๕.๒ รอยอดีต
คืนนั้น...
รัชภูมินอนไม่หลับหลังจากที่ได้เจอปริมาอีกครั้ง เขาลุกขึ้นจากเตียงและหันมามองอติที่หลับไปแล้วอยู่สักพัก ก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้องอย่างพยายามให้เกิดเสียงเบาที่สุดเพื่อออกไปเดินเล่นหน้าบ้าน
ท่ามกลางความเงียบสงัดในยามดึก ความทรงจำในอดีตย้อนกลับมาอีกครั้ง…
...เสียงเพลงที่แว่วดังมาจากหอประชุมใหญ่ของโรงเรียนในตอนเที่ยงดึงดูดให้นักเรียนชายหญิงห้องต่างๆ ที่กำลังอยู่ในช่วงพัก มุ่งกรูกันไปมุงเพื่อให้ได้จับจองพื้นที่บริเวณด้านหน้าเวที บนเวทีตอนนี้วงดนตรีประจำโรงเรียนกำลังเล่นคอนเสิร์ตอย่างสนุกสนาน
ฐิติพรนักเรียนสาวชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกกำลังจูงมือปริมาเพื่อนรักแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อไปให้ถึงขอบเวทีเช่นเดียวกับนักเรียนคนอื่นๆ ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันและเป็นเด็กเรียนทั้งคู่ ทั้งปริมาและฐิติพรต่างเป็นคนเรียนเก่งอันดับต้นๆ ของห้อง ถึงแม้ทั้งสองจะเป็นเพื่อนสนิทกันแต่ก็มีบุคลิกและนิสัยที่ต่างกันคนละขั้ว
ปริมานั้นเป็นเด็กสาวที่เรียบร้อย ไม่ค่อยพูด แต่ทว่ากลับมีความอ่อนหวาน น่ารัก สดใสและมีเสน่ห์ต่อผู้ที่ได้สนทนาด้วย ในขณะที่ฐิติพรเป็นคนมั่นใจใจตัวเอง ตรงไปตรงมา โผงผางแต่จริงใจ และรักเพื่อนโดยเฉพาะปริมามาก ความแตกต่างอย่างสุดขั้วของทั้งสองคนกลับเป็นส่วนเติมเต็มซึ่งกันและกันทำให้ทั้งสองกลายเป็นเพื่อนรักและสนิทกันมาก
“จะรีบไปไหนยัยแก้ม” ปริมาอดบ่นไม่ได้เมื่อรู้สึกว่าข้อมือของตัวเองกำลังถูกเพื่อนสาวฉุดลากอย่างแรง
“ก็รีบไปดูดนตรีไงยะ” เด็กสาวหันมาตอบ “เธออย่ามาแกล้งทำไก๋หน่อยเลย เธอไม่รู้หรือไงว่าวันนี้นายจีพระเอกของเธอเขาเล่นดนตรีด้วย”
ปริมาหน้าแดงที่โดนเพื่อนล้อออกมาตรงๆ จีหรือจีรวัฒน์หนุ่มนักดนตรีประจำวงของโรงเรียนซึ่งเป็นนักเรียนอีกห้องหนึ่งที่นอกจากจะหน้าตาดีแล้ว ยังเล่นดนตรีและกีฬาเก่ง การเรียนก็อยู่ในอันดับต้นๆ ของโรงเรียน ปริมาแอบปลื้มเขาตั้งแต่มาเข้าเรียนมอสี่ที่นี่ใหม่ๆ และผู้ที่ได้ล่วงรู้ความในใจของเธอเป็นคนแรกก็คือฐิติพรนั่นเอง ทั้งนี้เป็นเพราะความช่างสังเกตของฐิติพรเองที่เห็นว่าปริมาแอบมองหนุ่มคนนี้อยู่บ่อยๆ ในยามที่เขาเดินผ่านหน้าห้องของเธอ
ในที่สุดฐิติพรก็ลากปริมามาจนถึงเวทีการแสดงจนได้ แต่เนื่องจากเพื่อนนักเรียนมากมายที่มาถึงหน้าเวทีก่อน จึงทำให้ทั้งสองคนได้แต่ชะเง้อมองอยู่บริเวณด้านนอกเท่านั้น
เสียงเพลงที่ถูกบรรเลงผ่านเครื่องขยายเสียงดังกระหึ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“กรี๊ด…กรี๊ดดดด”
ตามมาด้วยเสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวๆ ที่ต่างพากันคลั่งไคล้หนุ่มนักดนตรีวงนี้ทั้งวงเพราะแต่ละคนมีบุคลิกและหน้าตาดีที่จัดได้ว่าเป็นอันดับต้นๆ ของโรงเรียน
…ก่อนท้องฟ้าจะสดใส ก่อนความอบอุ่นของไอแดด
ก่อนดอกไม้จะผลิบาน ก่อนความฝันอันแสนหวาน
ในใจไม่เคยมีผู้ใด จนความรักเธอเข้ามา
ทำให้ดวงตาฉันเห็นความสดใส ข้างกายไม่เคยมีผู้ใด
จนความรักเธอเมตตา เป็นพลังให้ฉันสู้ต่อไป
บนโลกที่โหดร้ายเหลือเกิน
ก่อนดวงดาวจะเต็มฟ้า ก่อนชีวิตจะรู้คุณค่า
ก่อนสิ้นศรัทธาจากหัวใจ ก่อนที่คนอย่างฉันจะหมดไฟ
ในใจไม่เคยมีผู้ใด จนความรักเธอเข้ามา
ทำให้ดวงตาฉันเห็นความสดใส ข้างกายไม่เคยมีผู้ใด
จนความรักเธอเมตตา เป็นพลังให้ฉันสู้ต่อไป
บนโลกที่โหดร้าย เหลือเกิน
ทั้งวิญญาณและหัวใจ ให้เธอครอบครอง
ทั้งชีวิตให้สัญญา จะอยู่ จะสู้เพื่อเธอ
ในใจไม่เคยมีผู้ใด จนความรักเธอเข้ามา
ทำให้ดวงตาฉันเห็นความสดใส ข้างกายไม่เคยมีผู้ใด
จนความรักเธอเมตตา เป็นพลังให้ฉันสู้ต่อไป
บนโลกที่โหดร้าย เหลือเกิน…
เพลง ก่อน ศิลปิน โมเดิร์นด็อก
เพลงนี้คือเพลงของนักร้องดังคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเพลงโปรดของปริมา ถึงแม้จะเก่าไปบ้างแต่ฟังกี่ครั้งก็ยังเพราะและมีความหมายที่ดีเสมอ เด็กสาวพยายามชะเง้อมองคนที่กำลังร้องเพลงอยู่บนเวที เพราะเสียงร้องเปลี่ยนไปจากคนเดิมที่เคยร้องเป็นประจำ แล้วปริมาก็ยิ้มแก้มแทบปริเพราะคนที่ร้องเพลงนี้ไม่ใช่นักร้องนำเหมือนเช่นทุกเพลง แต่กลับเป็นจีรวัฒน์ มือกีตาร์ประจำวงคนที่เธอแอบปลื้มเป็นคนร้อง
จุดสีแดงแต้มขึ้นบนใบหน้าสวยหวานของปริมาอย่างอัตโนมัติ ความรู้สึกปลาบปลื้มล้นทะลักขึ้นมาในหัวใจดวงน้อยทันที เพราะเพลงที่เธอชอบถูกร้องโดยคนที่เธอแอบชอบ มันจะมีอะไรน่าปลื้มไปมากกว่านี้
ปริมาไม่คิดว่าตัวเองจะได้ยินเสียงเขาเพราะปกติจีรวัฒน์จะทำหน้าที่เป็นมือกีตาร์ประจำวงเท่านั้น แต่วันนี้เหมือนโชคเข้าข้างเมื่อเขาเป็นคนร้องเพลงโปรดของเธอ
“ตัวเล็กแค่นี้มองเห็นเหรอ”
เสียงของใครคนหนึ่งที่พูดแว่วๆ อยู่ข้างหลังทำเอาอาการปลื้มปีติของ ปริมาต้องหยุดชะงักลงทันที เด็กสาวหันไปมองเห็นต้นเสียง เห็นรัชภูมิเพื่อนชายที่อยู่ห้องเดียวกันกำลังกอดอกมองดูเธออย่างไม่วางตา
“นายสูงตายล่ะ”
ปริมาตอบโต้ทันที ปกติเธอก็ไม่ค่อยจะมีปากเสียงกับใครแต่กับรัชภูมิเป็นกรณียกเว้น เพราะทั้งคู่มักมีเรื่องถกเถียงกัน เรียกได้ว่าทุกครั้งที่คุยกันก็ว่าได้ แต่แทนที่จะรู้สึกหงุดหงิดรำคาญ เด็กสาวกลับรู้สึกว่าสนุกไม่น้อยที่ได้ต่อปากต่อคำกับเขาผู้นี้
“สูงกว่าเธอก็แล้วกันยัยตัวเล็ก หึหึ” เด็กหนุ่มพูดพร้อมกับหัวเราะในลำคอท่าทางสบายอารมณ์
“เชอะ!”
ใบหน้าสวยสะบัดหน้าหนีอย่างแง่งอน คนร่างสูงยิ้มอย่างมีความสุขที่สามารถทำให้ยัยตัวเล็กอย่างปริมามีอาการแบบนี้ใส่เขาได้อีกครั้ง
รัชภูมิรู้ว่าปริมาปลื้มจีรวัฒน์เพื่อนต่างห้อง เขารู้สึกไม่ชอบเอาเสียเลยที่รู้ว่าเพื่อนสาวผู้นี้แอบปลื้มผู้ชายอื่น มันเป็นความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ คนที่ดูเรียบร้อย เรียนเก่งและอ่อนหวานกับใครๆ ได้หมดยกเว้นเขา แต่ถึงกระนั้นก็เป็นเพราะเขาเองที่ชอบหาเรื่องแหย่ให้เธอโกรธอยู่เรื่อย ทั้งนี้ก็เพราะมันทำให้เขาอารมณ์ดีทุกครั้งที่ได้เห็นเธอค้อนเพราะเป็นสิ่งที่ปริมาทำไม่บ่อยนัก
“ตัวเล็กแบบนี้จะหาแฟนได้เหรอ” เขายังตอแยเธอต่อ
“นายคอยดูต่อไปก็แล้วกัน”
“ต้องรอไปอีกนานแค่ไหน สักสิบปีพอไหม” รัชภูมิพูดอย่างเย้ยหยันแกมหัวเราะ
“นาย...บ้า!” ปริมาหน้าแดงก่ำกับคำพูดคล้ายกับปรามาสใส่เธอ
“มาว่าแต่เรา นายเถอะปากอย่างนี้เมื่อไหร่จะมีแฟน เราอยากจะรู้นักว่าผู้หญิงคนไหนจะโชคร้ายที่ได้มาเป็นแฟนคนอย่างนาย” ปริมากัดตอบบ้าง
เขายิ้มอย่างมั่นใจในตัวเอง
“ถ้าอยากมีหาเมื่อไหร่ก็ได้”
รัชภูมิพูดเหมือนหลงตัวเอง แต่ปริมารู้ว่าเขาไม่ได้พูดเกินจริง เพราะในห้องมีเพื่อนผู้หญิงหลายคนที่แอบชอบเขาอยู่ ทั้งที่แสดงออกและไม่แสดงออก ด้วยความที่รัชภูมิเป็นคนที่สุภาพและมีน้ำใจกับเพื่อน บวกกับเป็นคนที่เข้าใจความรู้สึกของคนอื่น จึงเป็นเสน่ห์ของเด็กหนุ่มผู้นี้อย่างหาตัวจับยาก นอกจากนั้นเขายังเป็นลูกเศรษฐีที่ร่ำรวยเป็นอันดับต้นๆ ของจังหวัดแต่เขาเองไม่เคยอวดตัว และวางตัวเรียบง่ายกับเพื่อนๆ ทุกคน แม้แต่กับเธอซึ่งเป็นลูกชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งที่ฐานะจัดอยู่ในขั้นขัดสน เขาก็ไม่เคยเอาเรื่องความแตกต่างนี้เข้ามาเป็นอุปสรรคขัดขวางการเป็นเพื่อนเลยสักนิด
“เป็นห่วงก็แต่เธอนั่นแหละยัยตัวเล็ก” รัชภูมิมองหน้าปริมายิ้มๆ อีกครั้ง หญิงสาวรู้สึกขัดใจและไม่อาจสรรหาถ้อยคำมาตอบโต้เขา
“เอ้าๆ เลิกเถียงกันได้แล้ว คู่นี้เป็นอะไรเจอกันทีไรเป็นต้องกัดกันทุกทีสิ” ฐิติพรเป็นฝ่ายห้ามทัพ “ก้องนายหาเรื่องปริมอีกแล้วใช่ไหม” เธอหันมาเอาเรื่องกับรัชภูมิต่อทันที
“บ้าน่ะแก้ม ยัยตัวเล็กนี่ก็ร้ายใช่เล่นซะที่ไหน”
เขาพูดกลั้วหัวเราะแต่แววตายังจดจ้องอยู่บนหน้าเรียวใสของคนที่เขาเรียกว่า ‘ตัวเล็ก’ อยู่อย่างไม่คิดจะหันไปมองอย่างอื่น
“นี่นาย...” ปริมากำลังจะอ้าปากตอบโต้
“พอๆ” ฐิติพรรีบหย่าศึกที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง
“วันเสาร์นี้เราเจอกันที่บ้านตั้มนะ ไปทำงานกลุ่มกัน” หัวข้อสนทนาถูกเปลี่ยนไปเพราะไม่อยากให้ทั้งคู่ต้องมาปะทะคารมกันอีก
“ได้สิ เราไปอยู่แล้ว” รัชภูมิรับปาก “แล้วเจอกันนะยัยตัวเล็ก” เขายักคิ้วหนาให้พร้อมกับอมยิ้ม ก่อนจะเดินเลี่ยงไปหากลุ่มเพื่อนผู้ชายที่อยู่อีกฟากหนึ่งของเวที
“ปริม” ฐิติพรเอ่ยเมื่อคล้อยหลังรัชภูมิไปแล้ว “แก้มว่านายก้องนี่เขาดูแปลกๆ นะ”
“แปลกยังไงเหรอแก้ม” ปริมาเลิกคิ้วที่โก่งราวกับคันศรขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับถามอย่างสงสัย
“แปลกที่เขาชอบหาเรื่องแต่กับเธอ”
“เขาคงไม่ชอบหน้าปริมมั้ง” หญิงสาวตอบอย่างไม่คิดจะหาเหตุผล
“แล้วถ้าหากตรงข้ามล่ะปริม” ฐิติพรตั้งข้อสงสัย
คำพูดประโยคนั้นทำเอาหัวใจของปริมากระตุกไปครั้งหนึ่ง
“ไม่หรอกแก้ม” ปริมารีบปฏิเสธความคิดนั้นของเพื่อนสาวทันที “เขาไม่มีทางคิดอะไรแบบนั้นกับปริมหรอก”
“ปริมไม่เห็นเหรอกับคนอื่นนายก้องสุภาพเรียบร้อยจะตาย จะมีก็แต่กับเธอนี่แหละที่เขาชอบหาเรื่อง อีกอย่างนะ ปริมออกจะเรียบร้อยขนาดนี้ไม่เห็นมีอะไรให้น่าหาเรื่องสักนิด ถ้าไม่ใช่เพราะเขาอยากหาเรื่องมาคุยกับเธอ”
ยิ่งฐิติพรพูดมากเท่าไหร่ก็ดูเหมือนจะยิ่งเข้าตัวปริมามากขึ้น เธอเองก็เคยสงสัยเช่นกันว่าทำไมรัชภูมิถึงได้ชอบหาเรื่องตัวเองนักหนาทั้งๆ ที่เธอกับเขาก็ไม่ได้มีเรื่องขัดใจอะไรกัน แต่ปริมาเองก็ไม่ปฏิเสธว่าลึกๆ แล้วเธอเองก็แอบมีความสุขที่ได้ต่อปากต่อคำกับเขา
“คิดมากน่าแก้ม” ปริมารีบขจัดข้อสงสัยของเพื่อน
ฐิติพรกำลังจะอ้าปากพูดต่อ
“เราไปกันเถอะ นี่จะบ่ายโมงแล้วเดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน” ปริมาตัดบทพร้อมกับฉวยข้อมือของฐิติพรให้เดินตามออกมา ก่อนที่จะถูกผู้เป็นเพื่อนรุกเร้าไปมากกว่านั้น