บท
ตั้งค่า

กลิ่นคาวเลือด : 3

ตอนนี้เป็นเวลารุ่งสางของเช้าวันใหม่ ขบวนรถม้ากำลังนำทางพาคุณหนูทั้งสามของสกุลเยว่ไปส่งยังแคว้นเสียนหย่ง

เมื่อครึ่งก้านธูปที่ผ่านมา รถม้าได้ผ่านประตูเมืองเทียนติ่ง ทำให้คุณหนูสามและคุณหนูสี่ได้เห็นภาพชวนสยองแสนจะหดหู่หัวใจ

ศีรษะของบิดาและพี่ชายถูกเสียบประจานที่หน้าประตูเมืองตามราชโองการเลือดที่ได้รับ สตรีทั้งสองเป็นลมล้มพับทันทีที่สายตาต้องเข้ากับใบหน้าซีดเผือดที่ไร้วิญญาณของทั้งสามคน เพิ่งจะฟื้นได้ไม่ถึงสิบเค่อก็ต้องรับมือกับเยว่อันหนิงที่ฤทธิ์ยาสงบใจเพิ่งหมดลง

"ดื่มน้ำก่อนเถิด"

เยว่จินจินเก็บทุกอย่างที่เจอมาทั้งคืนเอาไว้ในอก นางต้องเป็นเสาหลังให้น้อง ๆ ทั้งสอง ยื่นถุงน้ำทำจากหนังสัตว์ให้กับน้องเล็กสุดดื่ม

"พวกเราออกเดินทางกันตั้งแต่เมื่อใดเจ้าคะ"

เยว่อันหนิงฟื้นมาก็อยู่บนเกวียนรถม้าที่ไร้ที่กำบังลมและแดด ทิวทัศน์ทั้งสองข้างทางมีแต่ต้นหญ้าสูงท่วมหัว มองไกลออกไปเห็นสันเขาไกลลูกหูลูกตา พื้นดินแห้งเกรอะกรังบ่งบอกว่าออกสู่ชนบทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

"สามชั่วยามได้"

นี่นางหลับนานขนาดนี้เลยหรือ แม้อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่นางไม่ได้สติแต่หากถามไปพี่สามพี่สี่นางคงไม่บอกให้กระจ่างเพราะมองว่านางยังเด็กนัก หากมองจากสถานการณ์ตอนนี้ขบวนของมารดานางคงเดินทางไปต่างแคว้นแล้วเช่นกัน ส่วนบิดากับพี่ชายทั้งสองคง...

"ข้ายังขนลุกกับภาพติดตาหัวทั้งสามเมื่อเช้าอยู่เลย"

"เจ้าอย่าพูดขึ้นมาตอนนี้สิ แม้จะยังสว่างอยู่แต่ภาพนั้นติดตานัก คืนนี้ข้าจะหลับตาลงหรือเปล่า"

"เจ้าไม่คิดว่าพวกเขาน่าสงสารหรือ"

"จะไปสงสารกบฎทำไม หากไม่มักใหญ่ใฝ่สูงจะพบจุดจบเช่นนั้นหรือ"

"ใช่ ๆ เร่งเดินทางเถิด เดี๋ยวแยกข้างหน้าพวกเราก็มิได้อาศัยท่านทหารทั้งหลายคุ้มกันแล้ว มืดค่ำมันน่ากลัว"

เสียงชาวบ้านที่อาศัยขบวนทหารติดตามเดินทางมาด้วยพากันพูดถึงเรื่องของเยว่จิ้นกงและบุตรชายเขาที่ถูกโทษประหารเมื่อคืน ทำเอาเยว่อันหนิงที่นั่งอยู่บนเกวียนรถม้าใกล้ ๆ ได้ยินชัดถ้อยชัดคำทุกประโยค

มือแน่งน้อยกำเข้าหากันจนเลือดแทบไม่ไหลเวียน เยว่อิงเถาเห็นน้องเล็กนั่งนิ่งตัวเกร็งนานจึงรีบเรียกสติ

"หนิงเอ๋อร์"

"..."

"หนิงเอ๋อร์!"

"พี่สี่มีอันใดหรือเจ้าคะ"

เยว่อันหนิงได้ยินตั้งแต่ครั้งแรกที่พี่สี่นางเรียกชื่อแล้ว หากแต่ที่ยังไม่ปริปากขานรับเพราะกลัวว่าจะกระโดดลงไปอาละวาดใส่ชาวบ้านกลุ่มเมื่อครู่เลยต้องนิ่งพื่อคุมสติตนเองให้สงบก่อน

"เจ้าร้อนหรือไม่ มาหลบแดดบนตักพี่มา"

เยว่อันหนิงโคลงศีรษะปฏิเสธน้ำใจนี้เบา ๆ

"อากาศกำลังดีเจ้าค่ะ"

สายตาคู่สวยเหม่อมองไปไกลโพ้นอย่างไร้จุดหมาย

พี่สาวทั้งสองได้แต่มองหน้ากันพลางลอบถอนหายใจเบา ๆ

แม้พวกนางจะเป็นพี่น้องกัน หากแต่เยว่อันหนิงจะสนิทกับพี่ชายทั้งสองมากกว่าพวกนาง ทำให้บางครั้งเยว่จินจินกับเยว่อิงเถาก็เดาใจน้องเล็กผู้นี้ไม่ถูกว่านางคิดหรือต้องการอันใด

"หยุด!!"

เสียงทหารนำขบวนสั่งให้หยุดรถม้า ทำเอาชาวบ้านและทหารกลุ่มอื่น ๆ แตกตื่นเล็กน้อย

"เกิดอะไรขึ้น"

หัวหน้าทหารที่อยู่บนม้าตัวใหญ่ตะโกนถาม

"เรียนท่านเมี่ยว ด้านหน้ามีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งทำของหล่นกระจายขวางทางขอรับ"

เมี่ยวชุนชะเง้อมองไปด้านหน้าจึงเห็นชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังพากันเก็บข้าวของที่หล่นจากรถลากกระจัดกระจายเต็มถนน

"เจ้ารีบพาทหารส่วนหนึ่งไปช่วยจัดการจะได้เร่งเดินทางต่อ"

"ขอรับ"

เมี่ยวชุนถอนหายใจที่เจออุปสรรคตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งทาง ดูสิ แคว้นเสียนหย่งอยู่อีกตั้งเกือบพันลี้ เดินทางกี่วันถึงจะพบจุดหมาย ยิ่งมีเหตุมาให้เสียเวลาแม้เค่อเดียวก็ทำเขาหงุดหงิดใจแล้ว

"อ้าก!"

"โจรปล้น!"

ทหารที่รับคำสั่งไปช่วยชาวบ้านกลุ่มด้านหน้าเดินไปยังไม่ทันไรก็ส่งเสียงร้องตะโกนบอกว่ามีโจรปล้น เมี่ยวชุนยังไม่ทันได้ชักกระบี่ออกจากฝักลำคอหนาก็ถูกคมกระบี่แสนกรีดเข้าสิ้นลมหายใจบนหลังม้า

"กรี้ด!!"

"ไว้ชีวิตพวกข้าด้วย!"

เสียงกรีดร้องขอความเมตตาของผู้บริสุทธิ์ดังระงมทั่วทั้งพื้นที่แห่งนี้เมื่อมีกลุ่มโจรชุดดำปิดหน้าปิดตาโผล่ออกมาจากโพรงหญ้าข้างทาง

โจรกลุ่มนี้อำมหิตยิ่งนัก พวกมันไม่ปรานีแม้สตรีและคนแก่ หากว่ามาเพื่อปล้นทรัพย์คงมิจำเป็นต้องฆ่าทุกคนที่อยู่ตรงนี้

"หนิงเอ๋อร์ระวัง!"

เยว่อิงเถาผลักน้องเล็กลงจากเกวียนรถม้าเมื่อมีโจรคนหนึ่งเล็งกระบี่มาที่พวกนาง

เสียงดัง 'ฉึก' ปักเข้ากลางแผ่นหลังพี่หญิงสี่พร้อมเลือดสีแดงขุ่นพุ่งออกจากปากงามจนลมหายใจดับสิ้นอย่างไร้การร่ำลา

"เสี่ยวเถา!"

เยว่จินจินเห็นน้องสี่ถูกฆ่าอย่างเลือดเย็นถึงกับตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก โชคดีที่เยว่อันหนิงผลักนางหลบคมกระบี่จากโจรอีกคนได้หวุดหวิดจึงได้หายใจต่ออีกหน่อย

"พวกเจ้ามิได้มาเพื่อปล้นทรัพย์?"

