บท
ตั้งค่า

บทที่ 4

เสียงอึกทึกโวยวายอยู่ด้านนอกจวนสกุลหลิน ขบวนขันหมากสู่ขอเจ้าสาวมารอรับหลินลู่ซิงอยู่ที่ด้านหน้าประตูเรียบร้อยแล้ว หลินคุนรับหน้าที่จูงมือน้องสาวขึ้นเกี้ยวโดยมีเซี่ยเฟยหรงขี่ม้านำอยู่หน้าขบวน

พิธีการของบ่าวสาวผ่านไปได้ด้วยดี หลังจากเสร็จพิธีการ หลินลู่ซิงถูกพามานั่งรอในห้องหอเพียงลำพัง ส่วนเซี่ยเฟยหรงออกไปต้อนรับแขก กว่าที่จะกลับเข้ามาที่ห้องก็ค่อนข้างนานพอสมควร

หลินลู่ซิงแม้จะหิวมาก แต่นางถูกอบรมมาอย่างดี จึงทำได้เพียงนั่งรอเขาอย่างสงบ

นางเผลอหลับไปโดยไม่รู้ว่ายามใดที่เขากลับมา เซี่ยเฟยหรงผลักประตูเข้ามาจนกระทบกับผนังเสียงดังจนนางตื่น กลิ่นสุราคละคุ้งมาตามสายลม เขาเดินโซเซไปมาในชุดเจ้าบ่าว เขาเดินโซเซจนแทบจะล้มไปทางใดทางหนึ่ง

หลินลู่ซิงลอบมองจากพื้นก็รู้ว่าเขาคงจะดื่มสุรามามาก เขาเดินเข้ามาใกล้และกระชากผ้าคลุมหน้าของนางออกและเหวี่ยงมันลงไปที่พื้น

“เจ้ายังรอข้าอยู่อีกหรือ” เซี่ยเฟยหรงยื่นหน้าเข้ามาใกล้มาก มากเสียจนหลินลู่ซิงเขินอายและสั่นสะท้านไปทั้งตัว

“งั้นเราก็มาเริ่มกันเลยเถิดน้องหญิง” เซี่ยเฟยหรงจับนางกดลงไปบนเตียง และจุมพิตลงที่ซอกคอของนาง

ขณะเดียวกันประตูก็ถูกปิดลงจากคนที่อยู่ด้านนอก เซี่ยเฟยหรงปรายตาหันไปมอง เขารู้ดีว่าคืนนี้เขาจะต้องถูกจับตามองจากทั้งเฉินกงกง ที่มาร่วมงานและจากทั้งคนในตระกูลจึงต้องสร้างสถานการณ์ขึ้นมา

เซี่ยเฟยหรงรอสักพักจนแน่ใจว่าผู้คนที่แอบอยู่ด้านนอกออกไปหมดแล้ว จึงจะผละตัวออกจากนาง

หลินลู่ซิงเองก็จับสังเกตได้ จึงจ้องมองร่างที่คร่อมทับอยู่บนตัวนาง นางเป็นหญิงฉลาดพอจะคาดเดาได้ว่าหากนางจู่โจมก่อน เขาก็จะเป็นฝ่ายผละออกจากนางไปเอง พอเห็นเขามีทีท่าจะผละออกจากจึงทำให้นางเข้าใจว่าเขาก็ไม่ได้สนใจในสตรีเพศแต่อย่างใด

“ให้ข้าช่วยท่านเถิด” หลินลู่ซิงกระซิบอยู่ที่ข้างหูของเซี่ยเฟยหรง เขาที่ไม่ทันระวังกลับถูกนางจู่โจมก่อนจนหูทั้งสองข้างแดงก่ำ หลินลู่ซิงดันตัวขึ้นมานั่ง มือบอบบางทั้งสองของนางกำลังปลดเสื้อผ้าของเขาออกทีละชิ้น

เซี่ยเฟยหรงทนไม่ไหวจึงจับมือทั้งสองของนางไว้ “เจ้าจะทำอะไร” เขาโน้มตัวลงมากระซิบกระซาบกับนางบ้าง แต่ทว่านางกลับมีสีหน้าเรียบเฉย ราวกับไม่รู้สึกอะไร

“เดี๋ยวข้าจะส่งเสียง ส่วนท่านก็ถีบเตียงหลาย ๆ ที” หลินลู่ซิงพูดออกมาอย่างไม่กระดากอายจนเซี่ยเฟยหรงถึงกับตะลึง

“เหตุใดจึงต้องเสียเวลาทำเรื่องเช่นนั้นด้วยเล่า ในเมื่อทั้งข้าและเจ้าก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว”

