บทที่ 4 พบเจอ...แค่สบตา
ดวงตาหม่นแสงมองไปยังตึกขาวที่ได้รับการดูแลอย่างดี แล้วนึกถึงหญิงสาวซึ่งเคยพักที่นั่นเมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน ถ้าไม่เป็นเพราะถูกเก็บตัวให้คอยแต่รับใช้ในเขตตึกใหญ่จนไม่ได้พบเจอสังคมและพลาดการเรียนรู้โลกภายนอก ก็อาจไม่ถูกตราหน้าว่าเป็นคนอกตัญญู ทำร้ายผู้มีพระคุณ ยายแถบได้แต่เฝ้ามองความเป็นไปของทุกคน แต่ยังสำนึกบุญคุณสำหรับที่อยู่ที่กิน เพราะนางแก่เฒ่าปูนนี้แล้วไม่ต้องไปเร่ร่อนข้างนอกตามลำพังเพราะไม่มีญาติพี่น้องให้พึ่งพาอีก
ยายแถบหันกลับมาร้อยพวงมาลัยดอกไม้สดที่กระจายในถาดบนโต๊ะไม้หน้าเรือน กระทั่งเห็นคนร่างบางปล่อยผมยาวสยายคลุมกลางหลังเดินกลับมาสมทบพร้อมจานใส่ผลไม้ ใบหน้านวลผุดผ่องคงมีเค้าของบิดามากเกินไป จนเป็นเหตุให้คุณพิมพ์อรไม่อยากเรียกใช้อีก...ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ
“คุณพัทธ์จะกลับจากต่างประเทศ วันเสาร์นี้คุณพิมพ์อรจึงให้ไปช่วยทำงานที่ตึกใหญ่” ยายแถบบอกขณะจัดเข็มร้อยดอกไม้ไปพร้อมกัน
“หรือจ๊ะยาย เขามีเลี้ยงกันเหรอ”
นิลอุบลยกมือมาเท้าคาง ดวงตาหวานเฝ้ามองกิจกรรมของยายอย่างเพลิดเพลิน สลับกับการจิ้มผลไม้เข้าปาก เคี้ยวตุ้ยๆ อย่างสบายใจ
“คงอย่างนั้น” หญิงชราตอบเหมือนไม่ใส่ใจ
“คิดถึงคุณแพทจัง แต่อีกไม่นานคงกลับเหมือนกัน ตอนนี้เรียนดีไซน์คอร์สสั้นๆ ที่ฝรั่งเศส แต่ยายอย่าให้ใครรู้นะ เธอแอบไปเรียน คุณท่านยังคิดว่าอยู่ที่อังกฤษเลย” นัยน์ตาทอประกายสุขเมื่อกล่าวถึงคนที่ยังอยู่ไกล
“แล้วเรารู้ได้ยังไง”
“คุยทางอีเมลสิยาย”
“หมู่นี้ไม่เห็นหนูอ๋อมมาที่บ้าน งานยุ่งกันหรือ” ยายแถบชวนคุยต่อโดยถามถึง อุรวีย์ซึ่งก่อนนี้แวะเวียนมาที่บ้านบ่อยๆ หากช่วงหลังเหมือนจะหายหน้าไปเกือบเดือนแล้ว
“อ๋อมงานเยอะ กลับบ้านดึกเกือบทุกวัน เห็นว่าป๊าจะให้ออกจากงานไปเปิดร้านเบเกอรี่ เพราะตึกแถวที่ปล่อยเช่าว่างพอดี อ๋อมเรียนทำขนมไปหลายคอร์ส ได้แต่ทำแจกชาวบ้านเขาจนทั่ว แต่ไม่เคยทำขาย ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้างนะยาย”
นิลอุบลหัวเราะ เธอเคยเป็นหนูลองยาหลายครั้ง ชิมเสียจนน้ำหนักขึ้นกันทีเดียว บางทีอุรวีย์ก็หอบหิ้วขนมใส่ถุงฝากมาให้ยายแถบได้รับประทานกัน
“เราก็ขาดเพื่อนทำงานสิ” ยายแถบยังคงสนใจทุกอย่างที่เกี่ยวกับหลานสาวนอกไส้
“โธ่ ยาย ไม่เห็นเป็นไร วันหยุดนิลค่อยไปหาก็ได้ แล้วที่ทำงานก็มีคนเยอะแยะ คงมีใครหลวมตัวมาเป็นเพื่อนกินข้าวหรือกลับบ้านพร้อมนิลแทนยายอ๋อมสักคน” นิลอุบลบอกอย่างคนไม่คิดอะไรมาก
“ตกลงว่า วันหยุดจะหาเหตุออกไปเที่ยวข้างนอกใช่ไหม”
ยายแถบกระเซ้าถามอีกรอบ คิดว่านิลอุบลก็แปลกคนที่มักร่าเริงได้เสมอ นางเคยกลัวว่าการเป็นคนมองโลกในแง่ดีเกินไป อาจทำให้เจ้าหล่อนพลาดพลั้งหากเจอคนคิดไม่ดี นางไม่รู้ความเป็นไปของสังคมภายนอกมากหรอก แต่พร้อมสนับสนุนให้นิลอุบลคบหาเพื่อนหลากหลาย รวมถึงให้ได้รับการศึกษาอย่างดีที่สุด
“ยายรวนเก่งนะเนี่ย”
เสียงใสที่ตอบกลับมาทำให้เกิดเสียงหัวเราะของสองยายหลาน โดยคนเป็นหลานยังเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง อีกฝ่ายทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดี มีซักถามแทรกเข้ามาเพียงบางครั้ง
ในช่วงเย็นบนชั้นสิบสองของอาคารสำนักงาน พนักงานฝ่ายวิศวกรรมยังคงเร่งทำงานเพื่อให้เสร็จทันส่งตามกำหนดในอีกสองวันข้างหน้า
“อุรวีย์ ตั้งใจพิมพ์หน่อยได้ไหม ผมไม่มีเวลามานั่งตรวจทุกหน้า มีงานอื่นต้องทำอีกเยอะ”
เสียงห้าวส่ออารมณ์หงุดหงิดดังจากอธิป เมื่อเห็นข้อความผิดพลาดในเอกสารที่ต้องส่งพร้อมกับงานแบบก่อสร้างตามงวดที่กำหนด
หญิงสาวร่างเล็กอวบอิ่มเดินไปรับเอกสารแล้วกลับมานั่งไล่แต่ละบรรทัดตามต้นฉบับ ตัวหนังสือเริ่มพร่าเลือนจนต้องก้มหน้าต่ำแล้วซับน้ำตาออก วันนี้หล่อนโดนดุหลายครั้ง ไม่ว่าเรื่องความผิดพลาดหรือการสื่อสารกันแบบไม่ชัดเจน หล่อนไม่อยากคิดหรอกว่าเขาจะหาเรื่องเพราะเหตุในตอนเที่ยงวัน อุรวีย์เองรู้สึกผิดและอยากขอโทษ หากไม่มีโอกาสสำหรับเธอ
“พี่บอม วันนี้เลิกงานกี่โมง ผมว่าเราไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า” นัท วิศวกรรุ่นน้องอารมณ์ดีเข้ามาชวนเพราะเริ่มหิว
“สี่ทุ่ม ไหวไหม” อธิปถามทั้งที่ยังไม่เงยหน้าจากกองกระดาษที่วางสุมบนโต๊ะทำงาน
“ได้ครับพี่ แต่ตอนนี้เอาอะไรใส่ท้องก่อน ไม่งั้นคิดไม่ออก งานไม่เดินด้วยนะเออ” นัทกล่าวติดตลก อธิปวางปากกาลงแล้วลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะตามไป
สี่ทุ่มอีกแล้วเหรอ ป๊าจะมารับตอนสองทุ่ม ทำไงดีล่ะ...อุรวีย์ได้ยินการสนทนาของสองหนุ่มก็นึกบ่นอยู่ในใจ หากรีบเงยหน้าขึ้น เมื่อได้ยินเสียงคนอารมณ์ดี
“น้องอ๋อม ไปหาอะไรกินก่อน แล้วค่อยมาทำต่อ”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่นัท อ๋อมอยากรีบเคลียร์งาน มีคนมารับตอนสองทุ่ม อ๋อมจะขออนุญาตกลับก่อน” หญิงสาวบอกเสียงอ่อย ตอนท้ายตั้งใจจะส่งถึงคนหน้าดุนั่นละ
อธิปทำทีเหมือนไม่สนใจ เขาเดินออกไปพร้อมวิศวกรรุ่นน้องและช่างเขียนแบบอีกสองคน อุรวีย์ได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างของเขา ถึงแม้หลายคนจะให้ความเป็นกันเองและให้เกียรติ แต่เธอยังอึดอัดและทำตัวไม่ถูก หากมีคนตัวโตคนนั้นรวมกลุ่มอยู่ด้วย
ขณะที่หญิงสาวกำลังจัดเรียงเอกสาร โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเป็นเสียงเพลงที่รู้ว่าเป็นใคร
“ว่าไง นิล”
“อยู่ออฟฟิศหรือ แล้วทำไมอ๋อมเสียงแปลกๆ”
นิลอุบลทักมาคำแรกตามใจคิด เสียงขึ้นจมูกของอุรวีย์จะว่าไม่สบายก็ไม่น่าใช่ ตอนเที่ยงยังเห็นปกติกันดีอยู่เลย
“ใช่ อีกเดี๋ยวก็กลับแล้ว กำลังเร่งงาน”
“ถ้างั้นไม่กวนแล้ว ทำงานเถอะ”
“ไม่เป็นไร กำลังเบื่อ นิลโทร.มาก็ดีแล้ว เป็นเครื่องมือแก้เซ็ง” แล้วสองสาวก็หัวเราะอย่างรู้ใจ
“วันนี้ออกข้างนอกเป็นไงบ้าง” อุรวีย์ถามต่ออย่างชวนคุย
“ราบรื่นดีจ้ะ เจอเจ้าของบริษัทด้วย หล่อมาก อยากถ่ายรูปมาให้ดูด้วยซ้ำ” น้ำเสียงของนิลอุบลฟังดูตื่นเต้นจนคนฟังยิ้มกริ่ม
“คงไม่ธรรมดา ทำให้แม่ชีอย่างนิลกรี๊ดออกมาได้”
อุรวีย์พูดแล้วหัวเราะขบขัน เพราะที่ผ่านมานิลอุบลไม่แม้แต่ชายตามองใครที่เข้ามาหา ซึ่งมีทั้งเพื่อนหรือรุ่นพี่สมัยเรียนหนังสือ จนกระทั่งทำงาน
“บ้า ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก”
อุรวีย์ยังคงหัวเราะ แล้วอุทานอย่างตกใจเมื่อเสียงประตูถูกผลักเข้ามาอย่างแรง
“เป็นอะไรอ๋อม” คนปลายสายถามอย่างเป็นห่วง เมื่อจู่ๆ เสียงหัวเราะของอุรวีย์ก็หยุดลง แล้วมีเสียงอุทานดังขึ้น
“ไม่มีอะไร อ๋อมทำงานก่อนนะ” เธอรีบปฏิเสธ แล้วกดปิดโทรศัพท์ช้อนตามองคนร่างสูงที่มายืนค้ำตรงโต๊ะทำงานอย่างถือวิสาสะ
“เป็นอะไร ไม่พอใจหรือเปล่า” คนมาใหม่ถามเสียงเรียบ
“เปล่านี่คะ” คราวนี้อุรวีย์มองเขาอย่างแปลกใจ
“งานที่ให้แก้เสร็จหรือยัง” เสียงชายหนุ่มนุ่มขึ้นกว่าเดิม
“เสร็จแล้วค่ะ” เธอบอกพร้อมชี้ไปยังเอกสารที่วางเรียงบนโต๊ะ
“กินกันหิวไปก่อน กว่าแฟนจะมารับก็อีกชั่วโมงกว่าไม่ใช่หรือ” บอกแล้ววางกล่องผลไม้รวมในมือลงบนโต๊ะให้เลขาโครงการสาวสวย
อุรวีย์มองตามคนที่ผละออกไป ผู้ชายคนนี้ทำให้เธอประหลาดใจได้ทุกครั้ง แต่กล้าดียังไงถึงโมเมให้เธอมีแฟนเป็นตัวเป็นตน ดวงตาหวานตวัดมองกล่องผลไม้อย่างขุ่นเคือง แต่ด้วยความหิว จึงเปลี่ยนใจ เปิดกินจนหมดกล่องในเวลาไม่กี่นาที...
อธิปมองคนที่นั่งทำงานตรงโต๊ะด้านหน้า จากมุมที่เขาเห็นจากช่องว่างของพาร์ติชั่นที่กั้นโต๊ะทำงานให้แยกเป็นสัดส่วนจากด้านนอก เขาคิดว่าอุรวีย์อาจกลัวหรือหิว จึงบอกลูกน้องขอกลับมาก่อน รู้ดีว่าพวกนั้นถ้ามีโอกาสรวมกลุ่มแล้วก็นั่งกันยาวทีเดียว แม้จะเป็นช่วงทำงานก็มักสังสรรค์ในร้านอาหารเล็กๆ เยื้องสำนักงานที่เปิดขายแค่ช่วงกลางคืน อธิปเห็นลูกน้องทุ่มเทกับงานเต็มที่ เลยอยากปล่อยให้สนุก เขาไม่อยากเข้มงวดเกินไป อีกเหตุผลตอนนี้ก็นอกเวลางาน
อุรวีย์ยิ้มอย่างเผลอไผล เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นในตอนสองทุ่มตรง เธอกดรับสายแล้วกรอกเสียงลงไป ท่าทีนั้นออดอ้อนน่าดูในความคิดของคนที่ลอบมองอยู่ กระแนะกระแหนอยู่ในใจว่าเธอดูจะดีใจ จนต้องรีบปิดคอมพิวเตอร์และเก็บของบนโต๊ะกันทีเดียว
คงกลัวต้องรอกันนาน...
พอดีเป็นจังหวะที่เพื่อนร่วมงานกลุ่มเดิมเดินเข้ามาทำงานต่อ
“กลับแล้วหรือจ๊ะ น้องอ๋อม พี่เห็นรถเบนซ์มารอรับข้างล่างแน่ะ” นัทแซวอย่างรู้กันดี
อุรวีย์ยิ้มแหย บอกขอตัวกลับกับทุกคน
