๕.๑ รอยอดีต
๕
รอยอดีต
รัชภาคย์กลายเป็นแขกประจำของครอบครัวปริมา ไปเสียแล้วหลังจากที่ขอคบกับลูกสาวบ้านนี้ได้สำเร็จ ชายหนุ่มเข้ากับพ่อทองและแม่พิมได้เป็นอย่างดี และผู้ใหญ่ทั้งสองก็ไม่ขัดข้องที่รัชภาคย์จะคบหาดูใจกับปริมา ทางของเขาจึงเรียกได้ว่าสะดวกโยธิน รัชภาคย์สามารถเข้านอกออก ในบ้านของเธอได้อย่างไม่มีอุปสรรค
ทุกๆ เย็นเขาจะมาทานข้าวเย็นที่บ้านของเธอ และปริมาจะเดินออกมาส่งเขาที่หน้าบ้านทุกครั้งเมื่อชายหนุ่มจะกลับ รัชภาคย์ชอบช่วงเวลานี้มากที่สุดเพราะเขามักจะถือโอกาสดึงร่างบางเข้าไปกอดและประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากมนของเธอก่อนจะขึ้นรถเสมอ
เย็นวันหนึ่งรัชภาคย์บอกกับปริมาว่าจะพาเธอไปทานข้าวเย็นที่บ้านเพื่อพบพ่อแม่ของเขา ปริมาตกใจเล็กน้อยเพราะอดหวาดหวั่นไม่ได้ว่าผู้ใหญ่ฝั่งรัชภาคย์จะคิดอย่างไรกับลูกสาวชาวบ้านธรรมดาอย่างเธอ
หญิงสาวเลือกแต่งตัวด้วยชุดเดรสลายดอกไม้พิมพ์บนผ้าชีฟองหวานพลิ้ว เสื้อเป็นคอวีกุนขอบสีน้ำตาลตัดกับชุด แขนตุ๊กตา ช่วงชายกระโปรงชุดต่อเป็นระบายสองชั้นทำให้สวยหวานและเรียบร้อยเหมาะกับการไปพบผู้ใหญ่
รัชภาคย์มองสาวคนรักอย่างพึงพอใจ เมื่อมารับปริมาที่บ้าน
“น่ารักมากครับที่รัก” เขาเอ่ยชมด้วยรอยยิ้ม
“พ่อกับแม่ของพี่กันต์จะว่าอย่างไรบ้างก็ไม่รู้นะคะ” ปริมาเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกังวล
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ พ่อกับแม่ของพี่คงใจดีมากๆ”
“แต่พ่อกับแม่พี่กันต์คงอยากได้สะใภ้ที่เพียบพร้อมกว่าปริม”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ พี่รักใครพ่อกับแม่พี่ก็ต้องรักด้วย” ชายหนุ่มเอื้อมมือหนามาบีบมือบางอย่างให้กำลังใจ
รถของรัชภาคย์แล่นมาจอดยังหน้าบ้านหลังหนึ่งซึ่งใหญ่โตแทบจะเป็นคฤหาสน์ บ้านหลังนี้หญิงสาวจำได้ดีเพราะตอนที่เรียนอยู่รัชภูมิเคยพามาดูแต่ หญิงสาวปฏิเสธที่จะเข้าบ้านของเขาเพราะรู้ถึงความไม่เหมาะสม
ชายหนุ่มเดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้
“เชิญครับ ไม่ต้องกลัวนะ” เขาก้มลงมากระซิบอย่างให้กำลังใจอีกครั้งก่อนจะเดินนำเข้าไปในบ้าน ปริมาเดินตามเข้าไปกับเขาอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก เมื่อไปถึงที่โต๊ะอาหารมีคนนั่งรออยู่แล้วสี่คน ทุกคนต่างหันมามองที่เธอเป็นตาเดียวกันอย่างสนใจทำให้หญิงสาวอดเกร็งไม่ได้
“ปริมครับนี่พ่อกับแม่ของผม” รัชภาคย์เอ่ยแนะนำรู้จัก ปริมายกมือไหว้บุพการีของคนรักอย่างหวาดหวั่น เพราะหญิงสาวไม่รู้ว่าทั้งสองคนจะรู้สึกอย่างไรกับเธอ แต่สายตาที่มองอย่างเอ็นดูของผู้ใหญ่ทั้งสองก็ทำให้ปริมาหายใจสะดวกมากขึ้น
