ตกลงว่าคุณฟ้าจะไปให้ได้จริงๆ ใช่ไหมครับ?” จุตรัสถอนใจ เขารู้สึกกับเธอมากเกินกว่าพนักงานธรรมดา ๆ ซึ่งทอฟ้าเองก็น่าจะรับรู้ความในใจของเขา การที่เธอตัดรอนเขาแบบนี้ มันยิ่งทำให้จัตุรัสแน่ใจว่า ทอฟ้าไม่เคยคิดอะไรกับเขามากไปกว่าเป็นเจ้านายและลูกน้องจริงๆ มันทำให้เขาเจ็บปวดนัก
“ค่ะ”
“สัญญากับผมสิครับ ว่าถ้าคุณฟ้าพร้อมจะทำงานอีกรอบ เราอาจจะกลับมาร่วมงานกันใหม่ได้”
“ได้ค่ะ”
“สัญญานะครับว่าถ้ามีเรื่องอะไรอยากให้ผมช่วย คุณฟ้าจะต้องโทรศัพท์มาหาผม”
“ค่ะ”
“สัญญา...”
“เอ่อ...คุณเจมส์ค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ พอดีสายฟ้าเข้าน่ะค่ะ” เธอรีบเอ่ยตัดบท ก่อนที่เขาจะอ้อยอิ่งล่ำลาอะไรเธออีก ทำไมเธอจะไม่ทราบว่าเขาคิดอะไรล้ำลึกกับเธอ แต่สิ่งที่เธอมอบให้เขาได้มีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือความเป็นเพื่อน ทอฟ้ามีเรื่องอื่นมากมายที่จะต้องคิดมากกว่าเรื่องความรัก นั่นก็คือเรื่องของน้องสาว ซึ่งเธอถือว่าตนเองอยากจะสร้างอนาคตให้กับพร่างดาวให้ได้ดีที่สุด แต่เมื่อปราศจากพร่างดาวแล้ว ทอฟ้าพบเป้าหมายใหม่ ในการต้องทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจ ทำให้มันสำเร็จ
“ครับ ลาก่อนนะครับคุณฟ้า” จุตรัสยังไม่วายเอ่ยเสียละห้อย ก่อนจะยอมวางสายไปแต่โดยดี ทอฟ้าเพียงสั่นหน้าช้าๆ แล้วกดรับสายซ้อน
“ว่ายังไง ยายกิ๊ก”
“จะว่ายังไงล่ะ คุณนายฟ้า” เสียงแหลมๆ ของอีกฝ่ายกรีดดังขึ้นมาทันที “นี่มันเกิดวันโลกาวินาศอะไรกันนี่ มีอะไรเกิดขึ้นกับ มาย เฟรนด์ ของฉัน น้องสาวของเธอตาย เธอลาออกจากงาน กำลังจะไปต่างจังหวัด โอ้ว! มันเศร้าขนาดทนอยู่ในสภาพเดิมๆ ไม่ได้เลยหรือยังไงกันยะ เธอเคยสู้มากกว่านี้นะฟ้า ไม่เคยท้อถอยขนาดนี้”
“รอบนี้มันไม่ไหวจริงๆ กิ๊ก” ทอฟ้าถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย ปลายสายนิ่งไปสักนิด ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อนลงอย่างเจตนาปลอบโยน
“เราเห็นใจเธอมากนะฟ้า แต่อยากให้เธอเข้มแข็ง ยายดาวก็จากไปแล้ว เธอไม่มีวันทำให้ยายดาวฟื้นคืนมาได้ แต่เธอก็ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปนะ”
“เราแค่อยากพักน่ะกิ๊ก ไม่ได้ท้ออะไรหรอก” ถ้าเป็นคนอื่น พูดจาแรงๆ กับเธอแบบนี้ ทอฟ้าคงจะโกรธและวางสายไปแล้ว แต่นี่เป็นกรณิการ์เพื่อนสนิทของเธอซึ่งคบหากันมาตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมเลยก็ว่าได้ กรณิการ์เป็นคนตรงๆ แล้วก็ค่อนข้างจะโวยวายมากไปสักนิด แต่ก็เป็นคนจริงใจมากเลยทีเดียว ตอนนี้เธอกำลังประสบผลสำเร็จในอาชีพของเธออย่างมากเลยทีเดียว กรณิการ์เป็นดีไซน์เนอร์ เธอมีแบรนเป็นของตนเอง ผลงานนั้นส่งขายทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ ซึ่งเธอได้เซ็นสัญญาออกแบบให้ห้องเสื้อระดับโลกแห่งหนึ่ง ผลงานของเธอปรากฏบนเวทีแฟชั่นมากมาย และได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี
“เราไปอิตาลีแค่ไม่กี่อาทิตย์ มีเรื่องเกิดขึ้นเยอะมากๆ มายก็อด” กรณิการ์บ่นอุบ “เธอนี่ก็ยังไงนะยายฟ้า ไม่โทรศัพท์บอกกันสักนิดว่ายายดาวเกิดเรื่อง จะได้รีบบินกลับมาช่วยกัน”
“เกรงใจน่ะกิ๊ก แล้วยังไงมันก็ไม่มีประโยชน์ ยายดาวจากพวกเราไปแล้ว” น้ำเสียงหวานเอ่ยออกมาเศร้าๆ “แต่ก็มีบางอย่างที่ฉันอาจจะทำให้ยายดาวได้บ้าง”
“ฟ้าก็ต้องเข้มแข็งไง” กรณิการ์ผู้ซึ่งไม่รู้ถึงความนัยนั้น จึงเอ่ยปลอบเพื่อนรักอีกครั้ง “แล้วนี่จะไปไหนน่ะยายฟ้า จะให้ไปเป็นเพื่อนไหม? ไปเที่ยวพักผ่อนบ้างก็ดีนะ จะได้สบายใจขึ้น ต่อให้คุณเจมส์ยอมให้เธอลาออก ก็คงจะพร้อมให้เธอกลับมาทำงานกับเขาได้ตลอดเวลานั่นแหละ” ประโยคหลังเอ่ยกระเซ้าเพื่อนรัก อย่างคนที่รู้ตื้นลึกหนาบางดี
“เราว่าจะไปพักผ่อนที่เชียงราย อยากจะไปด้วยจริงๆ น่ะเหรอกิ๊ก” ทอฟ้าว่า เธอก็ไม่ค่อยอยากจะไปคนเดียวสักเท่าไหร่ ในสถานที่ไม่คุ้นชินแบบนั้น ถ้ามีเพื่อนอย่างกรณิการ์ไปด้วย เธอก็คงจะรู้สึกอุ่นใจได้บ้าง แต่ถ้าเพื่อนสนิทรู้ว่าเธอจะไปทำอะไรแล้วล่ะก็ อีกฝ่ายมีหวังได้ด่าว่าเธอแน่ๆ
“เอาสิ นี่เราพักงานยาวเลย จบโปรเจคใหญ่แล้วด้วย จะได้ไปหาแรงบันดาลใจแล้วไปเป็นเพื่อนฟ้าด้วย”
“ถ้าอย่างนั้นเก็บของได้เลยเพื่อนรัก เราเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว เย็นนี้เจอกันจ้ะ”
“โห...มันเร็วขนาดนั้นเลยหรือยังไงกัน นี่จะรีบไปทำไมนักหนากันนะยายฟ้า” กรณิการ์อุทานออกมาอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าเพื่อนสาวจะเดินทางเร็วขนาดนั้น
“ก็ต้องรีบสิ มีเรื่องต้องทำนี่นา” ทอฟ้ายิ้มเย็น เธอหยิบรูปของศรุตขึ้นมาดูอีกรอบ นัยน์ตาคมหวานเปล่งประกายวาวโรจน์
ศรุต ประกายกุล คุณจะต้องตอบแทนสิ่งที่คุณทำกับน้องสาวของฉันอย่างสาสม!