“ท่านมิใช่...มิใช่นิยมชมชอบบุรุษหรอกหรือ” หลินลู่ซิงพยายามดึงมือของตนออกจากการเกาะกุม แต่มือใหญ่นั่นจับนางไว้มั่น

“มิใช่” เซี่ยเฟยหรงจุมพิตลงบนปากอิ่มของนาง หากเพียงเบา ๆ ก็ทำให้นางรู้สึกสะเทิ้มไปทั้งตัว “หากเจ้าไม่เชื่อข้าจะพิสูจน์ให้ดู”

เซี่ยเฟยหรงจุมพิตนางทั่วเรือนร่างของนางอีกครั้ง ตอนแรกเขาเพียงตั้งใจที่จะแกล้งนาง แต่ยิ่งนางดิ้นรนมากขึ้นเท่าไร เขาเองก็อยากจะควบคุมนาง หลินลู่ซิงไร้เรี่ยวแรงขัดขืน ร่างกายรู้สึกร้อนผ่าวเป็นไฟ ยิ่งเขาเลื่อนลงต่ำเท่าไร นางก็รู้สึกเอ่อล้นไปด้วยความพอใจ ที่สุดแล้วเขาก็มิอาจอดทนอดกลั้นได้อีกต่อไป และปล่อยตัวเองเผลอไผลไปกับนาง ฉับพลันความเจ็บปวดจากช่วงล่างก็เข้ามาแทนที่ นางกอดเขาแน่นและส่งเสียงอื้ออึง เซี่ยเฟยหรงจึงค่อย ๆ ถนอมนาง ความเจ็บปวดที่มีก็พลันหายไปเหลือเพียงแค่ความสุขสันต์

อากาศที่ร้อนอบอ้าวมาทั้งวันทำให้สายพิรุณแห่งวสันตฤดูค่อยโปรยปรายจากด้านนอก แต่ไม่อาจทำให้ไฟที่ลุกโชนภายในห้องนั้นดับลงไม่

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น สาวใช้ที่เห็นว่าเซี่ยเฟยหรงตื่นแล้วจึงนำน้ำสะอาดและเครื่องใช้เข้ามาให้ในห้อง เพื่อให้เขาชำระล้างและแต่งตัว เซี่ยเฟยหรงให้สาวใช้วางไว้และออกไปอย่างเงียบ ๆ เพราะหลินลู่ซิงกำลังนอนหลับอยู่

เขาปลุกนางอย่างแผ่วเบา “ลู่ซิง...ตื่นได้แล้ว เราต้องไปเคารพท่านย่าและท่านพ่อท่านแม่”

หลินลู่ซิงได้ยินเสียงปลุกก็รีบตื่นขึ้นมาและทำความสะอาดร่างกาย นางช่วยสามีแต่งตัวและรีบออกไปคารวะผู้ใหญ่ในบ้าน ตั้งแต่ตื่นมาเขาก็เอาแต่จ้องหน้านาง จนนางต้องเอ่ยถาม “ข้ามีอะไรติดที่ตรงหน้าหรือ”

“ไม่มี” เซี่ยเฟยหรงยิ้มมุมปาก “เมื่อคืนเจ็บหรือไม่”

ครานี้หลินลู่ซิงไม่ตอบแถมก้มหน้าก้มตาเดินต่อไป

ไท่ฟูเหริน ‘เซี่ยเจิน’ ย่าของเซี่ยเฟยหรง นั่งรออยู่กับแม่ทัพเซี่ย ‘เซี่ยหวงจ้าน’ ผู้เป็นบิดา และ เซี่ยฟูเหริน นามเดิม ’ต้วนซินอี๋’

สายตาของคนสกุลเซี่ยดูอ่อนโยนและเป็นมิตรกับนาง โดยเฉพาะไท่ฟูเหริน คงเป็นเพราะเซี่ยเฟยหรงเป็นหลานคนโปรดของนาง และความสัมพันธ์ของสองตระกูลในครั้งเก่าก่อน ทำให้นางเอ็นดูหลานสะใภ้ยิ่งนัก

เข้าจวนสกุลเซี่ยวันแรก หลินลู่ซิงก็ได้ของรับขวัญสะใภ้มาเป็นกอบเป็นกำ ดูท่าคนสกุลเซี่ยคงมีนิสัยใจคอกว้างขวาง ชอบใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือยเป็นแน่แท้

แต่สิ่งที่ดูจะหนักอกหนักใจหลินลู่ซิงเป็นที่สุด ก็คือกฎสกุลเซี่ย บันทึกกฎเล่มหนาถูกส่งให้หลินลู่ซิงตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ นางจำเป็นต้องอ่านและจำให้ได้เร็วที่สุด ไท่ฟูเหรินได้ฝากฝังให้หวงหมัวมัวผู้รับใช้คนสนิทของนางเป็นผู้อธิบายในตัวกฎให้หลินลู่ซิงฟัง ที่จริงก็คงจะไม่ยากอะไร แต่นี่กฎกลับมีข้อห้ามมากมายถึงสามร้อยข้อ

สกุลเซี่ยก็คงไม่ต่างอะไรจากค่ายทหารชั้นดีนี่เอง

หลังจากเสร็จพิธีแล้วเซี่ยเฟยหรงพานางกลับที่ห้องพักที่เรือนซินอี๋ เขามีอาการเย็นชาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อพ้นจากบิดามารดาและย่าของเขา

บรรยากาศในห้องที่เคยอบอุ่นเมื่อคืน กลับกลายเป็นเยือกเย็น หลินลู่ซิงเพิ่งจะสังเกตุการตกแต่งในห้องของนาง ดอกไม้ถูกนำมาวางประดับอย่างสวยงาม รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของนาง ไม่ว่าจะเป็นชาดทาปาก เครื่องประทินผิว เครี่องประดับ ล้วนเป็นของใหม่และมีราคา เกรงว่าบุรุษหน้าน้ำแข็งตรงหน้าคงมิใช่ผู้จัดเตรียมสิ่งของสวยงามพวกนี้หรอกกระมัง

“ต่อไปคงต้องฝากเจ้าดูแลจวนนี้แทนข้า เรื่องในจวน หากสงสัยให้ถามข้าก่อน หรือถ้าหากหาข้าไม่อยู่ให้ถามท่านแม่หรือท่านย่า พวกนางจะมีคำตอบให้เจ้าเสมอ” เซี่ยเฟยหรงมองสตรีที่นั่งนิ่งอยู่ตรงหน้า

“ระยะนี้ข้ามีงานที่ต้องทำ ต้องใช้ความสงบ และข้าจะไปนอนที่เรือนคุณธรรม” เขาสังเกตอาการของนางอยู่เรื่อย เมื่อเห็นว่านางมีสีหน้าที่รู้สึกผิดหวังจึงเอ่ยขึ้น “เจ้าสามารถทำสิ่งที่อยากทำได้ทั้งหมดแต่ต้องไม่ขัดกับกฎสกุลเซี่ย และหากเจ้าต้องการสิ่งใด ให้คนไปตามข้าได้ที่เรือนคุณธรรมทุกเมื่อ”

หลินลู่ซิงพยักหน้าครั้งหนึ่ง แต่สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความข้องใจ นางทำสิ่งใดผิดหรือ เพียงแค่เข้าหอได้คืนเดียวก็แยกห้องนอนเสียแล้ว

“มีสิ่งใดอยากถามงั้นหรือ” เซี่ยเฟยหรงดูออก เพียงแค่เขาไม่รู้ว่านางจะถามเรื่องอันใด

“ข้าอยากทราบว่า เมื่อคืนข้าปรนนิบัติท่านขาดตกบกพร่องหรือไม่”

“ที่แท้เจ้าก็กังวลเรื่องนี้” เซี่ยเฟยหรงจ้องหน้านางแล้วจึงยิ้มโดยไม่ตอบอะไร

เขารีบออกไปจากห้องอย่างรวดเร็วหลังจากพูดจบ และไม่รอให้นางถามอะไรมากไปกว่านี้ ปล่อยให้หลินลู่ซิงยังค้างคาใจโดยไร้คำตอบ

เซี่ยเฟยหรงออกจากเรือนมุ่งตรงไปที่สำนักตรวจสอบเพื่อสะสางงานที่ค้างไว้ หวังตั๋วติดตามเขามาด้วย ที่จริงต้องเรียกว่าติดตามไปทั่วทุกหนแห่ง ยกเว้นก็คงจะมีแค่เพียงตอนเข้าห้องหอเท่านั้นกระมัง

หวังตั๋วเองก็ไม่เข้าใจ ภรรยาของเจ้านายเขาก็งดงามหาที่ติไม่ได้ ไม่ว่าจะหน้าตาหรืออุปนิสัย ล้วนแล้วช่างเป็นกุลสตรีที่หาได้ยาก แต่เหตุใด เขาจึงเลือกที่จะออกนอกจวนมาทำงานตั้งแต่เข้าหอเสร็จวันแรก

“...” สีหน้าของหวังตั๋วได้พูดมันออกมาหมดแล้ว

“ดูเจ้าจะเป็นห่วงเป็นใยฟูเหรินน้อยมากกว่าข้าเสียอีกนะ อาตั๋ว” เซี่ยเฟยหรงชำเลืองปลายตามาที่หวังตั๋ว

“มิได้คุณชาย... ข้าเพียงแต่คิดว่าท่านควรพักอีกสักหน่อย” หวังตั๋วรีบแก้ตัวต่อนายของเขา

“อืม...ถ้าเจ้าอยากพัก เสร็จจากตรงนี้เราก็กลับจวนกันเร็วหน่อย”

“ขอรับ”

ที่จริงคนที่อยากพักไม่ใช่หวังตั๋วหรอก หากแต่เป็นตัวเขาที่อยากรีบกลับบ้าน

สำนักตรวจสอบนี้ฮ่องเต้หลี่หมิงซื่อเป็นผู้ดำริให้ก่อตั้งขึ้น เพื่อตรวจสอบขุนนางที่คิดฉ้อราษฎร์บังหลวง และรวมถึงกบฏแอบแฝง เดิมทีผู้ตรวจการคนก่อน ‘จางหลิงปั๋ว’ ผู้เป็นอาจารย์ของเซี่ยเฟยหรง เป็นหัวหน้าและคอยดูแลอยู่ แต่ตอนหลังเขามีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง กอปรกับอายุมากแล้ว จึงได้ถอนตัวและลาออกจากราชการไปใช้ชีวิตบั้นปลายในชนบท ฮ่องเต้จึงส่งต่ออำนาจให้แก่ลูกศิษย์ของเขานั่นก็คือ เซี่ยเฟยหรง

ถึงแม้ว่างานของเขาจะเน้นที่การตรวจสอบเกี่ยวกับราชวงศ์และวังหลวง แต่งานเอกสารที่เกี่ยวข้องนั้นก็มีมากพอสมควร เขาต้องใช้เวลามากในการตรวจสอบแต่ละคดี เพราะมีเอกสารประกอบที่ต้องนำมาจับต้นชนปลาย

ปกติเซี่ยเฟยหรงทำงานละเอียดแม่นยำ และรวดเร็ว แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด วันนี้ทั้งวันเขาถึงไม่สามารถจดจ่อกับงานตรงหน้าได้

เขาเผลอคิดถึงกลิ่นหอมดอกไม้ที่ติดตัวนาง ผมยาวสลวยและผิวที่นุ่มเนียนของนางทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์ ดวงหน้าน้อยที่มีสีหน้าจะกังวลว่าเขาจะหายไปนั่นอาจจะเป็นสาเหตุทำให้เขาไม่เป็นอันทำงาน

“คุณชาย...” หวังตั๋วโบกมือไปมาอยู่ที่หน้าของเขา เซี่ยเฟยหรงเริ่มได้สติ “วันนี้เรากลับกันก่อนเถอะ

“ขอรับ”

กว่าที่จะออกจากสำนักตรวจสอบก็เป็นช่วงยามจื่อแล้ว เซี่ยเฟยหรงกลับมาถึงก็ตรงไปที่เรือนหอ หลินลู่ซิงหลับไปตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ นางคงคิดว่าเขาจะไม่กลับมานอนที่เรือนจึงเลือกที่จะไม่รอและนอนหลับอย่างสบายใจ

เซี่ยเฟยหรงเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวจะเข้านอน แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงของหลินลู่ซิงร้องออกมา

“ซาลาเปาไส้ผัก ไส้เนื้อ เอามาเยอะ ๆ เลย” มือทั้งสองของหลินลู่ซิงพยายามคว้าบางสิ่งในอากาศ

เซี่ยเฟยหรงที่นั่งลงข้างเตียง มองดูนางแล้วก็นึกขัน

แต่คาดไม่ถึงว่านางจะดึงหน้าของเข้าโน้มลงมา และดูดกลืนปากเขาอย่างเมามัน จนเขาเกือบเผลอไผล

“ซาลาเปาอร่อยจัง ข้าจะกินอีก” หลินลู่ซิงละเมอกินซาลาเปาในฝัน แต่ซาลาเปาที่ว่านั่นคือปากของเซี่ยเฟยหรง

“ในเมื่อเจ้าอยากกินอีก ข้าก็จะให้เจ้ากิน” เขาโน้มตัวลงไปจุมพิตนาง บดขยี้ริมฝีปากอวบอิ่มจนแดงช้ำ ซาลาเปาในฝันของหลินลู่ซิงมีรสชาติที่แปลกประหลาดไปจากเดิม เพราะมีหวานหอมและเผ็ดร้อน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel