เล่ห์ร้ายชะตารักนักฆ่าบุปผาเบญจมาศ

69.0K · ยังไม่จบ
Lai LA FuN / เฉิงเอ๋อร์
61
บท
1.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

สวรรค์เมตตาให้นางมีลมหายใจต่อเพื่อรอวันล้างแค้นคนชั่วที่ใส่ร้ายตระกูลนางจนพังพินาศเพียงชั่วข้ามคืน หากแต่ระหว่างหนทางแก้แค้น กลับมามือที่อบอุ่นช่วยให้หัวใจดวงน้อยมีดอกไม้ผลิบานขึ้นอีกครั้ง

นิยายกำลังภายในนิยายจีนโบราณแม่ทัพนักฆ่านางเอกเก่งแก้แค้นพลิกชีวิตจีนโบราณดราม่า21+

จวนสกุลเยว่

ฉัวะ...

ฉึก...

เกร้ง!

เสียงคมกระบี่ทั้งสองดังเสียดหูผู้คนที่อยู่ในระแวกนั้น

บุรุษรูปงามสวมชุดทะมัดทะแมงกำลังซ้อมวิชากระบี่ที่ลานกว้างของจวนสกุลเยว่

"พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านออกกระบี่เร็วเกินไปแล้ว ข้าตามไม่ทัน"

เสียงเจื้อยแจ้วของสตรีอายุแปดขวบเอ่ยค้อนพี่ใหญ่ทั้งสองของนาง

"หนิงเอ๋อร์? เจ้าแอบมาดูพวกข้าอีกแล้ว ระวังเถอะ ท่านพ่อรู้เข้าจะถูกลงโทษเอา"

เยว่ฉินจื่อบุตรคนโตของเยว่จิ้นกงตำหนิน้องเล็กสุดของตระกูล

"พี่ใหญ่พี่รองปกป้องข้าอยู่แล้ว ใช่หรือไม่เจ้าคะ"

เสียงเล็กช่างฉอเลาะเอาตัวรอดเก่งประหนึ่งหญิงสาวที่ผ่านพิธีปักปิ่นมาแล้ว

"แน่นอน หากพี่ใหญ่ไม่ยื่นมือช่วย ยังมีพี่รองผู้หล่อเหลาอยู่ทั้งคน"

"เย่ ๆ ข้ารักพี่รองที่สุดเลย"

ร่างน้อยรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดคุณชายรองเยว่อินกวานอยากออดอ้อน

ตัวนางเท่าเพียงเอวของเขา แต่ท่าทางช่างดูโตกว่าวัยเป็นอันมาก

"เพราะมีน้องรองให้ท้าย หนิงเอ๋อร์ของเราถึงได้ยิ่งโตยิ่งเหมือนบุรุษเช่นนี้"

ปากกล่าวตำหนิ ทว่าเยว่ฉินจื่อกลับก้าวเข้าไปลูบผมน้องเล็กเยว่อันหนิงอย่างเอ็นดู

"พี่ใหญ่ ท่ารำกระบี่เมื่อครู่คือกระเรียนเหินนภาใช่หรือไม่เจ้าคะ"

ทางสะดวกไร้เงาของบิดาเยว่อันหนิงจึงต้องรีบรวบรวมข้อมูลเก็บไว้ศึกษาลับ ๆ

"น้องเล็กความจำดียิ่ง กระเรียนเหินนภาพวกเราฝึกซ้อมกันนับครั้งได้เจ้ายังจำแม่นถึงเพียงนี้"

เยว่อินกวานกล่าวจบจึงนั่งยอง ๆ ลงพลางลูบผมน้องสาวอย่างเอ็นดูความเฉลียวฉลาดนี้ของนาง

เดิมทีเยว่อันหนิงเป็นเด็กค่อนข้างพิเศษ นางอยู่ในครรภ์มารดาเพียงแค่เจ็ดเดือนก็คลอดก่อนกำหนดแล้ว

ใคร ๆ ต่างมองว่าเด็กคนนี้ต้องเป็นคนขี้โรค ป่วยออด ๆ แอด ๆ เพราะอายุครรภ์ไม่ครบเฉกเช่นคนทั่วไป

แต่ทุกอย่างกลับกันหมด...

เพียงเก้าเดือนเยว่อันหนิงก็สามารถวิ่งได้แคล่วคล่องราวกับเด็กหนึ่งขวบขึ้น แถมยังสามารถพูดได้ชัดถ้อยชัดคำในเวลายังไม่ถึงสิบเดือนดี ลมปราณภายในยิ่งไม่ต้องพูดถึง นางมีมากกว่าสตรีทั่วไปที่โตกว่าถึงครึ่งส่วน

ชาวบ้านในละแวกนั้นต่างบอกว่าเยว่อันหนิงคือเด็กที่สวรรค์ประทานมาให้เยว่ฮูหยิน

หากแต่เรื่องเหนือธรรมชาติที่ไร้หลักฐานพิสูจน์ใครจะกล้ายอมรับ ทุกคนในตระกูลต่างมองว่าที่เยว่อันหนิงเก่งและฉลาดเพราะตัวนางใฝ่หาความรู้เข้าตัวเสียมากกว่า

เยว่อันหนิงเริ่มเรียน เขียน อ่าน ตั้งแต่สองขวบ ความรู้ทั่วไปก็เริ่มแตกฉาน เพียงแค่นางมักเก็บความฉลาดเหล่านี้เอาไว้เพราะไม่อยากถูกเด็กวัยเดียวกันมองว่านางแตกต่างจากพวกเขาจนไร้สหายคบหา

ครั้นอายุเจ็ดขวบก็เริ่มอยากลองจับกระบี่ของมีคม หากแต่ตอนนั้นเรี่ยวแรงเด็กหรือจะควงกระบี่เล่มใหญ่เช่นบุรุษตัวโตได้ เยว่อันหนิงจึงใช้เพียงแค่กิ่งไม้ร่ายรำกระบี่ตามพี่ใหญ่กับพี่รองของนาง

นานวันเข้าเยว่จิ้นกงทนพฤติกรรมของบุตรสาวคนเล็กที่ทำตัวราวเป็นบุรุษมากกว่าสตรีไม่ไหวจึงสั่งห้ามไม่ให้เยว่อันหนิงแอบมาฝึกกระบี่กับพี่ชายทั้งสอง

แต่มีหรือคนดื้อรั้นเช่นนางจะยอม เยว่อันหนิงจดจำท่วงท่าที่พี่ใหญ่กับพี่รองสอนให้แล้วแอบฝึกเองตามลำพัง หากวันไหนมีข่าวว่าพี่ชายทั้งสองซ้อมประดาบกันที่ลานแห่งนี้เยว่อันหนิงก็จะแอบมาดูและจดจำกระบวนท่าใหม่ ๆ ของพวกเขา เป็นเช่นนี้จนถึงแปดขวบ เยว่อันหนิงสะสมทั้งวิชาบุ๋นและบู๊มากกว่าสตรีวัยเดียวกันเสียอีก

"ข้าได้ข่าวว่าท่านพ่อให้เจ้าเย็บถุงหอมให้น้องสามมิใช่หรือ"

เยว่ฉินจื่อหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดกระบี่แล้วเก็บลงฝักพลางถามจี้ใจดำอีกคน

"พี่ใหญ่เจ้าคะ การเย็บถุงหอมจะทำอย่างลวก ๆ มิได้ หนิงเอ๋อร์จึงต้องออกมาทำหัวให้โล่งค่อยกลับไปปักต่อ โอ้ย!"

"เจ้านี่ต่อปากต่อคำเก่งที่หนึ่ง นับวันจะยิ่งเหมือนพี่รองเจ้าที่ชอบแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ ไปแล้ว"

"อ้าว พี่ใหญ่พูดเช่นนี้ข้าเคืองนะขอรับ"

เสียงหัวเราะของทั้งสามดังลั่นเมื่อต่างคนต่างพูดจาหยอกล้อกันได้เข้าขาเสียเหลือเกิน

"มีคนมา!"

ทว่าเสียงหัวเราะนั้นกลับเงียบลงในเวลาต่อมาเมื่อเยว่ฉินจื่อได้ยินเสียงฝีเท้าผู้มาเยือนกำลังตรงมาทางนี้

"เช่นนั้นข้าไปซ่อนก่อนนะเจ้าคะ"

เยว่อันหนิงรีบวิ่งไปยังใต้ต้นไห่ถังและแอบซ่อนด้านหลังรูปปั้นกระต่ายพ่อลูกตัวโตเกือบห้าฉื่อ

ทันใดนั้นเจ้าของฝีเท้าก็ปรากฎขึ้น

"เป็นท่านนี่เอง" เยว่อินกวานเอ่ยอย่างโล่งใจ

"คาราวะคุณชายใหญ่ คุณชายรอง"

เฉินปู้เกาคนสนิทของแม่ทัพใหญ่เยว่จิ้นกงทำความเคารพคุณชายของสกุลเยว่

ด้านหลังเขามีเด็กหนุ่มวัยราว ๆ สิบสี่ปียืนรออยู่ไม่ไกล สายตาเฉียบคมของดรุณผู้นั้นผินมองเด็กน้อยที่แอบซ่อนอยู่ด้านหลังรูปปั้นกระต่าย

ทั้งคู่เผลอสบตากันในระยะไกล

"รองแม่ทัพเฉินมาที่จวนเยว่ด้วยเรื่องด่วนอันใดหรือ"

คุณชายใหญ่เยว่ฉินจื่อเอายถามพลางครุ่นคิด

ในเวลาเช่นนี้เฉินปู้เกาต้องอยู่ข้างกายบิดาในกองทัพมิใช่หรือ เหตุใดเขาถึงได้มาปรากฎตัวที่นี่โดยที่ไร้เงาของบิดามาด้วย

"แม่ทัพใหญ่ให้ข้านำสิ่งนี้มาให้คุณชายใหญ่จื่อ"

จดหมายฉบับหนึ่งถูกเฉินปู้เกายื่นให้

หลังจากรับมาอ่านแล้วจึงโคลงศีรษะเข้าใจการมาในครั้งนี้ของคนสนิทบิดา

"เช่นนั้นท่านตามข้ามา น้องรองเจ้าจัดการทางนี้ด้วย"

คำว่า 'จัดการทางนี้' ที่เยว่ฉินจื่อสั่งหมายถึงเจ้าน้องเล็กที่แสนซนที่แอบซ่อนอยู่

"เข้าใจแล้วพี่ใหญ่"

"เช่นนั้นข้าน้อยขอลาตรงนี้เลย"

เฉินปู้เกาค้อมศีรษะกล่าวลาเยว่อินกวานแล้วเดินตามหลังบุตรคนโตของเยว่จิ้นกงโดยมีบุตรชายคนโตของตนที่อยากมาเปิดหูเปิดตาจวนสกุลเยว่สักครั้งรั้งท้าย

"นี่คือของที่ท่านพ่อให้ข้านำมาให้ท่าน"

เยว่ฉินจื่อหยิบกล่องไม้สลักลายสวยงามขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ที่เยว่จิ้นกงสั่งไว้ในจดหมายมอบให้เฉินปู้เกา

"ขอบคุณคุณชายใหญ่ มะรืนวันมงคลของท่าน แต่ข้าน้อยกลับเสียมารยาทมิได้มาร่วมงานเพราะต้องเดินทางตามคำสั่งแม่ทัพใหญ่ หวังว่าคุณชายใหญ่จะไม่ถือสา"

"ธุระที่ท่านพ่อไหว้วานย่อมเป็นเรื่องสำคัญ ท่านเฉินอย่าได้เกรงใจ ไว้กลับจากงานค่อยมาดื่มเหล้าฉลองให้ข้าทีหลังย่อมได้"

"คุณชายใหญ่จื่อใจกว้างและเข้าใจผู้อื่นยิ่งนัก ข้าน้อยขอให้ท่านกับว่าที่ฮูหยินครองรักยาวนาน มีลูกหลานสืบสกุลเร็ว ๆ"

"ฮ่า ๆ ขอบคุณท่านเฉิน เร่งเดินทางเถิด กว่าจะเดินทางถึงเมืองตู้คงกินเวลาเกือบครึ่งวัน"

"เช่นนั้นข้าน้อยกับบุตรชายขอลา"

"เดินทางปลอดภัย"

เมื่อทั้งสองพ่อลูกสกุลเฉินกลับออกไปแล้ว เยว่ฉินจื่อหยิบจดหมายฉบับเดิมออกมาอ่านทวนอีกรอบ

จู่ ๆ เขากลับรู้สึกว่าในกล่องใบนั้นที่เฉินปู้เการับไปจะต้องเป็นของที่สำคัญและอาจนำพามาถึงความวุ่นวายในภายภาคหน้า

"ท่านพ่อ หรือว่าท่านกำลังปิดบังอันใดกับพวกเรา"

คนอย่างเยว่จิ้นกงมิเคยติดต่อผ่านจดหมายเช่นนี้ ของทุกชิ้นในห้องเขาหากจะมอบให้ใครเขาจะเป็นคนหยิบจับมันเอง ฟากแต่ครานี้เหมือนเจ้าของห้องมิต้องการให้ใครรับรู้ว่าได้มอบของบางสิ่งให้กับผู้อื่นจึงได้จัดการมากเรื่องเช่นนี้

"พี่ใหญ่ ข้าจัดการน้องเล็กให้กลับห้องได้แล้วขอรับ"

หลังหลอกล่อให้เยว่อันหนิงกลับห้องพักตนเองสำเร็จ เยว่อินกวานเลยรีบตามพี่ชายมาถึงที่นี่

"อืม ทำดีแล้ว"

เยว่อินกวานได้ยินสุ้มเสียงพี่ใหญ่รู้สึกถึงความผิดปรกติจึงเอ่ยถาม

"พี่ใหญ่มีเรื่องอันใดไม่สบายใจหรือขอรับ"

เป็นพี่น้องที่ห่างกันเพียงหัวปีท้ายปี อยู่ด้วยกัน กินด้วยกัน นอนด้วยกัน ออกศึกรบด้วยกันมาตั้งหลายหนจึงจับพิรุธของอีกคนได้อย่างไม่ต้องรอให้เจ้าตัวเอ่ยปรึกษา

"จู่ ๆ จิตใจข้าก็ไม่สงบ คล้ายกับอาจจะมีเรื่องใหญ่ตามมาไม่ช้าก็เร็วนี้"

ลางสังหรณ์ของเยว่ฉินจื่อแม่นแทบจะทุกครั้ง ทำให้เขามักได้นำทัพหน้าออกไปหยั่งเชิงศัตรูก่อนทุกหน

"เมื่อครู่ เฉินปู้เกานำของสิ่งใดไปหรือขอรับ"

เยว่อินกวานเดินมาทันได้เห็นตอนพี่ใหญ่เขายื่นกล่องไม้ให้เฉินปู้เกาพอดีจึงใคร่อยากรู้

เยว่ฉินจื่นได้แต่ส่ายหัวเล็กน้อยเพรสะเขาไม่ได้เปิดดูของสิ่งนั้นว่ามีอะไรอยู่ด้านใน

จังหวะที่บุรุษทั้งสองกำลังจะสนทนากันต่อ เสียงโวยวายจากลานหน้าจวนจึงดังลั่นขัดจังหวะขึ้นพอดิบพอดี