ราชโองการเลือด : 2
"ข้าไม่ขอโทษ! ท่านพ่อมิเคยคิดชั่ว มีแต่ช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก คนเหล่านี้ต่างหากที่เป็นคนชั่ว ใส่ร้ายท่านพ่อข้า...อึก!"
เสียงน้อย ๆ ขาดห้วงลงเมื่อเยว่ฉินจื่อเกรงว่าน้องสาวคนเล็กจะมีภัยถึงชีวิตหากพูดมากความกว่านี้จึงเลือกใช้วิธีสกัดจุดให้นางสลบชั่วคราวไปก่อน
"เหิมเกริมยิ่งนัก อายุเพียงไม่กี่ขวบปีก็ก้าวร้าวลบหลู่ราชโองการอันศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะทูลฝ่าบาทถึงการกระทำของบุตรสาวคนเล็กจวนเยว่ เปลี่ยนจากมีลมหายใจเป็นความตายแทน"
"ไม่นะเจ้าคะ! ใต้เท้ามู่โปรดเมตตาเห็นแก่ความสัมพันธ์อันดีของท่านกับท่านแม่ทัพใหญ่เถิดเจ้าค่ะ ข้ากับบุตรสาวยินดีรับโทษเนรเทศออกจากเมืองอย่างมิคัดค้าน"
น้ำตามากมายของผู้เป็นมารดาหลั่งไหลอาบสองแก้ม นางปลายตาที่มีน้ำเจิ่งนองมองเยว่อันหนิงที่สลบลงบนหน้าตักเยว่อิงเถาด้วยความหวาดหวั่น จากนั้นจึงหันไปสบตากับบุตรชายทั้งสองที่นั่งอยู่แถวด้านหลังด้วยความเจ็บปวด
สิ่งที่เยว่ฮูหยินเอ่ยออกไปเมื่อครู่หมายความว่านางยอมรับราชโองการนั้นแล้ว ชีวิตทั้งสามชีวิตของบุรุษสกุลเยว่แลกกับหนึ่งชีวิตของบุตรสาวคนเล็กผู้นี้คุ้มแล้วหรือ?
หากแต่บุตรชายทั้งสองกลับสบตามารดากลับด้วยความยินดี ขอเพียงชีวิตพวกเขาทั้งสองช่วยรักษาชีวิตมารดาและน้องสาวอีกสามคนไว้ได้จะกลัวความตายเบื้องหน้าไปทำไม
เกิดเป็นบุรุษอกสามศอก ออกศึกรบเคียงบ่าเคียงไหล่บิดามาแล้วตั้งกี่ครั้ง ความเป็นความตายพวกเขาเฉียดมาหมดแล้วจะกลัวไปไย
"ข้าเยว่ฉินจื่อ"
"ข้าเยว่อินกวาน"
"น้อมรับราชโองการ"
ทั้งสองพี่น้องประสานเสียงน้อมรับความผิดร่วมกับบิดาและตระกูลเยว่
การเกิดมาในครั้งนี้คงเป็นเคราะห์กรรมของพวกเขาที่ทำดีกลับไม่ได้ดีเช่นนี้
"จับกุมกบฎทั้งหมดไปขังที่คุกศาลเทียนอวี่ก่อน พรุ่งนี้ยามเหม่า (ตี 5.00 - 6.59 น.) นำนักโทษประหารไปบั่นหัวเสียบประจาน ส่วนคนที่เหลือเนรเทศตามราชโอการ"
เสียงร้องไห้โศกเศร้าของบ่าวสาวรับใช้ในจวนดังระงมทั่วลานกว้าง ในใจพวกเขาอยากจะเข้ามาร่ำลาคุณชายทั้งสองรวมถึงฮูหยินและคุณหนูทั้งสาม หากแต่ทหารของศาลเทียนอวี่กลับไม่ให้โอกาสพวกเขาได้ทำเช่นใจหวัง ถูกทหารคุมตัวแยกออกเป็นสองกลุ่มเพื่อไปบรรจบกันที่คุกของศาลที่เรียกว่ายุติธรรมที่สุดในเมืองเทียนติ่งทันที
ภายในคุกใต้ดินของศาลเทียนอวี่ ห้องนักโทษที่ไร้แสงตะวันสาดส่องถึง มีบุรุษสวมชุดตัวในแสนบางแถมยังสภาพขาดวิ่นยิ่งกว่าขอทานตามข้างถนน เสื้อที่เคยเป็นสีขาวสะอาดตาถูกย้อมไปด้วยสีแดงที่เริ่มแห้งเกรอะกรังของเลือดสด ๆ ที่เกิดจากแผลปริแตกเพราะถูกเฆี่ยนตีอย่างทารุณ
"ท่านแม่ทัพ ท่านแข็งใจไว้นะขอรับ"
ทหารภายใต้การปกครองของแม่ทัพใหญ่เยว่จิ้นกงที่ลักลอบเข้ามาในคุกและพยายามหาทางช่วยเหลือแม่ทัพของพวกเขาจากการถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฎ
ย้อนกลับไปก่อนหน้าไม่ถึงชั่วยาม หลังจากกองทัพของเยว่จิ้นกงนำชัยชนะกลับมาและกำลังเดินทางกลับจากค่ายที่ชายแดนบูรพากลับมีทหารของศาลเทียนอวี่ปรี่เข้าจับกุมกองทัพของพวกเขา แจ้งราชโองการเลือดนี้ให้กับกองทัพที่จงรักภักดีต่อบ้านเมืองเทียนติ่งมาโดยตลอดพร้อมจับกุมทหารทุกนายที่อยู่ในกองทัพเวลานั้น
หากแต่แม่ทัพใหญ่เยว่จิ้นกงที่ล่วงรู้ก่อนแล้วว่าสักวันต้องเป็นเช่นนี้ เขาจึงยอมรับโทษการก่อกบฎเอาไว้แต่เพียงผู้เดียวยอมให้ทหารศาลเทียนอวี่จับกุมตนตามราชโองการเพื่อมาสำเร็จโทษ
"พวกเจ้าจะทำอันใด รีบออกไปจากที่นี่!"
เสียงแห้งแหบที่แทบจะเค้นแรงกายทั้งหมดออกมาพูดคุยกับเหล่าทหารสามสี่นายที่แอบบุกเข้ามาในคุกแห่งนี้
"พวกข้าเสี่ยงตายมาที่นี่เพื่อช่วยท่านแม่ทัพใหญ่"
หนึ่งในทหารสี่นายกล่าว
"พวกเจ้ามีค่ามากกว่าชีวิตข้า จงนำทหารที่พักดีเดินทางไปที่เมืองตู้ ซ่อนตัวตนพวกเจ้าเอาไว้ สักวันจะต้องมีคนขอความช่วยเหลือจากพวกเจ้า"
"แต่ว่า..."
"นี่คือคำสั่งสุดท้าย ข้าเยว่จิ้งกง แม่ทัพใหญ่แห่งเมืองเทียนติ่งขอสั่งพวกเจ้าให้รักษาชีวิตเอาไว้ให้ดี"
ทหารทั้งสี่นายที่ยืนอยู่นอกคุกถึงกับจุกที่อก พวกเขาจะสูญเสียแม่ทัพที่ดีเช่นนี้จริงหรือ หากแต่แววตาที่เยว่จิ้นกงมองพวกเขา ช่างเด็ดเดี่ยวและอาจหารยิ่งนัก สักวันพวกเขาจะต้องคืนความเป็นธรรมให้สกุลเยว่แน่นอน
"น้อมส่งท่านแม่ทัพ พวกข้าจะทำตามคำสั่งสุดท้ายของท่าน รักษาชีวิตเพื่อรอวันกอบกู้ชื่อเสียงของท่านกลับคืนมา"
แม้เสียงที่เอ่ยบอกลาจะเศร้าและสั่นเพียงใด แต่เยว่จิ้นกงกลับเผยยิ้มออกมา จิตใจเขายิ่งใหญ่ยิ่งนัก แลกหนึ่งชีวิตของตนเพื่อรักษาชีวิตทั้งกองทัพที่ตนปกครองดูแล แค่นี้ก็คุ้มมากมายแล้ว
"มีคนมา พวกเจ้ารีบออกไปเถิด"
"ท่านแม่ทัพ!" ทหารอีกนายกล่าวอย่างอาลัยอาวรณ์
"รักษาตัวด้วย"
คำกล่าวนี้ของเยว่จิ้นกงเปรียบเสมือนกระบี่แสนคมทิ่มแทงเข้ากลางใจคนฟังเมื่อพวกเขารู้ดีว่าการถูกใส่ร้ายครั้งนี้แม่ทัพของพวกเขาคงสิ้นวาสนาแล้วจริง ๆ
หากแต่เป็นทหารต้องทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา แม้พวกเขาทั้งสี่จะกลับไปมือเปล่า แต่ขอรักษาชีวิตเอาไว้ตามคำสั่ง สักวันจะต้องมีคนที่ท่านแม่ทัพคาดเดาว่าจะขอความช่วยเหลือมาหาพวกตนแน่นอน