กลิ่นคาวเลือด : 1
"เข้าไป!"
"โอ้ย!"
"ท่านแม่ น้องสามระวังด้วย" เยว่ฉินจื่อกล่าว
บัดนี้ทหารของมู่ตงหยวนได้ควบคุมตัวเยว่ฮูหยินกับเหล่าคุณชายคุณหนูทั้งห้ามาที่คุกใต้ดินของศาลเทียนอวี่ตามคำสั่งเจ้ากรมตุลาการมู่
"ข้าไม่เป็นอะไร พี่ใหญ่น้องห้าเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ"
เสียงคุณหนูสามเยว่จินจินเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดของเยว่ฉินจื่อ
"น้องห้าแค่สลบ เดี๋ยวผ่านไปสักประเดี๋ยวนางก็ฟื้น"
ได้ยินบุตรชายคนโตบอกเช่นนี้ทุกคนจึงเบาใจลง
"จื่อเอ๋อร์ นั่นเจ้าหรือ"
หากแต่เสียงที่แหบแห้งแต่แสนคุ้นหูกลับดังขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน
ทุกคนจึงมองหาต้นทางของเสียงจนพบเข้ากับห้องขังที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
แม้สภาพของคนที่ถูกล่ามข้อมือทั้งสองขึงไว้กลางห้องจะไม่น่าชม ทว่าพวกเขากลับจำได้ดีว่าคนผู้นั้นคือใคร
"ท่านพี่!"
เยว่ฮูหยินรีบถลาเข้ามาเกาะไม้ท่อนใหญ่สอดใบหน้าตรงช่องว่างที่พอให้มองเห็นภายนอกเพื่อพูดคุยกับคนที่อยู่ห้องขังตรงข้ามได้
ในใจนางเจ็บปวดรวดร้าวแทบลืมหายใจเมื่อเห็นสภาพสามีที่ไม่เหลือความสง่าของแม่ทัพใหญ่ที่น่าเกรงขาม
"ฮูหยิน ครั้งนี้ข้าทำพวกเจ้าลำบากด้วยแล้ว"
ใช่ว่าเยว่ฮูหยินจะเจ็บปวดเพียงคนเดียว คนที่ถูกหมายหัวและเป็นต้นเหตุความเดือดร้อนให้คนในตระกูลอย่างเยว่จิ้นกงกลับเจ็บปวดยิ่งกว่า หากแต่สิ่งที่ได้ยินกลับมาจากภรรยาที่เขาเลือกแต่งเข้าสกุลด้วยตนเองกลับเหมือนยาดีช่วยเยียวยาความรู้สึกผิดนี้
"ได้ร่วมทุกข์ ร่วมสุข ร่วมเป็นร่วมตายกับท่าน ไฉนเลยอันปิงจะเสียดายชีวิตนี้"
"ท่านพ่อ พวกข้าก็ยินดีร่วมเป็นร่วมตายกับท่านในครั้งนี้"
เสียงของเยว่อินกวานช่างหึกเหิมไร้ความหวาดกลัวในโทษที่ได้รับ
"พวกเจ้า...."
หากแต่ในความใจคนฟังที่ได้ยินสิ่งนั้นกลับมีความเสียใจและรู้สึกผิดปะปนมามากโข
เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ สามารถปกป้องชีวิตผู้อื่นได้ แต่เหตุใดถึงไม่สามารถปกป้องครอบครัวตนเองได้เช่นนี้
"แล้วนั่น เกิดอะไรกับหนิงเอ๋อร์"
เยว่จิ้นกงเหลือบเห็นบุตรสาวคนเล็กนอนอยู่บนตักของคุณหนูสี่เยว่อิงเถาจึงถามด้วยความร้อนใจ
"น้องเล็กไม่ยอมให้จับกุม พร้อมหมิ่นราชโองการจนเกือบถูกเปลี่ยนโทษเป็นให้กลายเป็นโทษตายแทน ข้าจึงทำให้นางสลบชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการยั่วยุอำนาจมืดของเจ้ากรมตุลาการมู่ตงหยวน"
"เจ้าทำถูกแล้วจื่อเอ๋อร์ ขอแค่รักษาชีวิตน้องเจ้าไว้ได้ สักวันต้องมีคนทวงคืนความบริสุทธิ์ของสกุลเยว่ได้แน่นอน"
หวังว่าจะเป็นดั่งที่บิดาพวกเขาคาดเดา
"ฮูหยิน พวกเจ้าจะถูกส่งไปที่ต่างเมือง จงทำตัวให้เหมือนคนโง่ และทำงานให้เหมือนวัวที่ทนแดดทนฝน สิ่งเหล่านี้จะช่วยพวกเจ้าผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนี้ได้อย่างปลอดภัย" เยว่จิ้นกงกัดฟันตักเตือนฮูหยินเขาและบรรดาบุตรสาวด้วยใจที่เจ็บปวด
เพราะราชโองการจับกุมที่จวนเยว่กับที่เยว่จิ้นกงได้รับมีเนื้อหาเดียวกัน ทำให้มิต้องเอ่ยถามกันให้มากความ
"ท่านพ่อ ลูกอกตัญญู ยังมิได้ทดแทนบุญคุณท่านที่เลี้ยงดู" เยว่จินจินเอ่ยอย่างรู้สึกผิดบาป
เยว่จิ้นกงโคลงศีรษะเบา ๆ คลี่ยิ้มทั้งมุมปากและแววตาพร้อมเอ่ยอย่างอบอุ่น
"แค่พวกเจ้ารักษาชีวิตให้ดี เพียงเท่านี้เท่ากับทดแทนบุญคุณพ่อกับแม่เจ้าแล้ว"
แม้ชีวิตนี้จะเหลือไม่กี่ชั่วยาม แต่เยว่จิ้นกงกลับไม่ร้อนรนเฉกเช่นคนทั่วไป เขายังมีสติสามารถเอ่ยเตือนสอนสั่งเหล่าบุตรตรีที่รอดชีวิตจากการถูกใส่ร้ายได้เป็นอย่างดึ
"ท่านพี่ เหตุใดถึงมีราชโองการว่าท่านก่อกบฎเช่นนี้เจ้าคะ หรือว่าเป็นเพราะเรื่องนั้น?"
เสียงเยว่ฮูหยินค่อนข้างตกใจเมื่อนางคิดถึงสาเหตุที่ทำให้ตระกูลที่จงรักภักดีมาหลายชั่วอายุคนถูกกล่าวฟาอย่างไร้ศักดิ์ศรีในวันนี้
"ฮูหยิน เจ้าจงจำเอาไว้ เจ้าเป็นเพียงภรรยาที่นอนเคียงข้างข้ายามหลับ และปรนนิบัติสามียามตื่นเฉกเช่นสตรีทั่วไป ไม่รู้ ไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่องงานของบุรุษ"
"ข้า..."
เยว่ฮูหยินกลืนคำพูดมากมายที่อยากถามเอาไว้เมื่อเห็นแววตาสามีมองอย่างร้องขอ
"จื่อเอ๋อร์ เจ้าทำสิ่งที่พ่อสั่งเรียบร้อยดีใช่หรือไม่"
เมื่อเยว่ฮูหยินเงียบเสียงไปเพราะคำสั่งทางสายตา เยว่จิ้นกงจึงเปลี่ยนมาสนทนากับบุตรชายคนโตแทน
เยว่ฉินจื่อพยักหน้าตอบบิดาเมื่อเขาทั้งคู่เข้าใจตรงกันว่าบิดาหมายถึงเรื่องอันใด
"เรียบร้อยดีขอรับ"
"ดี ดีมาก"
แม้จะใช้เวลาฉิวเฉียดกับขบวนของศาลเทียนอวี่ที่เดินทางมาจวนสกุลเยว่ แต่เพียงแค่เฉินปู้เกาได้ของสิ่งนั้นไป เยว่จิ้นกงก็ตายตาหลับได้แล้ว
"มีคนมา"
ฟากแต่สองพ่อลูกคุยกันยังไม่ทันได้สั่งเสียอันใดต่อ เสียงฝีเท้าของทหารกลุ่มหนึ่งกลับมุ่งหน้ามาทางนี้ก่อน
"เปิดประตู นำตัวนักโทรประหารทั้งสามออกมา"
เสียงหัวหน้าองครักษ์แห่งศาลเทียนอวี่สั่งลูกน้องที่ติดตามมาด้วย
คนยศน้อยกว่ารีบสะเดาะกุญแจเหล็กกล้านำคุณขายใหญ่และคุณชายรองรวมถึงเยว่จิ้นกงออกมาจากคุกทันที
"พวกท่านจะพาสามีกับบุตรข้าไปทีใด"
เยว่ฮูหยินใจสั่นรัว นางหวาดหวั่นเหลือเกินว่าจะได้ยินสิ่งที่ไม่อยากได้ยินขึ้นมา
"เจ้ากรมตุลาการมู่ทูลขอเร่งเวลาประหารนักโทษแผ่นดินทั้งสามเป็นยามนี้แทน"
หัวใจของภรรยาที่ต้องสูญเสียทั้งสามีและบุตรไปพร้อมกันถึงสามคนแตกสลาย เยว่ฮูหยินเป็นลมล้มพับสิ้นสติภายในคุกทันทีที่หัวหน้าองครักษณ์ศาลเทียนอวี่แจ้งจบ
"เหตุใดใต้เท้ามู่ถึงได้อยากเร่งประหารท่านพ่อกับพี่ใหญ่พี่รองเช่นนี้ หรือว่ากลัวจะคนจะสืบเรื่องใส่ร้ายนี้แจ้งกระจ่างก่อน"
คุณหนูสามเยว่จินจินทนไม่ไหวที่จู่ ๆ ก็ได้รับข่าวร้ายกว่าเดิมเมื่อการประหารเลื่อนเวลามาในตอนนี้
"นั่นสิเจ้าคะ ตะวันเพิ่งจะลาลับท้องฟ้า เหลือเวลาอีกตั้งสี่ชั่วยามถึงจะถึงกำหนดพิธี หากใต้เท้ามู่มิกลัวสิ่งใดผิดพลาด เหตุใดถึงได้เร่งทูลขอราชโองการใหม่จากฝ่าบาทเร็วเช่นนี้"
คุณหนูสามเยว่อิงเถาทนไม่ไหวเช่นกัน นางพูดจาประชดประชันด้วยสุ้มเสียงแข็งกระด้าง ทำเอาเยว่จิ้นกงบิดาถึงกับตำหนิเสียงดุกลับมา
"พวกเจ้าพอได้แล้ว จะช้าหรือเร็ว โทษประหารก็มาถึงอยู่ดี"