เด็กน้อยมองการกระทำของโจรกลุ่มนี้เพียงแว็บเดียวก็สามารถวิเคราะห์จุดประสงค์การมาครั้งนี้ออก

"เจ้าฉลาดมากเด็กน้อย แต่รู้ไปแล้วช่วยอะไรได้ ในเมื่อสายเลือดตระกูลเยว่ทุกคนจะต้องตายตามบิดากับพี่ชายไปเช่นกัน!"

โจรผู้นั้นกล่าวจบก็เงื้อกระบี่หมายฟาดฟันลงกลางร่างของเยว่อันหนิง หากแต่ด้วยความรู้ที่เคยร่ำเรียนวิชากระบี่จากพี่ชายทั้งสองมาทำให้นางหลบพ้นคมกระบี่นั้นได้หวุดหวิด

"หนิงเอ๋อร์ หนีไป!"

ยังไม่ทันได้หันไปตอบกลับพี่หญิงสามคมกระบี่อ่อนของโจรผู้หนึ่งพุ่งมาจากด้านหลังนาง ปักเข้าขั้วหัวใจเยว่จินจินอย่างแม่นยำ

"พี่สาม! อึก!"

เยว่อุนหนิงไม่ทันระวังตัวจึงถูกฟันเข้าที่แผ่นหลังน้อยล้มหน้าคมำลงกับพื้นที่บัดนี้ชุ่มไปด้วยสีแดงของเลือดผู้บริสุทธิ์นับสิบชีวิต

ความเจ็บแปลบจากบาดแผลเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่จากนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความชาไปทั้งร่างกายเมื่อกระบี่นี้อาบไปด้วยยาพิษ

โจรชุดดำเจ้าของคมกระบี่เมื่อครู่ค่อย ๆ ก้าวเข้ามาหมายจะลงกระบี่อีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าร่างน้อย ๆ นี้สิ้นลมหายใจแน่แท้ หากแต่เสียงฝีเท้าม้าเร็วกลับดังมาแต่ไกลทำให้โจรกลุ่มนี้ต้องล่าถอยก่อนที่จะถูกพบเข้า

ท้องฟ้าที่เคยสว่างปลอดโปร่ง บัดนี้กลับถูกปกคลุมไปด้วยเมฆครึ้มของพายุ เพียงไม่นานเม็ดฝนบนฟากฟ้าก็ค่อย ๆ ตกลงสู้พื้นดินราวกำลังชะล้างกลิ่นคาวเลือดนี้ให้หมดไป

"อึก!"

เยว่อันหนิงค่อย ๆ ได้สติจากเม็ดฝนที่ตกลงมาเปียกชุ่มร่างกาย ใบหน้าน้อยตั้งขึ้นทอดสายตามองบนพื้นที่เต็มไปด้วยร่างที่ไร้วิญญาณของผู้ร่วมเดินทาง ดวงตาสีอ่อนมองเห็นร่างของพี่สามอยู่ไม่ไกลจึงกัดฟันคลานเข้าไปหา

"พ..พี่...สาม"

เรี่ยวแรงนางอ่อนล้าเต็ม พิษจากคมกระบี่กำลังฝังเข้าสู่เส้นเลือดของนาง อีกไม่นานเด็กน้อยนางนี้คงสิ้นใจตามทุกคนไป

"ท่า...น พ่อ..."

สายตาดรุณีน้อยฝ้าฟางจนมองเห็นภาพลวงตาตรงหน้าเป็นบิดาที่คิดถึงกำลังยื่นมือมาหานาง

อา...หรือว่าท่านพ่อกับพวกพี่ใหญ่กำลังมารับนางไปอยู่ด้วย

อืม... เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว นางไม่อยากมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวบนโลกที่เน่าเฟะใบนี้

หมับ!

"แม่นางน้อย แม่นางน้อย"

'เสียงใครกัน พี่สามหรือ นางกำลังเรียกข้าอยู่ใช่หรือไม่'

"พานางกลับหุบเขาก่อน"

ร่างเล็กค่อย ๆ ลอยสูงจากพื้นดินด้วยอ้อมกอดของใครบางคน

ไม่นานสติที่เหลือน้อยนิดของเยว่อันหนิงก็ดับลง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel