บทที่ 3 พบเจอ...แค่สบตา
รถจอดหน้าสำนักงานเครือพีเอจี นิลอุบลมองอย่างนึกทึ่งในความหรูหราและร่มรื่นรอบบริเวณที่มีสวนสวยแทรกในความทันสมัยของตึกสูงระฟ้า รวมถึงโถงอาคารด้านล่างที่ตกแต่งด้วยโทนสีขรึมแนวสมัยใหม่ได้อย่างกลมกลืนและมีรสนิยม หญิงสาวรีบสาวเท้าตามหลังคุณสันติ ผู้บริหารมาดนิ่งของเธอ ผ่านเข้าประตูลิฟต์ที่มีพนักงานรอบริการอยู่
เมื่อลิฟต์นำคนทั้งสองขึ้นสู่ชั้นที่ต้องการ กระทั่งประตูเปิดจึงพากันก้าวออกมา แล้วได้ยินเสียงทักทายจากวิศวกรหนุ่มใหญ่ร่างท้วมของเครือพีเอจีที่ออกมารับด้วยตัวเอง นิลอุบลยกมือไหว้ฝ่ายนั้นโดยอัตโนมัติซึ่งได้รับรอยยิ้มใจดีกลับมา
“สวัสดีครับ พี่สันติ วันนี้ประธานของเราจะเข้าฟังด้วย เลยรบกวนพี่มาด้วยตัวเอง เชิญในห้องประชุมเลยดีกว่า สักพักคงลงมาครับ”
สันติทักทายกลับ พูดคุยไม่กี่คำก็พากันเข้าห้องประชุม
เมื่อเข้ามาหยุดในห้องขนาดไม่ใหญ่ เย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศ ธเนศเดินไปนั่งประจำเก้าอี้ใกล้ตำแหน่งหัวโต๊ะประชุม เขารอจนแม่บ้านสำนักงานที่เสิร์ฟน้ำและกาแฟออกไปแล้วจึงพูดขึ้น
“ถ้าทราบก่อน ผมจะให้คุณอธิปที่รับผิดชอบโครงการมาให้รายละเอียดเพิ่มอีกคน” คุณสันติบอกพลางยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ
“ผมเพิ่งกลับจากต่างประเทศ ไม่ได้แจ้งให้พี่ทราบด้วยตัวเอง เลขาติดต่อแทน คงแจ้งกันไม่หมด แต่ไม่เป็นไรครับ ประธานแค่สอบถามความก้าวหน้าของโครงการใหม่ที่หัวหินกับงานที่เพิ่งเซ็นสัญญากันไปแล้ว” ธเนศบอกอย่างกระตือรือร้นแล้วหันมองสาวสวยที่นั่งเยื้องทางด้านหลังคุณสันติ ซึ่งหอบกระดาษม้วนโตเข้ามาด้วย แล้วเอ่ยถามเสียงอ่อนโยน
“แล้วมีอะไรมาฝากผมหรือเปล่าครับ”
“งานระบบของโครงการกำลังสร้างนั่นละครับ ส่วนที่แก้ไขเพราะเปลี่ยนรูปแบบตัวอาคารจากการประชุมครั้งก่อน”
คุณสันติเป็นฝ่ายตอบ นิลอุบลวางเอกสารรวมถึงแบบงานก่อสร้างที่พูดถึงกันบนโต๊ะประชุม เธอนั่งฟังการสนทนาพอจะรู้ว่าหลักๆ คงเป็นการรอเจอประธานของเครือพีเอจี
ตอนนั่งมาในรถ คนเป็นเจ้านายได้เล่าถึงโครงการนี้รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องในเครือ ซึ่งมีทั้งส่วนการผลิตและส่งออกอาหารกระป๋อง ธุรกิจนำเข้ารถยนต์ที่เป็นธุรกิจแต่ดั้งเดิม พอเปลี่ยนผู้บริหารเป็นทายาทรุ่นต่อไปก็มีการขยายงานไปทางด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จำพวกโครงการหรู เช่น บ้านพักตากอากาศ คอนโดมิเนียมระดับสูง โดยเล่าว่าโครงการเหล่านี้ขายทำกำไรได้มาก สาเหตุเพราะเป็นที่ดินทำเลดีที่ซื้อเก็บไว้ตั้งแต่คนรุ่นก่อนเพื่อรอลูกหลานนำมาพัฒนาต่อ
นิลอุบลนั่งฟังการสนทนาของทั้งสองคนเป็นครู่ใหญ่ ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว บางทีก็พูดถึงการสังสรรค์ทั่วไป มีหลายครั้งที่วิศวกรของฝ่ายเจ้าของงานหยอกเย้าแบบผู้ใหญ่ใจดีว่า พูดมากไปไม่ดีเพราะมีสุภาพสตรีนั่งฟังอยู่ด้วย หญิงสาวได้แต่ยิ้มรับบางๆ แล้วฟังอย่างเงียบๆ ต่อ กระทั่งเกือบชั่วโมงต่อมา เลขาประธานจึงโทร.แจ้งว่าเขาว่างแล้วและจะลงมาคุยด้วยที่ห้องประชุมนี้ โดยไม่ต้องให้คนทั้งหมดย้ายไปพบข้างบนตามที่คาดไว้ในตอนแรก
เพียงไม่นาน ประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดออกอย่างไม่มีพิธีรีตองนิลอุบลนั่งตัวตรงมองผู้ชายวัยสี่สิบกว่าในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวกับกางเกงทรงสุภาพสีดำ รูปร่างท้วม ใบหน้าแดงเหมือนคนเพิ่งออกกำลังเดินมาอย่างหนัก เขาทรุดนั่งบนเก้าอี้ว่างติดกับธเนศ
ครู่ต่อมา ประตูถูกเปิดออกอีกครั้งด้วยคนร่างสูงสง่า ท่าทางคล่องแคล่ว ดูขัดกับขนาดร่างกายสูงใหญ่ในเสื้อเชิ้ตสีเทาเข้มกับกางเกงสแล็กส์สีดำ เขานั่งตรงหัวโต๊ะ ทำให้นิลอุบลรู้ได้ไม่ยากจากบุคลิกและท่าทางนั้นว่าเขาเป็นใคร รวมถึงรังสีที่แผ่กระจายออกมา สำหรับคนอื่นเธอไม่รู้มันคืออะไร แต่ที่ตัวเองสัมผัสได้นั้นคือเกิดความเกร็งและระมัดระวังตัวมากขึ้นโดยอัตโนมัติ
“พี่สันติครับ คุณวิศรุต รัชตะนานนท์ ประธานของเครือพีเอจี”
ธเนศแนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกัน และแนะนำผู้ชายอีกคนว่ารับผิดชอบการตลาดสำหรับโครงการใหม่ที่หัวหินซึ่งมาเข้าร่วมฟังด้วย
การสนทนายังคงผูกขาดอยู่กับคุณสันติและธเนศ ส่วนคนมาใหม่ทำหน้าที่ตรงตามเจตนาที่บอกไว้ คือเข้าร่วมฟังความก้าวหน้าและความเป็นไปของโครงการแบบไม่เป็นทางการ อาจเพราะวันนี้เขาบังเอิญมีเวลาว่างหรืออย่างไรก็ไม่ทราบได้
นิลอุบลได้ยินเสียงห้าวทุ้มจากคนนั่งหัวโต๊ะถามกลับมาบ้าง ทุกครั้งที่เขาเอ่ยปาก เธอสังเกตเห็นว่าทุกคนพร้อมจะเงียบและตั้งใจตอบ บางทีที่หันไปสอบถามจากผู้ชายที่มาด้วยกันซึ่งนั่งถัดจากธเนศและอยู่ตรงข้ามหล่อน
นิลอุบลนั่งเยื้องหลังคุณสันติ จึงไม่เห็นคนที่นั่งบนเก้าอี้ตรงหัวโต๊ะประชุมชัดเจนนัก อาศัยแค่ฟังการสนทนาและจดบันทึกเมื่ออีกฝ่ายขอให้ดำเนินการในเรื่องใดบ้าง และสิ่งที่เจ้านายของเธอตอบรับหรือชี้แจงกลับไปในกรณีสุดวิสัยจะทำให้ได้...แต่นั่นก็น้อยเต็มที
“แล้วนี่อะไร” เสียงทุ้มถามสั้นๆ โดยไม่เจาะจงว่าถามใคร พลางหันไปมองกระดาษกองโตบนโต๊ะประชุม
“แบบงานที่แก้ไขจากการเปลี่ยนรูปแบบอาคาร บางส่วนก็ก่อสร้างไปแล้วครับ” ธเนศเป็นฝ่ายตอบ
เขาคลี่กระดาษออก นิลอุบลมองมือเรียวแข็งแรง ขาวสะอาด ข้อมือแกร่งประดับด้วยนาฬิกาเรือนหรู หล่อนกวาดสายตาขึ้น มองศีรษะทุยสวยที่ปกคลุมด้วยเส้นผมดำขลับ ทรงผมตัดแต่งอย่างประณีตอย่างคนดูแลตัวเองดี ใบหน้าคมเข้มนั้นขาวสะอาด มีไรหนวดเคราจากการโกน เธอเดาเล่นๆ ว่าเขาน่าจะอยู่ในวัยแค่สามสิบ แล้วนึกชื่นชมว่าชายหนุ่มคงเก่งพอตัว...เพราะการรับผิดชอบและตัดสินใจกับงานขนาดนี้คงไม่ง่ายนักสำหรับคนวัยอย่างเขา
หญิงสาวคิดเพลินแต่ไม่ลืมทำหน้าที่ของตน เธอจรดปลายปากกาตวัดบนสมุดบันทึกขาวสะอาดที่วางบนตัก บันทึกสาระสำคัญเพื่อเอาไปถ่ายทอดให้กับคนทางสำนักงานตามหน้าที่ แต่แล้วลมหายใจก็สะดุด เมื่อชายหนุ่มที่เธอลอบสังเกตเงยหน้ามองกะทันหัน ไม่รู้ว่าอาการนิ่ง อ้าปากค้าง หายใจติดขัดนี่ดูน่าตลกแค่ไหน แต่ทำให้อีกฝ่ายขยับยกมุมปาก แววตาที่บอกชัดว่าเขากำลังขำ
นิลอุบลดึงสมาธิกลับมายังงาน ก้มหน้าจดบันทึกต่อ นึกไม่ชอบใจนัก หากไม่รู้ว่ากำลังขัดเคืองตัวเองหรือใครอื่นกันแน่ที่ทำให้ลืมตัวแล้วคิดอะไรหลุดไปจากงาน กระทั่งเวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ผู้ชายคนนั้นก็ขยับตัว บอกเสร็จธุระและจบการประชุมสำหรับตัวเอง แล้วออกไปอย่างง่ายๆ เหมือนตอนมา
“ประธานของเราเพิ่งมารับตำแหน่งไม่นาน ทำตัวง่ายๆ อย่างที่เห็นแบบคนรุ่นใหม่ครับ แต่ฝีมือต้องยอมรับ งานตอนนี้จะเน้นพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก เพราะส่วนอื่นค่อนข้างอยู่ตัวตั้งแต่รุ่นก่อน เราคงได้ร่วมงานกันอีกนาน เพราะเครือพีเอจีมีแผนเปิดอีกหลายโครงการ ประธานค่อนข้างพอใจผลงานจากบริษัทพี่”
ธเนศปิดท้ายได้น่าฟังสำหรับสันติ เขานึกภาพว่าถ้าจับงานที่นี่ได้ตลอดก็มีรายได้เข้าบริษัทเป็นกอบเป็นกำ
นิลอุบลเปิดประตูรั้วโปร่งหลังเรือนเล็ก ในมือหิ้วถุงใส่ของที่แวะซื้อก่อนเดินกลับบ้าน เมื่อย่างเท้าเข้ามาในรอบรั้ว พลันสัมผัสถึงความ ร่มรื่นและผ่อนคลาย ผิดจากความร้อนอบอ้าวข้างนอก
“ยาย เป็นไงบ้างจ๊ะ ทำไมออกมานั่งตากลมข้างนอก วันนี้นิลซื้อผัดไทเจ้าอร่อยมาด้วย”
หญิงสาวร้องทักพร้อมชูถุงในมือให้ดู เมื่อเห็นหญิงชรานั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวยาวใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าบ้าน
“ยายหายดีแล้ว วันนี้ทำไมนิลกลับบ้านเร็วล่ะ” ยายแถบผินหน้ามองแล้วร้องถาม
“นิลตามผู้ใหญ่ไปประชุมข้างนอก เห็นเป็นทางผ่านกลับบ้าน เลยขอกลับก่อนจ้ะ”
“ระวังเถอะ เจ้านายจะให้กลับมาพักยาว ไม่ต้องไปทำงานอีก” คนเป็นยายกระเซ้า นางไม่อยากให้นิลอุบลเป็นกังวลกับตนจนเสียงานเสียการ
หลังจากนิลอุบลเรียนจบและทำงานเป็นหลักแหล่ง เจ้าตัวก็ดูมีชีวิตชีวาและมีความสุขมากขึ้น อาจเพราะมีโอกาสได้ใช้ชีวิตของตัวเองเหมือนคนวัยหนุ่มสาวทั่วไป ยายแถบพอใจให้เป็นอย่างนี้ เว้นเสียแต่ว่านิลอุบลมักเกรงใจเพราะคุณท่านที่ตึกใหญ่เคยส่งเสียค่าเล่าเรียนจึงอยากตอบแทนบุญคุณบ้าง ทั้งที่ยายแถบคิดว่าควรเป็นไปตามสมควร เพราะสิ่งที่ฝ่ายนั้นมอบให้นิลอุบลถือเป็นเรื่องของความรับผิดชอบด้วยเหตุผลที่ทุกคนในบ้านรู้ดี แต่ไม่มีใครพูดถึง คงปล่อยให้คลุมเครือกันต่อไป