“คุณพ่อคุณแม่ครับนี่ปริมาแฟนผมครับ” ชายหนุ่มแนะนำหญิงสาวให้กับพ่อแม่ของเขาได้บ้าง คุณรัชดาผู้เป็นมารดาของรัชภาคย์กวาดตามองปริมาอย่างเพ่งพินิจอยู่ชั่วขณะหากแต่กิริยาและการวางตัวที่ดูเรียบร้อยก็ทำให้นางพอเบาใจลงได้บ้างเพราะถึงอย่างไรหัวอกผู้เป็นแม่ก็อดห่วงไม่ได้ว่าลูกชายจะได้ผู้หญิงที่ไม่ดีมาเป็นคู่ครอง
“ก้อง หนิง นี่ปริมแฟนพี่” เขาหันไปแนะนำกับอีกสองคน
‘ก้อง’ ชื่อนั้นทำให้ปริมาได้สติ ...ใช่สินะ... หญิงสาวบอกตัวเองเพราะมัวแต่ตื่นเต้นจนลืมไปว่าเธอจะได้พบเขาที่นี่
รัชภูมิมองปริมาอย่างตกตะลึง เขาแทบช๊อคที่เห็นได้เห็นหญิงสาวที่นี่ นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้เจอผู้หญิงน่ารักคนนี้ มันเป็นเวลามากกว่าห้าปีหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ในวันนั้นเขาก็ไม่เคยได้เจอเธอเลย จนกระทั่งวันนี้ที่ได้เจอกันอีกครั้งแต่เธอมาปรากฏตัวในฐานะว่าที่พี่สะใภ้
“สวัสดีค่ะ” ปริมาตั้งสติได้ก่อนรีบยิ้มทักทายทั้งคู่อย่างเป็นธรรมชาติ อติมายิ้มให้ตามมารยาทในขณะที่รัชภูมิยังคงนิ่งอยู่
“เป็นอะไรไปนายก้อง” รัชภาคย์ทักน้องชายและยกมือขึ้นวางบนไหล่หนาเบาๆ
“เปล่าครับ” เขารีบบอกเพื่อแก้เก้อทันที
“นึกว่าตะลึงในความน่ารักของว่าที่พี่สะใภ้” รัชภาคย์พูดอย่างภูมิใจ ในขณะที่รัชภูมิหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย เพราะพี่ชายของเขาพูดถูกทุกอย่าง ปริมาตอนนี้ทั้งสวย น่ารัก และน่าทะนุถนอม มีแต่เขาที่บ้า กล้าทิ้งเพชรแท้อย่างเธอได้ลงคอ ชายหนุ่มได้แต่นึกตัดพ้อตัวเองอยู่ในใจ
ปริมามองรัชภูมิและอติมาอย่างนิ่งเฉยเยือกเย็น หากเป็นเมื่อสองเดือนก่อนเธอคงจะตัวสั่นและคงกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวถ้าได้เห็นภาพของคนที่เธอรักอยู่กับผู้หญิงอีกคนที่ไม่ใช่เธอแบบนี้ แต่ในวันนี้หญิงสาวกลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเหมือนอย่างที่คิดไว้ อาจเป็นเพราะว่าในตอนนี้หัวใจของเธอได้รับการเยียวยาแล้วจากความรักอันบริสุทธิ์ของรัชภาคย์ เธอหันไปมองชายหนุ่มคนรักแล้วยิ้มอย่างมีความสุข ปริมานึกขอบคุณสวรรค์ที่ให้โอกาสเธอได้เจอคนดีๆ อย่างเขา ถึงแม้ความตั้งใจแรกของเธอไม่ได้เป็นแบบนี้ก็ตาม
อาหารเย็นมื้อนั้นผ่านไปด้วยดี คนที่ยิ้มแก้มปริมากที่สุดเห็นจะเป็น รัชภาคย์เพราะครอบครัวของเขาต้อนรับปริมาด้วยไมตรีจิตอันดี
หญิงสาวเดินออกมารอรัชภาคย์อยู่ที่หน้าบ้านหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ในขณะที่ชายหนุ่มอยู่คุยกับพ่อแม่ของเขาต่อสักพัก
“ปริม...” เสียงเรียกของใครคนหนึ่งที่ดังเธออยู่เบื้องหลังทำให้ร่างอรชร ค่อยๆ หันกลับไปมอง
“ก้อง”
“ตอนแรกที่พี่กันต์บอกว่าจะพาแฟนมาบ้าน ไม่คิดว่าจริงๆ ว่าจะเป็นปริม” เขาชวนคุยในขณะยืนกันตามลำพังเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
“โลกมันกลมจังเลยก้องว่าไปไหม”
“กลมจนน่าเจ็บใจ” เขาพูดหยันๆ ตัวเอง
“เจ็บใจอะไรเหรอ หรือว่ารังเกียจที่ปริมจะมาเป็นพี่สะใภ้” เธออดค่อน ขอดไม่ได้
“เปล่า ก้องแค่เจ็บใจตัวเองก็เท่านั้น”
“เจ็บทำไม เรื่องมันผ่านไปแล้ว อย่าคิดมากเลย”
“ก้องดีใจนะ ที่ปริมไม่ได้เจ็บอย่างที่ก้องกังวล” ชายหนุ่มพูดจากใจจริง
“ปริมดีใจด้วยนะที่เห็นก้องมีความสุข”
“ปริมรู้ได้ยังไงว่าก้องมีความสุข”
“ก็ได้อยู่กับคนที่ก้องรัก ก้องก็ต้องมีความสุขไม่ใช่เหรอ”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ก็คงดีสิปริม” เขาพูดน้ำเสียงเหมือนประชดตัวเอง
“ก้องกำลังจะพูดอะไร”
“ก้องคงไม่มีสิทธิ์จะพูดอะไรแล้วในตอนนี้ นอกจากคำว่าขอโทษ” เสียงเขาแหบลงเมื่อพูดประโยคนั้น
“ทั้งๆ ที่ก้องน่าจะพูดคำนี้กับปริมตั้งนานแล้วอย่างนั้นเหรอ” ปริมาพูดในสิ่งที่ค้างคาใจออกมาเหมือนกัน
“ก้องมันขี้ขลาดเกินไปเกินกว่าที่จะทนเห็นปริมเสียใจได้” เขาไม่อาจจะพูดอะไรได้มากกว่านี้ รัชภูมิรู้ดีว่าสถานะของตัวเองในตอนนี้เป็นอย่างไร
“แล้วสิ่งที่ก้องทำล่ะ มันไม่มากเกินกว่าคำว่าเสียใจเหรอ” เธอพูดกับเขาอย่างเจ็บปวด เขาจะรู้บ้างไหมว่าการถูกหลอกให้รอคอยและการถูกคนรักทรยศหักหลังมันเจ็บปวดแค่ไหน
“ก้องขอโทษปริม ก้องขอโทษ ก้องเสียใจ” รัชภูมิได้แต่พร่ำขอโทษเขารู้ดีว่าปริมาต้องเจ็บปวดแค่ไหน
“มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้วล่ะก้อง”
“ก้องรู้”
ปริมาอดเหยียดปากอย่างแสลงใจไม่ได้ เมื่อเห็นท่าทีรู้สึกผิดของรัชภูมิ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงแสยะยิ้มอย่างสะใจและอดเย้ยหยันเขาไม่ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่รู้สึกอะไรแล้วจริงๆ
อติมายืนแอบฟังการสนทนาของทั้งสองคนอยู่เงียบๆ ในที่สุดเธอก็ได้เห็นแล้วว่าเจ้าของหัวใจตัวจริงของรัชภูมิคือใคร เขารักผู้หญิงคนนี้มาตลอดถึงแม้เขาเลือกที่จะแต่งงานกับเธอแต่อติมาก็รู้ว่าเขายังมีใครคนหนึ่งอยู่ในหัวใจเขาตลอดเวลา เธอเป็นฝ่ายผิดเองสินะที่เข้ามาแทรกตรงกลางระหว่างความรักของคนทั้งสอง ใช่ว่าเธอจะไม่รู้ว่ารัชภูมิมีคนรักอยู่แล้วแต่เธอก็รักเขาเกินกว่าจะปล่อยเขาไปได้
“อุ๊ย!” ปริมาที่กำลังจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ใต้ซุ้มกระดังงาเกิดข้อเท้าพลิก โชคยังดีที่รัชภูมิประคองไว้ทันไม่เช่นนั้นหญิงสาวคงจะล้มไปกองอยู่ที่พื้นเป็นแน่
ภาพที่อติมาเห็นจึงเหมือนกับสามีของตัวเองกำลังประคองกอดอดีตคนรักไว้ในอ้อมแขน พิษรักแรงหึงแล่นพล่านขึ้นในกระแสโลหิตของเธอทันที
“ทำอะไรกันน่ะ!”
อติมาเดินตรงเข้าไปหาคนทั้งสองและแว๊ดเสียงใส่ทันที มือบางเอื้อมไปกระชากแขนของรัชภูมิที่กำลังประคองปริมาอยู่ออกเต็มแรงอย่างไม่พอใจ ก่อนจะสายตาตวัดไปยังปริมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อและประกาศอย่างชัดเจนว่าเกลียดชังเธอ
“หนิง!” รัชภูมิขึ้นเสียงสูงกับภรรยาอย่างไม่พอใจกริยาที่ผู้เป็นภรรยาแสดงออกอย่างไม่คิดจะไว้หน้าเขา
“เธออย่านึกนะว่าฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นคนรักเก่าของก้อง” อติมายังไม่หยุดอาละวาด จิกด่าปริมาทันที
“รู้แล้วยังไงคะ” ปริมาตอบโต้กลับด้วยความใจเย็น
“เธอต้องการอะไรกันแน่ เป็นแฟนพี่กันต์แล้วมาให้ท่าก้องทำไม”
“อ้อ ดิฉันก็เพิ่งรู้ว่านี่คือการให้ท่า”
“นี่!” ยิ่งพูดอติมาก็ยิ่งโกรธเพราะเธอเกลียดท่าทางราวกับนางพญาของ ปริมาซะเหลือเกิน
“ระงับสติอารมณ์ของคุณลงสักนิดเถอะค่ะ” หญิงสาวพูดเหมือนสั่งสอน ก่อนจะหันไปบอกรัชภูมิ “ก้อง ช่วยพาคุณหนิงเข้าไปในบ้านเถอะ ปริมไม่อยากมีเรื่อง”
“ไม่ต้องทำมาเป็นวางท่าราวกับตัวเองเป็นผู้ดีหรอก เธอนึกเหรอว่าฉันไม่รู้กำพืดของเธอ จำไว้นะถ้าเธอคิดจะแย่งก้องล่ะก็ ได้เห็นดีกันแน่” อติมายังไม่ยอมหยุดอาละวาด
“ดิฉันก็รู้กำพืดของดิฉันดีค่ะ คงไม่ต้องให้ใครมาขุดคุ้ย ว่าแต่คุณสิคะ การศึกษาก็สูง ชาติตระกูลก็ดี แต่ทำไมถึงได้เต้นเร่าๆ เป็นเจ้าเข้าแบบนี้คะ”
อติมาแทบกรี๊ดกับคำพูดที่เย็นเยียบเป็นน้ำแข็งของปริมา
“แก!” อติมาชี้หน้าปริมามือไม้สั่น ชีพจรเต้นรัวอย่างโกรธจัด
“อย่ากรี๊ดนะคะ เพราะถ้าคุณกรี๊ดคุณจะกลายเป็นนางร้ายในสายตาของคนทั้งบ้านไปทันที” ปริมาเตือนสติ
ความเยือกเย็นของเธอสามารถสยบอติมาได้ประดุจดังสุภาษิตที่ว่าน้ำร้อนปลาเป็นน้ำเย็นปลาตาย ถ้าจะเปรียบไปตอนนี้ปริมาคือน้ำเย็นส่วนอติมาคือน้ำร้อน เพราะฉะนั้นคนที่ร้อนรุ่มก็คืออติมานั่นเอง
“ขอโทษนะปริม” รัชภูมิกล่าวคำขอโทษก่อนจะรีบดึงมือคนของเขาให้เข้าบ้านไปก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลายมากไปกว่านั้น
ปริมามองตามแล้วส่ายหัว พร้อมกับระบายลมหายใจออกมา ก่อนจะเดินไปนั่งบนม้าหินอ่อนใต้ต้นกระดังงาอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก และหลังจากนั้นอีกไม่ถึงสิบนาทีรัชภาคย์ก็เดินออกมาจากบ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“รอนานมั้ยครับทูนหัว”
“ไม่นานค่ะ เป็นยังไงบ้างคะ” หญิงสาวยิ้มให้อย่างสดใสกลบเกลื่อนร่องรอยของเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่อย่างแนบเนียน
“ไฟเขียวผ่านตลอด” รัชภาคย์นึกย้อนไปถึงตอนที่ถูกพ่อแม่ซักว่าปริมาเป็นใครมาจากไหน หลังจากที่เขาบอกว่าเธอเป็นเพียงลูกชาวบ้านธรรมดาแต่จบการศึกษาถึงระดับปริญญาโทบวกกับกิริยามารยาทที่ดูเรียบร้อยก็ทำให้คุณรัชดายิ้มออกบ้าง ส่วนคุณรมย์นั้นไม่ค่อยได้ออกความเห็นอะไรเพราะไว้ใจในตัวลูกชายคนโตมาตลอด