บทที่่ 5
หลินลู่ซิงรู้สึกว่าห้องนอนของนางอบอุ่นเป็นพิเศษ ทั้งผ้าห่มผืนหนาและหมอนข้างที่นางกอดก่าย เมื่อคืนนางฝันว่าได้กินซาลาเปาลูกใหญ่ที่รสชาติกลมกล่อม จนอยากจะตื่นขึ้นมารีบบอกให้พ่อครัวทำซาลาเปาให้นาง
เซี่ยเฟยหรงรู้สึกตัวตื่นก่อนแล้ว เขาจ้องมองนางที่อยู่ในอ้อมกอด ผิวขาวเนียนและใบหน้าที่งดงามยังซุกไซ้แผ่นอกหนาของเขาราวกับเด็กน้อยที่หนาวสั่น เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อคืนเขาถึงอยากจะกลับมาที่เรือนนี้
คงอาจจะเป็นเพราะอยากจะดูว่านางปรับตัวเข้ากับสถานที่ได้หรือไม่เท่านั้น
“ลู่ซิง..” เขาเอ่ยเรียกนางเพียงเบาก็ทำให้นางรู้สึกตัวเสียแล้ว
“อื้อ...ท่านพ่อซิงเอ๋อร์ขอนอนตอนอีกสักนิด” นางเอ่ยทั้งที่ยังไม่ลืมตาแถมกอดเขาไว้แน่นกว่าเดิม
ตอนนี้หลินลู่ซิงเริ่มรู้สึกตัวแล้ว เดี๋ยวก่อนนะ ข้าแต่งงานแล้วนี่ ถ้าอย่างนั้นนี่ก็...
นางสะดุ้งสุดตัวและดึงผ้าห่มมาปกปิดร่างกาย ที่แท้นางก็นอนกอดเขาทั้งคืน แล้วซาลาเปาเมื่อคืนเล่า...
“เจ้าจะนอนต่ออีกสักหน่อยก็ได้” เซี่ยเฟยหรงจัดแจงเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยจากฝีมือของนางเมื่อคืนให้เข้าที่ “ข้ามีงานที่ต้องรีบทำ” พูดจบเขาก็รีบออกไปจากห้องทั้งชุดนอนโดยที่ไม่ได้หันมามองนางอีก
หวังตั๋วที่รออยู่หน้าห้องตั้งแต่เช้าก็ตกใจที่เห็นเซี่ยเฟยหรงเดินออกมาจากห้องทั้งที่ยังไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย
“คุณชาย...” หวังตั๋วเอ่ยขึ้นเพื่อจะถาม แต่เซี่ยเฟยหรงชิงตอบเสียก่อน “ไปที่เรือนคุณธรรม เจ้าให้คนของสำนักตรวจสอบส่งรายงานมาที่นี่
“ขอรับ” หวังตั๋วรับคำสั่งและกำลังจะรีบเดินออกไป แต่เซี่ยเฟยหรงหยุดเขาไว้ก่อน
“ให้พ่อครัวทำซาลาเปาส่งไปให้ฟูเหรินน้อยด้วย”
“...” หวังตั๋วรับคำและรีบไปจัดการตามคำสั่ง
ตอนนี้จวนสกุลเซี่ยเต็มไปด้วยเรื่องซุบซิบเกี่ยวกับเจ้านาย พวกบ่าวไพร่ที่เห็นเซี่ยเฟยหรงเดินออกมาทั้งชุดนอนจากห้องของฟูเหรินน้อยก็พากันล่ำลือว่าอีกไม่นานสกุลเซี่ยคงมีข่าวดี ส่วนข่าวลือที่เขาเป็นนิยมชายนั้นได้หายไปจนหมดสิ้น
ไท่ฟูเหรินได้ฟังรายงานจากหวงหมัวมัวก็รู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยหลานชายสุดที่รักก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ผู้คนร่ำลือ เห็นทีจะต้องตกรางวัลหลานสะใภ้คนนี้อย่างงาม
ซาลาเปาหลากหลายไส้ถูกนำไปส่งให้หลินลู่ซิงที่เรือน ทันทีที่ได้รับมัน นางรู้สึกกระดากอายอย่างเห็นได้ชัด เมื่อคืนนางทำเรื่องน่าอาย อีกทั้งเขายังจำมันได้ แถมส่งของมาล้อเลียนนางอีก ป่านนี้คนในจวนคงรู้เรื่องของนางหมดแล้ว แบบนี้นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้
“เสี่ยวหลัน...เจ้าไปสืบมาว่าในเรือนลือกันว่าอย่างไรบ้าง” หลินลู่ซิงอยากรู้ว่าผู้คนจะรู้เรื่องที่นางละเมอถึงซาลาเปาหรือไม่ ผู้คนคงพากันคิดว่านางตะกละตะกลามเป็นแน่
หลินลู่ซิงหาได้ยอมเสียเปรียบอยู่ฝ่ายเดียวไม่ นางให้อาหลิง สาวใช้ของสกุลเซี่ยที่มีหน้าที่ดูแลนาง นำเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่เมื่อวานไปส่งคืนที่เรือนคุณธรรม
หวังตั๋วรับเสื้อผ้ามาและนำไปให้เจ้านายของตน
เซี่ยเฟยหรงนึกขำ ที่แท้นางก็ไม่พอใจที่เขาส่งซาลาเปาไปให้นาง นางคงคิดว่าเขาต้องการแกล้งยั่วนาง นางจึงหาวิธีเอาคืนโดยบอกให้รู้ว่า เมื่อคืนเขาเป็นฝ่ายมาหานางเอง
หวังตั๋วแอบมองเจ้านายผู้แสนจะเย็นชาของเขา ตั้งแต่ได้เจอฟูเหรินจนกระทั่งวันนี้ ความเย็นชาที่สั่งสมมาค่อย ๆ ถูกละลายลง
นอกจากคนสนิทและผู้ติดตามที่ทำงานร่วมกันมา คงไม่มีใครรู้ว่าเขาเลือดเย็นเพียงใด หากแม้นต้องการสิ่งใด ย่อมต้องได้มาไม่ว่าวิธีใดก็ตาม
การที่เซี่ยเฟยหรงได้รับตำแหน่งสูงตั้งแต่อายุยังน้อย นั่นก็เพราะความเด็ดขาดและเลือดเย็นของเขา แน่นอนว่าฮ่องเต้ย่อมโปรดปรานเขามาก เช่นเดียวกับศัตรูที่เกลียดชังเขาเข้ากระดูกดำ
ขุนนางชั่วไม่น้อยที่ถูกเขาจัดการ เพียงเพราะมีพฤติกรรมที่ส่อแววสร้างความสั่นสะเทือนวังหลังและฮ่องเต้ ฉายา เพชฌฆาตหน้าหยก นั้นก็ไม่ได้ผิดจากความจริงสักเท่าใด
หลินลู่ซิงใช้เวลาช่วงบ่ายในการเรียนรู้กฎของสกุลเซี่ยกับหวงหมัวมัว อันที่จริงข้อห้ามทั้งหลายเป็นเพียงการป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับสกุลเซี่ยเท่านั้นเอง จะมีก็แค่เพียงข้อห้ามบ้างข้อที่ดูประหลาดไปเสียหน่อย อย่างเช่นเรื่องฉันสามีภรรยาที่ห้ามอนุออกงานโดยใช้ข้าวของและอาภรณ์เครื่องประดับที่มีค่าเกินกว่าภรรยาเอกใช้ ห้ามอนุมีปากเสียงกับภรรยาเอก ถ้าหากสืบได้ว่าอนุเป็นผู้เริ่มก่อนถือว่าผิดทุกกรณี กฎข้อนี้ดูเหมือนจะออกมาเพื่อเอาใจภรรยาเอกโดยเฉพาะ
แต่อย่างไรก็ดี ก็มีข้อห้ามเกี่ยวกับภรรยาเอก เช่น ห้ามรังแกอนุ และภรรยาเอกต้องดูแลบุตรและบุตรีของอนุ ให้เท่าเทียมกับบุตรและบุตรีของภรรยาเอกเป็นอย่างดี
นี่คงเป็นกฎเพื่อให้อยู่กันแบบปรองดองกระมัง
นอกจากนี้ยังเขียนถึงกฎกรณีหย่าร้างไว้อีกด้วย หลินลู่ซิงแสดงความสนอกสนใจข้อนี้เป็นอย่างมาก จนหวงหมัวมัวต้องปรามนาง
“ท่านเพิ่งจะแต่งเข้าสกุลเซี่ย ไม่ควรสนใจในเรื่องนี้เจ้าค่ะ มันไม่เป็นมงคล” หวงหมัวมัวเริ่มดุหลินลู่ซิง
“เปล่าเลย แม่นม ข้าเพียงแต่อยากรู้ว่า หากวันหนึ่งข้าทำไม่ถูกใจสามี เขาจะมีข้อใดยกมาอ้างกับข้าเพื่อขอหย่าหรือไม่”
“หากเป็นเพียงแค่ไม่ถูกใจ คงมิอาจพอให้หย่าได้เจ้าค่ะฟูเหรินน้อย” แม่นมกล่าวต่อ “เรื่องหย่ายังไม่ใช่เรื่องที่ท่านจำเป็นต้องเรียนรู้ในตอนนี้ บ่าวว่าท่านควรศึกษาเรื่องอื่นก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ”
“...” หลินลู่ซิงมิอาจเถียงแม่นมได้ นางจึงตั้งใจเรียนรู้เรื่องอื่นต่อไป
ราวกับถูกลงโทษที่ถามคำถามไม่ถูกใจแม่นม หลินลู่ซิงต้องคัดกฎตระกูลที่ได้เรียนรู้วันนี้ให้จบทั้งหมด และส่งให้แม่นมในวันถัดไป แถมแม่นมกำชับว่าจะขาดและเกินไม่ได้แม้เพียงสักตัวอักษร ไม่เช่นนั้นจะถูกลงโทษให้คัดซ้ำ
หลินลู่ซิงรู้สึกเหมือนนางถูกส่งไปอบรมในค่ายทหารก็มิปาน นางไม่น่าปากไวถามแม่นมเรื่องนี้เลย
เรื่องนี้รู้ไปถึงหูของเซี่ยเฟยหรงอย่างรวดเร็ว หวงหมัวมัวรายงานเซี่ยเฟยหรงเรื่องที่หลินลู่ซิงสนใจเรื่องการหย่าตั้งแต่สองวันแรกที่แต่งเจ้าสกุลเซี่ย นั่นทำให้เซี่ยเฟยหรงดูไม่สบอารมณ์สักเท่าใดนัก
“ขอบคุณหวงหมัวมัว” เซี่ยเฟยหรงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาไม่แสดงอาการอะไรให้แม่นมเห็น
ยังไม่ทันไรนางก็อยากจะหาเรื่องหย่ากับข้าแล้ว ดูท่าเจ้าคงไม่ใสซื่ออย่างที่คิดไว้
จริงอยู่ที่หลินลู่ซิงคิดเรื่องการหย่า แต่นั่นก็เพียงเพราะนางรู้สึกว่าสักวันเรื่องนี้คงมาถึงไม่ช้าก็เร็ว ในเมื่อเซี่ยเฟยหรงก็พูดเองตั้งแต่แรกที่เจอกับนาง ว่าเขาไม่อาจมีใจให้นางได้ แล้วหากหญิงผู้เป็นที่รักของเขาปรากฏตัว นางเองก็คงไม่พ้นต้องหลีกทางให้พวกเขาครองคู่กันอยู่ดี
เหตุใดนางต้องยอมทุกข์ทนเห็นสามีของนางครองรักกับหญิงอื่นด้วยเล่า มิสู้หย่าขาดและเริ่มต้นชีวิตใหม่ของนางที่ใดที่หนึ่งเสียยังดีกว่า
หลินลู่ซิงเหน็ดเหนื่อยจากการคัดกฎสกุลเซี่ยตลอดบ่ายจนกระทั่งค่ำ นางคิดว่าจะได้พักผ่อนหลังจากทำมันเสร็จ กำลังจะเตรียมตัวจะเข้านอน แต่จู่ๆ เซี่ยเฟยหรงก็มาปรากฏตัวที่เรือนของนาง
เขามีสีหน้าเย็นชา เรียบเฉย จนนางรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว นางไม่ได้เอ่ยอะไรกับเขา จนกระทั่งเขาเอ่ยขึ้นมา
“หวงหมัวมัวไม่ได้สอนเจ้าเรื่องการปรนนิบัติสามีหรอกหรือ เซี่ยลู่ซิง” น้ำเสียงค่อนขอดของเขาทำให้นางมองออกทันทีว่าเขาต้องการอะไร
นางเดินเข้าไปใกล้เขาและช่วยถอดเสื้อผ้าและรองเท้าออกโดยไม่รีรอ
“ข้าอยากแช่เท้าด้วยน้ำอุ่น”
“แต่ตอนนี้ดึกแล้ว บ่าวไพร่ก็พักผ่อนกันหมดแล้ว เป็นพรุ่งนี้ได้หรือไม่” หลินลู่ซิงเหนื่อยมากและไม่อยากรบกวนบ่าวไพร่ด้วย เพราะนางเองก็เป็นผู้มาใหม่ เกรงว่าบ่าวไพร่จะพากันไปพูดถึงในทางที่ไม่ได้
“แต่ข้าอยากแช่ตอนนี้” เซี่ยเฟยหรงยังยืนกรานเสียงแข็ง
“ถ้าอย่างนั้น ข้าจะไปเตรียมมาให้ท่านเอง” หลินลู่ซิงแม้จะเหน็ดเหนื่อยแต่ก็ไม่อยากจะมีปัญหากับเซี่ยเฟยหรงในตอนนี้ จึงเดินออกจากห้องไป
สักพักใหญ่นางเดินกลับมาก็พบว่าเขานอนหลับไปแล้ว หลินลู่ซิงไม่เข้าใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า เหตุใดเขาถึงได้เอาแต่ใจและมาหาเรื่องกับนาง ในเมื่อเขาพูดเองว่าจะไปนอนที่อื่น แต่กลับมาหานางในตอนนี้ หรือเขามีเรื่องไม่พอใจจากนอกบ้านที่ไม่รู้จะระบายกับใครถึงได้มาลงกับนาง
ช่างเถอะ ยังไงเสียเขาก็หลับแล้ว คิดเสียว่าไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ก็แล้วกัน
หลินลู่ซิงล้มตัวลงนอนข้าง ๆ เขา อาจเพราะความเหนื่อยล้านางจึงหลับทันทีที่หัวถึงหมอน
เซี่ยเฟยหรงตื่นก่อนนางและออกไปจากห้องตั้งแต่ตอนเช้า หลินลู่ซิงที่ตื่นในตอนหลังจำได้ว่านางนอนกอดเขาไว้แน่นทั้งคืน นางรู้สึกอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเวลาที่ได้นอนกอดเขา นั่นทำให้นางหลับสบายตลอดทั้งคืน
หวงหมัวมัวมาหานางแต่เช้า คงจะมาทางการบ้านที่สั่งไว้ แต่เหตุใดจึงรีบมาเสียตั้งแต่ตอนเช้าขนาดนี้
“ฟูเหรินน้อย ท่านทราบหรือไม่เหตุใดข้าจึงต้องมาหาท่านตั้งแต่ยามนี้” หวงหมัวมัวมีน้ำเสียงดุใส่นาง
“ไม่ทราบ เพราะเหตุใดหรือ” หลินลู่ซิงยังไม่ค่อยเข้าใจ จะมีเหตุใดนอกจากทวงงานที่นางสั่งไว้เล่า
“ข้าถูกตำหนิเพราะอบรมท่านไม่ดี ท่านรู้หรือไม่ภรรยาที่ดีต้องปรนนิบัติสามีเยี่ยงไร”
“ข้า...” หลินลู่ซิงถึงกับพูดไม่ออก นางถอนหายใจออกมาเบา ๆ
“วันนี้ข้าจะอบรมท่านเรื่องการปรนนิบัติสามี หวังว่าท่านจะเข้าใจและนำมันไปใช้” หวงหมัวมัวกำชับนางด้วยน้ำเสียงที่มีความห่วงใยเจือปน “ข้าเข้มงวดทั้งหมดก็เพื่อตัวท่านเองนะฟูเหริน”
“เข้าใจแล้ว เชิญแม่นมสั่งสอน” หลินลู่ซิงไม่ได้ว่าอะไร นางไม่เสียเวลาเถียงให้เหนื่อยเปล่า ลู่หลันมองดูนายหญิงด้วยความสงสารแต่ก็ไม่รู้จะช่วยอะไร
