บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

“ผมรับคำขอโทษของคุณ” วอร์เรนตอบหยิ่ง ๆ พร้อมกับปล่อยมือผู้ชายคนนั้นออกเกือบจะในทันที

“ขอบคุณครับ คุณ... ขอโทษ คุณชื่ออะไรนะครับ?” รอยยิ้มกระจ่างอยู่บนใบหน้าของมิทช์ เบรเดน ซึ่งทำให้รอยตรงมุมปากกดลึกลงกว่าเดิม มันเป็นเสน่ห์ที่ร้ายกาจอย่างที่ซูซานคิดไว้จริง ๆ

“ซูลลิแวน... วอร์เรน ซูลลิแวน” เป็นคำตอบที่ไม่เต็มใจเลยสักนิด

มันเป็นขณะเดียวกันที่วอร์เรนปล่อยมือจากการสัมผัสลงเขาจึงมิได้สังเกตเห็นประกายที่พราวขึ้นในดวงตาของมิทช์ เบรเดน อย่างที่ซูซานเห็น ยามที่เขาตวัดสายตามองมาทางเธอ

“ผมคิดว่าคุณคงไม่ต้องการให้ผมพูดเลยนะครับ ว่าเพื่อนสาวของคุณเป็นผู้หญิงที่มีความสวยล้ำเลิศขนาดไหน คุณซูลลิแวนซึ่งเห็นชัดอยู่แล้วว่าคุณมีโอกาสที่วิเศษที่สุดทีเดียวที่ได้ชื่นชมกับความสวยของเธอ นอกเสียจากเมื่อครู่ก่อนที่ผมนั่งจับตามองดูอยู่ด้วยความรู้สึกที่ชื่นชมด้วยอย่างแท้จริง นาน ๆ ครั้งนะครับที่เราจะได้พบผู้หญิงที่สวยทั้งหน้าตาและรูปร่างอย่างนี้

ซูซานสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยว่าจะได้ยินคน ๆ นี้พูดจาอะไรออกมาอย่างกล้าหาญขนาดนั้นวอร์เรนเองก็ดูเหมือนจะนั่งอึ้งตะลึงตะไลไปด้วยเหมือนกันกับการพูดทื่อ ๆ ของเขา

“ คุณเบรเดนครับ” เขาพูดอย่างตัดรอน “ผมไม่ชอบคำพูดของคุณเลย”

คิ้วสีน้ำตาลแกมทอง ซึ่งเป็นสีเดียวกันกับเรือนผมของมิทซ์ เบรเดนเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ

“ เอ๊ะ นี่คุณไม่คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างสวยล้ำเลิศเลยจริง ๆ น่ะหรือครับ ผมกล้าพูดได้เลยว่า เธอเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างสมสัดส่วนอย่างที่สุดที่เคยพบมา เอ ... แต่ว่าอาจจะเป็นเพราะว่าคุณคงไม่ได้สังเกตสังกาอะไรในตัวเธอก็ได้ ... ”

“ซูซานเป็นผู้หญิงที่สวยมาก” วอร์เรนขัดขึ้นอย่างโกรธ ๆ ดวงตาเป็นประกายกล้าด้วยฤทธิ์โทสะ “แต่ว่าผมไม่พอใจที่ได้ยินคุณมาพูดจาอะไรทำนองนี้”

“อ้อ... ครับ” มิทช์ขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สงบกว่า ดวงตาที่ฉาบอยู่ด้วยแววหัวเราะนั้นเหลือบมองมาทางซูซาน และดูเหมือนจะจับสังเกตใบหน้าที่แดงขึ้นได้ด้วย ยามที่เขามองหน้าเธออยู่นั้น มิทช์ เบรเดนมิได้พยายามที่จะซ่อนเร้นปิดบัง แววเยาะหยันกึ่งล้อเลียนเหมือนเด็ก ๆ ที่ไม่รู้ประสีประสาเลยด้วยซ้ำ “ก็แปลว่าคุณกลัวว่าเธอจะเหลิงกับคำอภินันทนาการมากเกินไปสินะครับ? ก็น่าเห็นใจอยู่หรอก เพราะว่าเธอเป็นคนสวยจริงๆ” เขาตวัดสายตากลับไปมองหน้าวอร์เรนที่แสดงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “ซูซาน...เมื่อครู่นี้คุณเรียกชื่อเธอว่าซูซานใช่ไหมครับ?”

“เขาชื่อซูซาน ซูลลิแวน...เป็นภรรยาผมอยู่แล้ว” วอร์เรนกระแทกเสียงใส่

ทั้ง ๆ ที่ใจหนึ่งก็อดที่จะขุ่นขี้งอยู่กับที่ผู้ชายคนนี้ มีความตั้งใจที่จะยั่ววอร์เรนให้โกรธด้วยคำพูดอยู่ตลอดเวลา แต่ซูซานก็พบว่าตัวเองแอบซ่อนรอยยิ้มไว้ในใบหน้า ลักยิ้มที่กดลึกอยู่จางหายไปในทันทีที่ได้ยินวอร์เรนประกาศออกมาเช่นนั้น

“อา... ก็ต้องขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ” มิทช์ เบรเดนกลับตอบรับคำพูดประโยคนั้นง่าย ๆ คุณเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดเลยครับ คุณซูลลิแวน”

“ขอบใจ” วอร์เรนกระชากเสียงตอบ

เมื่อมิทช์ เบรเดนหันไปมองทางซูซานอีกครั้งนั้น แววในดวงตาคู่สีฟ้า สำแดงออกถึงความเสียดายที่เธอแต่งงานเสียแล้ว แต่รอยยิ้มบนใบหน้าก็คล้ายจะพูดอะไรที่มากกว่านั้น

“ถ้าเช่นนั้น ผมขอเลี้ยงเครื่องดื่มคุณทั้งสอง เพื่อเป็นการอวยพรแก่คู่สมรสที่มีความสุขที่สุดได้ไหมครับ?” เขาสำแดงน้ำใจพร้อมด้วยรอยยิ้ม

หัวใจของซูซานสะท้านขึ้นมาอีกแล้ว

“โอ ไม่ต้องหรอกค่ะ ขอบคุณมาก คุณเบรเดน” เธอรีบปฏิเสธออกไปอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า

“เรากำลังจะเข้าไปทานอาหารกันอยู่แล้ว” วอร์เรนช่วยเสริม “และผมก็ต้องขอบใจคุณเช่นเดียวกัน”

มิทช์ เบรเดนส่ายศีรษะช้า ๆ อย่างยอมรับในคำปฏิเสธ

“ที่ผมอยากทำอย่างนั้น ก็เพื่อที่จะได้ทำอะไรเพื่อเป็นการทดแทนที่ตัวเองได้แสดงมรรยาทไม่ดีออกไปเมื่อสักครู่นี้เท่านั้นเอง”

วอร์เรนผุดลุกขึ้นยืน ซึ่งออกจะสร้างความแปลกใจให้กับซูซานอยู่ที่ได้เห็นว่า เขาสูงกว่ามิทซ์ เบรเดนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นด้วยท่าทางที่เขายืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าโต๊ะ ทำให้เธอเหมาเอาว่าเขาน่าจะมีเรือนกายที่สูงกว่าวอร์เรน แต่ถึงอย่างไรท่าทางของมิทซ์ก็ยังอ่อนโยนสุภาพกว่าอยู่นั่นเอง

“เราก็ยอมรับในคำขออภัยของคุณแล้วนี่นะ คุณเบรเดน” วอร์เรนตอบด้วยน้ำเสียงชาเย็น เอื้อมมือมาแตะไหล่ซูชานเร่งให้เธอลุกขึ้น “ขอโทษด้วยนะ”

“เชิญครับ”รอยยิ้มนั้นเหมือนจะตราติดอยู่บนใบหน้าของมิทช์ ตลอดเวลา ดวงตาที่เปี่ยมประกายแพรวพราว จรดจ้องบุคคลทั้งสองอยู่ตลอดเวลา “ผมหวังว่าคุณทั้งสองจะมีชีวิตสมรสที่เป็นสุขและยั่งยืนนานด้วยนะครับ เพราะถ้ามิได้เป็นเช่นนั้นแล้ว ... ” ดวงตาที่แฝงเลศนัยปรายมาทางซูซาน “ผมก็หวังว่าจะได้เป็นผู้ประสานชิ้นส่วนที่สลายแล้วด้วยตัวเองเท่านั้น”

ซูซานเกาะแขนวอร์เรนไว้กระชับเมื่อกล่าวตอบว่า

“เราจะต้องมีชีวิตแต่งงานที่มีความสุขแล้วก็ราบรื่นแน่ค่ะคุณเบรเดน สวัสดี”

วอร์เรนผงกศีรษะให้กับมิทช์ เบรเดนอย่างหยิ่ง ๆ ก่อนที่จะเดินนำซูซานตรงไปยังประตูห้อง กล้ามเนื้อตรงต้นแขนของเขาเครียดเขม็ง ซึ่งเธอแน่ใจอย่างที่สุดว่ามันเกิดจากการที่เขาพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ไว้อย่างสุดความสามารถ และไม่เป็นการจำเป็นเลยที่เธอจะต้องหันกลับไปมองทางเบื้องหลัง เพราะรู้อยู่แก่ใจ ว่ามิทช์ เบรเดน จะต้องมองตามมา

หลังจากที่พ้นออกมาเสียได้จากห้องนั้นและมิทช์ เบรเดนแล้ว อารมณ์ของวอร์เรนจึงผ่อนคลายลง

“ไอ้บ้านั่นมันเหลือทนจริง ๆ ” เขาคำรามออกมา “ทั้ง ๆ ที่มันขอโทษ แต่ก็ยังพยายามจะขโมยคุณไปจากผมต่อหน้าต่อตายังงั้นแหละ มันไม่ได้สะดุ้งสะเทือนสักนิด ทั้ง ๆ ที่ผมพูดกับมันว่า คุณเป็นภรรยาผม”

“รู้สึกว่าออกจะเป็นคำพูดที่ค่อนข้างรุนแรงอยู่สักหน่อยเหมือนกันนะคะ” ซูซานพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ ฉันหมายถึงว่าเราเองก็ยังไม่ได้แต่งงานกันจริ งๆ สักหน่อย”

“ที่มันเป็นอย่างนั้นก็เพราะว่าตอนนี้มันยังไม่สะดวกที่เราจะแต่งงานกันน่ะสิ” วอร์เรนพูดห้วน ๆ “แล้วเดือนสิงหามันก็อีกแค่ 2 เดือนเท่านั้น ซึ่งเราก็กำหนดไว้แล้วว่าจะแต่งงานกันตอนนั้น”

“ค่ะ” ซูซานคล้อยตาม แต่คำเท็จที่วอร์เรนกล่าวออกไปก็ยังรบกวนจิตใจเธออยู่ดี

แต่วอร์เรนก็ยังพูดต่อราวกับมิได้ยินคำตอบจากเธอ

“คุณรู้ไหมว่า นี่เป็นครั้งแรกนะ ที่ผมอยากจะชวนมันออกไปต่อยกันข้างนอก นับตั้งแต่สมัยที่ผมอยู่ไฮสกูลแล้วก็ซัดกับไอ้เจ้าถิ่นมาแล้ว”

มันเป็นเรื่องเล่าที่เธอเคยได้ยินได้ฟังมานับครั้งไม่ถ้วนดังนั้นซูซานจึงเพียงแต่พยักหน้ารับ รู้สึกดีใจอยู่เงียบ ๆ ที่วอร์เรนมิได้เล่าถึงเหตุการณ์ครั้งสำคัญในชีวิตนักศึกษาครั้งกระนั้นให้เธอฟังอีก วอร์เรนเป็นตัวสร้างความรำคาญให้เธอกระนั้นหรือ? เรื่องเล่าของเขาน่าจะเป็นเรื่องที่ชวนขบขันเสียละมากกว่า เมื่อนึกถึงว่า เขาเป็นคนที่พยายามรักษาความสุภาพ ทำตัวอย่างเหมาะสมอยู่ตลอดเวลาเพียงใด ซึ่งทำให้เธออยากจะเปล่งเสียงหัวเราะออกมาดัง ๆ

“ลืมเรื่องผู้ชายคนนั้นเสียเถอะค่ะ” เธอเอ่ยขึ้น แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมตัวเองถึงทำอย่างที่พูดออกมาไม่ได้

“ที่คุณพูดมามันก็ถูกนะ” ริ้วรอยของความขุ่นขึ้งเลือนหายไป เมื่อวอร์เรนโน้มใบหน้าลงมาหาเธอ “ไม่มีประโยชน์ที่จะให้ความหยาบคายของมันมาทำลายความสุขในยามค่ำวันนี้ของเราเลย เราจะทานอาหารกันที่นี่อย่างตั้งใจกันไว้ตั้งแต่แรกหรือเปล่าล่ะ? แต่ผมไม่คิดว่ามันจะตามเข้ามารังควานเราอีกหรอก”

ซูซานไม่ใคร่จะแน่ใจอย่างที่วอร์เรนพูดนัก แต่ถึงอย่างไรเธอก็จำเป็นจะต้องคล้อยตามข้อเสนอของเขาอยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้นเธอบอกกับตัวเองขณะ ที่พนักงานเสิร์ฟในห้องรับประทานอาหารเดินนำไปยังโต๊ะว่า เธอควรจะมองทุกสิ่งทุกอย่างในด้านที่สดใสมิใช่จมปลักอยู่กับความคิดถึงเหตุการณ์ที่มันบังเอิญเกิดขึ้นเช่นนั้นอย่างน้อยในตอนนี้เธอก็พอจะอ่านออกแล้วว่า วอร์เรนเป็นคนขี้หึงอยู่ แม้ว่าในหลาย ๆ ครั้งเขาจะเป็นคนค่อนข้างสำรวมจนเธอไม่แน่ใจเลยว่า เสน่ห์ของตัวเองจะปลุกเร้าอารมณ์ของเขาให้ตื่นขึ้นได้บ้างหรือไม่ก็ตาม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel