บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

ไร่ชากว้างขวาง กินพื้นที่เกือบแปดร้อยไร่ ของครอบครัวประกายกุล ภายใต้ชื่อไร่ชาทอตะวัน เป็นไร่ชาที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงราย บนดอยแม่สลองซึ่งมีภูมิอากาศเหมาะสมกับการปลูกชา ที่นี่เป็นแหล่งผลิตชาชั้นดี และมีบรรยากาศสวยงาม อยู่ท่ามกลางหุบเขา มีต้นไม้ใหญ่น้อยร่มรื่น รวมถึงไม้ดอกไม้ประดับปลูกไว้ตกแต่งประดับรอบๆ สถานที่ ความงดงามของที่นี่จึงโด่งดังในหมู่นักท่องเที่ยวไม่น้อย และมักจะมีคนมาขอเยี่ยมชมไร่ชาอยู่เนืองๆ ซึ่งเจ้าของปัจจุบันก็ใจดียอมให้เข้าชมไร่ชา เหมือนเป็นการประชาสัมพันธ์และได้ขายสินค้าไปด้วยในตัว

หากแต่บรรยากาศอันร่มรื่น งดงามของไร่ชาทอตะวันวันนี้ กลับดูเงียบเหงายิ่งนัก คนงานทุกคนแต่งชุดดำ เพราะเพิ่งจะไปร่วมพิธีฌาปนกิจศพของน้องชายเจ้าของไร่ทอตะวันมา การเสียชีวิตของศรัณย์ มันทำให้ผู้เป็นพี่ชายแทบจะไม่มีกะจิตกะใจทำอะไร การจากไปกะทันหันของน้องชาย ด้วยอุบัติเหตุรถยนต์กะทันหันมันก็ทำให้ศรุตเศร้าเสียใจยิ่งนัก

“พี่ต้นค่ะ มิวขอคุยด้วยหน่อยค่ะ” เสียงหวานๆ ดังขึ้น เมื่อเขาทรุดตัวลงนั่งที่ระเบียงหน้าบ้านบนเก้าอี้ตัวโปรด เผลอมองไปยังเก้าอี้ตัวข้างๆ ซึ่งเป็นของใช้ประจำตัวของน้องชายคนเดียว ศรุตหันไปตามเสียง แล้วใบหน้าคมสันนั้นก็ต้องนิ่งเฉย เมื่อเห็นว่าเป็นใคร

“เชิญที่ห้องทำงานของพี่ดีไหม จะได้เป็นส่วนตัว”

“ค่ะ” มณีศรถึงกับยิ้มออกมา เมื่อได้ยินดังนั้น เธอเดินตามชายหนุ่มซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่เขย เข้าไปในตัวบ้านหลังใหญ่ของตระกูลประกายกุล ตัวบ้านทำจากไม้สักทอง เป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านนาประยุกต์ทั้งหลัง บอกถึงความมีฐานะอันเป็นปึกแผ่นของเจ้าของไร่ทอตะวันได้เป็นอย่างดี และมรดกนี้ก็สืบทอดกันแบบรุ่นต่อรุ่น ไร่ชาทอตะวันเริ่มก่อร่างสร้างตัวมาตั้งแต่รุ่นปู่ของศรุต และรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงยุคของศรุต ที่บริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง เขาเปิดโรงงานผลิตชาพร้อมดื่ม และมีสินค้าจากชาต่างๆ ให้เลือกมากมาย รวมถึงส่งออกไปยังประเทศต่างๆ เรียกได้ว่าตอนนี้แทบจะไม่มีใครไม่รู้จักไร่ทอตะวัน ถ้าต้องการชาคุณภาพดี

“มีอะไรจะคุยกับพี่หรือ มิว” ศรุตเปิดปากทันที เมื่อเข้ามาอยู่กันตามลำพังในห้องทำงานของเขาเรียบร้อยแล้ว มณีศรกลืนน้ำลาย เมื่อมองใบหน้าของบุรุษซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่เขยของเธอ นัยน์ตากลมโตมองใบหน้ายาวรีได้ส่วน เครื่องหน้าคมเข้มหล่อเหลาของเขาอย่างสำรวจ มันละม้ายคล้ายกับใบหน้าของศรัณย์แทบจะเป็นพิมพ์เดียว ต่างกันตรงบุรุษหนุ่มตรงหน้าเธอนี้ มีประกายตาที่คมกล้ากว่า และด้วยอุปนิสัยของศรุตที่ไม่เหมือนกับน้องชายเลยสักนิด เขาแข็งแกร่ง เด็ดเดี่ยวกว่าศรัณย์มากนัก ทั้งที่เป็นฝาแฝด เกิดต่างกันไม่กี่นาที แต่นิสัยของคนทั้งคู่ก็แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

“คือว่า...” เมื่อเจอมองจ้อง จากสายตาของศรุตเข้า แม้แต่คนอย่างมณีศรก็ยังพูดไม่ค่อยออก เธอกัดริมฝีปากอย่างลังเล ว่าสมควรจะทวงสิทธิ์ที่พึงมีของตนเองไหม แล้วศรุตก็เหมือนจะเข้าใจทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง ว่าน้องสะใภ้ของเขาต้องการเจรจาเรื่องอะไรกับเขาในวันนี้

“เรื่องมรดกของนายตั้นหรือเปล่า?”

“ค่ะ พี่ต้น มิวตั้งใจจะคุยเรื่องนี้แหละค่ะ” เมื่อเขาปูทางให้แบบนี้ มณีศรก็รีบขานรับทันที ใบหน้าหวานยิ้มละมุนส่งให้เขา ก่อนจะเริ่มเจรจาถึงผลประโยชน์ที่ตนเองสมควรจะได้รับจากพี่ชายของอดีตสามี

“คือว่าพี่ตั้นก็เสียไปแล้ว มิวเป็นเมียจดทะเบียนของพี่ตั้น ส่วนของพี่ตั้น ตามกฎหมายแล้ว...”

“แต่มิวหย่ากับนายตั้นได้สองวันก่อนที่นายตั้นจะตายนี่” เสียงทุ้มเอ่ยขัดขึ้น เล่นเอามณีศรถึงกับชะงักงัน ใบหน้างามซีดเผือด

“แต่ว่า...คือความจริงแล้ว มิวกับพี่ตั้นแค่เข้าใจผิดกันนะคะพี่ต้น แล้วมิวก็มีลูก หลานของพี่ต้นนะคะ”

“หลานของพี่” เขาย้อนถามกลับเธอ ก่อนจะมองจ้องใบหน้างดงามของคนตรงหน้า ด้วยสายตาเหยียดหยาม เล่นเอามณีศรถึงกับหน้าร้อนวูบ ก่อนจะหลบตาเขาด้วยความรู้สึกผิดในใจ

“มิวแน่ใจนะ ว่าหลานของพี่ หึๆ ถ้านายตั้นแน่ใจว่าเด็กเป็นลูกของเขาเองล่ะก็ เขาคงจะไม่เซ็นใบหย่ากับมิวหรอก ค่าจ้างหย่าของนายตั้นไม่พอหรือมิว ถึงมาเรียกร้องเอาเพิ่มเติมจากพี่”

“...”

ฟังคำของศรุตแล้วมณีศรก็ถึงกับพูดไม่ออก เธอกัดริมฝีปากจนเจ็บ ใบหน้าร้อนวาบอย่างอับอาย เพราะความจริงเป็นอย่างไร เธอก็รู้ดีอยู่แก่ใจของตนเอง เธอและศรัณย์มีปัญหาระหองระแหงกันมาโดยตลอด อาจจะเพราะทั้งคู่ตัดสินใจรวดเร็วเกินไปโดยไม่ได้ศึกษานิสัยใจคอของอีกฝ่ายหนึ่งเป็นอย่างดีก็เป็นไปได้ จึงมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันมาตลอดหลายปีที่ตัดสินใจแต่งงานกัน ทั้งที่แต่งงานกันมาห้าปี แต่มณีศรไม่เคยมีวี่แววว่าจะตั้งครรภ์ อาจจะเพราะเธอกับศรัณย์แทบจะแยกห้องนอนกันก็ว่าได้ ศรัณย์ไม่ค่อยกลับบ้าน บางครั้งก็ไปนอนค้างที่อื่น หลังๆ มาเขาแทบจะไปอยู่ที่จังหวัดอื่นเลยเสียด้วยซ้ำ โดยอ้างว่าไปพักผ่อน คลายความเครียดจากการทำงาน แต่เธอก็รู้ดี ว่าเขาไปเพราะอะไรกันแน่ ศรัณย์มีผู้หญิงอื่น และทำท่าว่าจะจริงจังกับอีกฝ่ายหนึ่งมากจนกระทั่งมาขอหย่ากับเธอ แต่มณีศรไม่ยอม แม้จะไม่รักเขา แต่เธอก็ยังคงมีสิ่งที่จำเป็นในการรั้งศรัณย์ไว้ นั่นก็คือมรดกมหาศาลของเขา ประกายกุลมีทรัพย์สมบัติมากมาย ซึ่งถ้าเธอปล่อยให้เขาหลุดมือไป เธอก็คงจะโง่มากแน่ๆ

แต่เธอกลับพลาด เมื่อชู้รักของเธออย่าง ยงยศ ตั้งใจจะจับเธออย่างจริงจัง เขาทำให้เธอตั้งครรภ์เพื่อที่เธอจะได้หย่าขาดจากศรัณย์เสียที และนี่เองก็ทำให้ศรัณย์มีเหตุผลที่จะหย่าขาดจากเธอ เขาจ้างเธอสองล้านบาท เพื่อให้เซ็นใบหย่า และมณีศรไม่มีสิทธิ์จะเรียกร้องอะไรอีกทั้งนั้น เธอตัดสินใจเซ็นเพราะมันคงดีกว่าถ้าเขาจะฟ้องหย่าจากเธอ

“ว่ายังไงล่ะ มิว” นัยน์ตาคมปลาบของศรุตมองเธอด้วยสายตาดูถูก มันทำให้มณีศรเชิดหน้าขึ้น แล้วเม้มปากอิ่มเข้าหากันแน่น เสียงหวานที่เอ่ยสั่นนิดๆ อย่างจะบอกอารมณ์ของเจ้าของ ว่ามันกำลังหวาดเกรงคนตรงหน้าพอสมควรเลยทีเดียว

“พี่ต้นเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ ถ้ายังไงทางประกายกุลจะไม่รับผิดชอบทายาท มิวก็ไม่ได้ว่าอะไรนะคะ เพราะว่ามิวคิดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ พี่กับน้อง ยิ่งฝาแฝดด้วยแล้ว สันดานไม่รับผิดชอบก็ต้องเหมือนกันอยู่แล้ว”

“หึๆ ถ้ามิวต้องการจะเรียกร้องความรับผิดชอบจากพวกเรา โอเค...พี่จะให้ตอบแทนในส่วนของนายตั้น“ศรุตถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินเธอต่อว่าเขาแบบนั้น เขาและศรัณย์เป็นฝาแฝดกันก็จริง แต่นิสัยใจคอต่างกันโดนสิ้นเชิง และคนอย่างเขาคงจะไม่มีทางคว้านางอสรพิษแบบมณีศรมาเป็นเมียเด็ดขาด ชายหนุ่มเปิดลิ้นชัก ก่อนจะล้วงเอาสมุดเช็คออกมา เขากรอกตัวเลขลงไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเซ็นลายเซ็นแล้วดึงมันออกยื่นให้กับมณีศร อีกฝ่ายหนึ่งเรียกได้ว่าแทบจะรีบตะครุบรับไปอย่างรวดเร็ว

“ห้าแสนหรือคะพี่ต้น มันจะไม่น้อยไปหน่อยหรือคะ?” เธอทำเสียงแหลม เมื่อกวาดตามองดูตัวเลขที่ปรากฏอยู่บนเช็ค ศรุตยิ้ม หากแต่นัยน์ตาคมกริบของเขาไม่ได้ยิ้มไปด้วย มองมายังมณีศรด้วยสายตาดูหมิ่น

“สองล้านจากนายตั้น ห้าแสนจากพี่ คงจะพอตั้งตัวได้แล้วล่ะมิว อย่ามาเรียกร้อง ต่อรองอะไรให้เยอะแยะเลย พี่ไม่อยากทำอะไรที่มันอื้อฉาว เพราะคนที่จะเสียก็คือมิว”

“พี่ต้นขู่มิวหรือคะ”

“พี่ไม่ได้ขู่” ศรุตปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานของเขา แล้วเอามือวางประสานกันบนโต๊ะทำงาน สายตายังคงมองเธออย่างไม่วางตา ประโยคที่เอ่ยออกมาหนักแน่นนัก

“แต่พี่ทำจริง”

“อย่าคิดว่ามิวจะยอมแค่นี้นะคะ” มณีศรลุกขึ้นยืน แล้วเก็บเช็คใส่ในกระเป๋าถือ เธอกลัวศรุต หญิงสาวยอมรับ พี่ชายฝาแฝดของศรัณย์ ไม่เหมือนกับเขาเลยแม้แต่น้อย คนอย่างศรุต พูดจริงทำจริงแน่นอน แม้ปากจะบอกว่าไม่ยอม แต่ใจของเธอตอนนี้กลับฝ่อและกลัวชายหนุ่มยิ่งนัก

“ก็ตามใจ แล้วมิวก็จะรู้ว่าพี่จะทำอะไรมิวได้บ้าง”

มณีศรสะบัดหน้า พลางเดินกระแทกเท้าตึงๆ ออกไปจากบ้านประกายกุล เมื่อคล้อยหลังน้องสะใภ้ตัวแสบแล้ว ศรุตก็ถอนใจเฮือก เขามองไปยังกรอบรูปที่อยู่ตรงหน้าเขา เป็นภาพของเขาและน้องชายฝาแฝด ที่ยิ้มให้กล้องอย่างสดใส ในมืออวดปลาที่แต่ล่ะคนตกได้ ตัวของศรุต เล็กกว่าของศรัณย์เกือบเท่าตัว ทั้งที่ความจริงแล้ว ปลาที่อวดในรูปถ่ายซึ่งศรัณย์ถือนั้น เป็นตัวที่ศรุตตกได้ แต่เขาก็ยอมให้น้องชายใช้มันถือถ่ายรูป

มันบอกนัยๆ ว่าเขายอมน้องชายฝาแฝดและรักศรัณย์มาก แม้อีกฝ่ายจะใช้ความรักของเขา เป็นการหาผลประโยชน์ให้กับตนเองก็ตามที แต่ศรุตก็ไม่เคยคิดโกรธเคืองอะไรกับศรัณย์ เขาถือว่าตนเองเป็นพี่ชายซึ่งต้องดูแลน้อง การตายของศรัณย์ มันยิ่งทำให้เขาทั้งเคว้งคว้างและรู้สึกผิดอยู่ในใจ เขารับปากบิดามารดาว่าจะดูแลน้องชายให้ดีที่สุด แต่กลับทำไม่ได้เต็มที่ ครอบครัวที่เขาหลงเหลืออยู่คนเดียวอย่างศรัณย์กลับจากเขาไปเสียแล้ว ก่อนเวลาอันควร โดยพี่ชายอย่างเขาไม่สามารถจะยื้อรั้งชีวิตของศรัณย์คืนมาได้เลย

“นอกจากเรื่องของมิว นายก่อเรื่องอะไรไว้อีกไหมนะ ตั้น” เขาเอ่ยออกมาพึมพำ แล้วมองจ้องน้องชายที่มองตอบเขาด้วยรอยยิ้มสดใส เขาอยากจะทำใจให้หายเศร้าได้เร็วๆ จะได้กลับมาเป็นศรุตคนเดิมที่เข้มแข็งอีกครั้ง แต่ตอนนี้เขาเหนื่อยล้าเหลือเกิน เพราะสิ่งที่ทำลงไปทั้งหมดตอนนี้ เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำไปเพื่อใคร...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel