เล่ห์รักเปลวพิศวาส

139.0K · จบแล้ว
เทียนธีรา
57
บท
12.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

‘ปริมา’ ผู้เจ็บปวดกับความรักและฝังใจอยู่กับอดีตจนต้องกลับมาทวงคืนหัวใจของตัวเองอีกครั้ง โดยใช้เขาเป็นสะพานเพื่อให้ได้เข้าใกล้คนที่เคยรักและแก้แค้นคนที่ทำให้เธอเจ็บ แต่เธอจะทำอย่างไรเมื่อในการแก้แค้นครั้งนี้กลับมีความรักเกิดขึ้นอีกครั้ง‘รัชภาคย์’ ผู้ชายอบอุ่น อ่อนโยน และมีน้ำใจกับคนรอบข้างเสมอ แต่ไฟแค้นที่ผู้หญิงคนหนึ่งใช้เขาเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นผู้เป็นน้องชายคนเดียวทำให้เขากลับกลายเป็นผู้ชายที่โหดร้ายและเย็นชา เขาจะมอบสิ่งที่เลวร้ายมากกว่าให้แก่เธอ! “พี่กันต์อย่าเอาสิ่งที่ตัวเองทำมาตัดสินปริม” เธอตะโกนใส่หน้าเขาอย่างไม่คิดจะกลัว“ถ้าเป็นเมื่อก่อนพี่อาจจะเชื่อนะกับละครที่ปริมกำลังเล่นอยู่ แต่ตอนนี้ปริมไม่มีค่าอะไรแม้แต่นิด

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบัน

๑.๑ วันนี้ที่เจอเธอ

วันนี้ที่เจอเธอ

สายลมเอื่อยๆ ที่พัดพลิ้วหวิวไหวมากระทบกับต้นหูกวางต้นใหญ่ซึ่งสูงตระหง่านโดดเด่นอยู่ริมถนนเป็นระยะๆ พอจะช่วยทำให้ความร้อนอบอ้าวในยามบ่ายแก่ๆ ผ่อนคลายลงได้บ้าง เมื่อมองไปยังสวนหย่อมที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้น ก็เห็นลำน้ำพุพุ่งทะยานขึ้นด้านบนอย่างต่อเนื่อง สายน้ำแตกกระเซ็นให้ความชุ่มชื้นกับต้นหญ้าเล็กๆ อยู่รอบๆ จนดูมีชีวิตชีวาท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุซึ่งกำลังสาดส่องลงบนพื้นถนนจนทำให้สายตาคู่สวยดุจประกายเพชรต้องหรี่มองพร้อมบังยกมือป้องแสงที่หน้าผากอย่างใจจดใจจ่อเนื่องด้วยกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง

รถเมอร์เซเดสเบนซ์สปอร์ตเอสแอลเครุ่นใหม่ล่าสุดบ่งบอกถึงฐานะและรสนิยมของผู้ขับได้เป็นอย่างดีกำลังแล่นใกล้เข้ามายังบริเวณสี่แยกไฟแดง รถคันดังกล่าวก็ชะลอความเร็วลงเมื่อสัญญาณไฟจราจรสีแดงสว่างวาบขึ้น ‘รัชภาคย์ รักเกียรติธนาคุณ’ หนุ่มหล่อวัยสามสิบปี แตะเบรกอย่างคล่องแคล่วและหยุดรถหลังเส้นสีขาวก่อนจะถึงทางม้าลายเพื่อให้คนเดินข้ามถนน อีกสองนาทีต่อมามือหนาก็เลื่อนไปเปลี่ยนเกียร์แบบอัตโนมัติเพื่อเตรียมออกรถเมื่อเห็นสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว ทันใดนั้น!! เท้าที่กำลังแตะคันเร่งก็เปลี่ยนมากระทืบเบรกแทบไม่ทัน เมื่ออยู่ๆ ก็มีร่างของหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งพรวดพราดออกมาจากข้างถนน

เอี๊ยดดด!!!

เสียงเบรกลากล้อรถดังพร้อมๆ กับร่างบางของหญิงสาวคนนั้นล้มกลิ้งลงไปนอนกลางถนนในเสี้ยววินาที ท่ามกลางสายตาของคนนับสิบที่มองเห็นเหตุการณ์อย่างตกใจ รัชภาคย์รีบเปิดประตูรถและวิ่งลงมาดูคนที่ถูกรถของเขาชนด้วยความร้อนใจ

“คุณครับ! คุณครับ!” ชายหนุ่มเข้ามาประคองร่างคนที่นอนอยู่ขึ้นไว้ในอ้อมแขนอย่างเป็นห่วง แต่แล้วอะดรีนาลีน ในร่างกายเขาก็หลั่งผิดปกติไปชั่วขณะ เมื่อเห็นใบหน้าสวยหวานของคู่กรณีอย่างเต็มตาเป็นครั้งแรก ดวงตากลมโตที่ล้อมกรอบด้วยแพขนตางอนยาวคู่นั้นราวกับสิ่งมหัศจรรย์บางอย่างในโลกที่สามารถสะกดเขาจนไม่อาจถอนสายตาไปได้ง่ายๆ

“จ...จ...เจ็บ…” เสียงของหญิงสาวดังขึ้นแผ่วๆ ก่อนที่สติของเธอจะดับวูบไป ปลุกให้รัชภาคย์หายจากอาการตกตะลึงในนาทีนั้น ชายหนุ่มจึงรีบช้อนร่างบางไปที่รถของตัวเองทันที ก่อนจะแตะคันเร่งและหมุนพวงมาลัยมุ่งหน้าตรงไปยังโรงพยาบาลซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดในตอนนั้น

ทันทีที่รถเมอร์เซเดสเบนซ์สปอร์ตเข้ามาจอดยังหน้าตึกของโรงพยาบาล หญิงสาวผู้นั้นก็ถูกพาไปที่ห้องฉุกเฉินโดยมีรัชภาคย์ตามไปดูอาการอย่างเป็นห่วง แต่เขาถูกห้ามให้รออยู่แค่หน้าห้องเพื่อรอฟังอาการจากปากของหมอเท่านั้น และอีกหนึ่งชั่วโมงหมอก็กลับออกมา รัชภาคย์รีบตรงเข้าไปถามอย่างร้อนใจ

“เป็นไงบ้างครับหมอ”

“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ โชคดีที่มีแค่อาการฟกช้ำและรอยถลอกตามร่างกายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่หมอคงต้องให้นอนพักดูอาการที่โรงพยาบาลสักสองสามวันก่อน เพื่อตรวจให้แน่ใจอีกครั้ง”

“ขอบคุณมากครับหมอ ขอบคุณจริงๆ” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อรู้ว่าอาการของคู่กรณีไม่หนักหนาอย่างที่กังวลไว้แต่แรก

รัชภาคย์เดินตามพยาบาลไปยังห้องพิเศษที่ตัวเองได้จองไว้ เขารีบเปิดประตูเข้าไปในห้องทันที ลำขายาวแข็งแรงก้าวตรงไปยังเตียงผู้ป่วยซึ่งตอนนี้มีร่างบางของหญิงสาวที่ถูกรถเขาชนนอนอยู่บนนั้นโดยที่เธอยังคงหลับอยู่

ตาคู่คมเผลอจ้องหญิงสาวอย่างไม่ตั้งใจแต่ความสวยหวานนั้นดึงดูดจนไม่อาจละสายตาจากใบหน้านวลได้ง่ายๆ ดวงตาของเธอหลับพริ้มขนตางอนยาวประดับดวงตายามหลับชวนให้น่ามองอย่างประหลาด จมูกโด่งเล็กๆ เชิดขึ้นน้อยๆ บ่งบอกนิสัยของเจ้าตัวว่าคงจะแสนงอนไม่เบา ริมฝีปากบางนั้นยังคงเป็นสีชมพูระเรื่อจางๆ เผยอขึ้นราวกับจะเชิญชวนให้ชิมรสหวานของมัน หน้าอกอวบทั้งสองข้างเบียดเสื้อตัวโคร่งของโรงพยาบาลขึ้นมาอวดความกลมกลึงต่อสายตาคนมอง เรียวแขนเรียวเล็กรับกับช่วงเอวคอดอย่างสมส่วน

ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนถูกดึงดูดให้ก้มหน้าลงไปหาริมฝีปากบางนั้นอย่างลืมตัว แต่ดูเหมือนผู้เป็นเจ้าของจะรู้ว่ามีคนกำลังจะรุกรานจึงขยับตัวและลืมตาขึ้นทำให้ชายหนุ่มต้องรีบเขยิบออกห่างโดยอัตโนมัติทันที

ปริมามองไปรอบๆ ห้องอย่างไม่คุ้นสายตา พร้อมๆ กับคำถามที่ผุดขึ้นใจว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหนและมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แล้วพลันสายตาคู่สวยของหญิงสาวก็สะดุดกับร่างของใครคนหนึ่งซึ่งกำลังยืนมองมายังเธออย่างไม่วางตา ผู้ชายคนนี้จัดว่าหล่ออย่างร้ายกาจ ใบหน้าคมเข้ม คิ้วหนาดกดำ ดวงตายาวรีสีน้ำตาล รับกับจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยัก ผิวขาวละเอียด รูปร่างสูงตระหง่านเต็มไปด้วยพละกำลังสมกับเป็นชายชาตรีทุกกระเบียดนิ้ว ดวงตาคมกริบคู่นั้นทำให้ปริมาหัวใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลจนเธอเองก็ตกใจไม่น้อยกับปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นของตัวเอง หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ เพื่อไล่ความรู้สึกนั้นออกไปจากหัวใจ และบอกตัวเองว่า

...นี่มันเพิ่งแค่เริ่มต้นเท่านั้น เธอจะต้องไม่หวั่นไหวกับผู้ชายคนนี้โดยเด็ดขาด!!...

“คุณฟื้นแล้วเหรอครับผมตกใจแทบแย่” เสียงทุ้มน่าฟังของเขาช่างสมกับใบหน้าที่หล่อเหลาของผู้เป็นเจ้ายิ่งนัก ปริมาแทบจะหาข้อติในตัวผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลยสักอย่าง

“เอ่อ ค่ะ คุณเป็นคนพาฉันมาส่งที่นี่เหรอคะ”

หญิงสาวตอบเป็นประโยคแรกพร้อมกับจ้องมองเขาอย่างเต็มตา ไม่ว่าจะเพ่งพิศมุมไหนผู้ชายคนนี้ก็ทรงเสน่ห์ชวนให้ลุ่มหลงจนใจสั่นแรงระรัวราวกับจะทะลุออกมานอกอก

“ครับ ผมเป็นคนขับรถชนคุณ แล้วก็เป็นคนพาคุณมาส่งโรงพยาบาล คุณเจ็บมากมั้ย” ชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้เตียงที่เธอนอนอยู่ รัศมีบางอย่างในตัวเขาทำให้ปริมารู้สึกหวิวๆ แปลกๆ แต่รัชภาคย์กลับรู้สึกพอใจเมื่อมองเห็นแววตาตื่นกลัวราวกับลูกกวางน้อยหลงฝูงของเธอ จนเขาต้องระบายยิ้มบางๆ ออกมาซึ่งยิ่งเสริมให้ใบหน้าคมนั้นหล่อเหลาขึ้นเป็นทวีคูณ

“ก็ไม่มากเท่าไหร่ แต่ยังมึนๆ ค่ะ” ปริมาบอกอย่างพยายามรวบรวมสติไม่ให้จดจ่ออยู่ที่เขามากจนเกินไป

“ผมดีใจนะที่คุณไม่เป็นอะไรมาก แต่หมอบอกว่าคุณต้องนอนโรงพยาบาลสักสองสามวันนะครับ”

“สามวันเลยเหรอ” หญิงสาวพูดแผ่วเบาเหมือนน้ำเสียงบ่นของเด็กขี้งอแง

“ครับ” ชายหนุ่มอมยิ้ม นัยน์ตาคมไหวระริกอย่างอดนึกขำไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้มีอะไรหลายๆ อย่างที่ตรึงตาตรึงใจเขาตั้งแต่ครั้งแรกเห็นและพอได้คุยด้วยก็ยิ่งทำให้อยากใกล้ชิดมากขึ้นกว่าเดิมอีก

และก่อนที่ปริมาจะได้พูดอะไรต่อ ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาอย่างเร่งรีบ ทำให้การพูดคุยของทั้งสองคนต้องหยุดชะงักไป ผู้ที่เข้ามาใหม่นั้นก็คือแม่พิมและพ่อทองซึ่งเป็นพ่อและแม่ของปริมานั่นเอง ทั้งสองคนตกใจไม่น้อยเมื่อได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าลูกสาวถูกรถชนจึงต้องรีบขับรถจากต่างอำเภอเข้ามาดูอาการของ ปริมาที่โรงพยาบาลในตัวจังหวัดแห่งนี้

“ปริม!”

คนเป็นแม่กระวีกระวาดเข้ามากอดลูกสาวคนเดียวเอาไว้อย่างห่วงใยทันที

“เจ็บตรงไหนบ้างลูก” นางเอ่ยถามต่อพร้อมกับสำรวจไปทั่วร่างของลูกสาวอย่างละเอียดถี่ถ้วน

ชื่อเล่นของหญิงสาวถูกเรียกให้ได้ยินเป็นครั้งแรก ‘ปริม’ ชื่อนี้ช่างน่ารักสมตัวเสียจริง รัชภาคย์แอบยิ้มอย่างพึงพอใจ

“ปริมไม่เป็นอะไรจ้ะแม่ รถแค่เฉี่ยวๆ เอง พอดีได้คุณเขาช่วยพามาส่งโรงพยาบาลน่ะจ้ะ” ปริมาคลี่ยิ้มเพื่อให้ผู้เป็นมารดาคลายความกังวลใจพร้อมกับเอ่ยถึงรัชภาคย์ทำให้สายตาของบุพการีสูงวัยทั้งสองจับจ้องไปที่เขาพร้อมกันอย่างเพิ่งนึกได้ว่ามีบุคคลอื่นอยู่ในห้องนี้ด้วย

“สวัสดีครับ” รัชภาคย์ยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม “ผมเป็นคนขับรถชนน้องเขา ต้องขอโทษด้วยนะครับสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น”

“มันเป็นอุบัติเหตุน่ะพ่อหนุ่ม ปริมไม่เป็นอะไรมากพวกเราก็สบายใจแล้ว” พ่อทองบอกเรียบๆ รัชภาคย์ยกมือไหว้เพื่อขอบคุณในความกรุณาของครอบครัวนี้อีกครั้งที่ไม่ถือโทษโกรธเขา

“ถ้าอย่างนั้นผมขออนุญาตมาดูแลคุณปริมจนกว่าจะหายดีนะครับ และก็ไม่ต้องห่วงเรื่องค่ารักษาพยาบาล ผมจะรับผิดชอบให้เอง” ชายหนุ่มเอ่ยอาสาพร้อมทั้งถือโอกาสเรียกชื่อเล่นตามที่พ่อแม่ของเธอเรียกทันที

พ่อทองพยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงอนุญาตอย่างรู้สึกถูกชะตากับบุคลิกและความเป็นสุภาพบุรุษของชายหนุ่มคนนี้ไม่น้อย รัชภาคย์จึงขอตัวกลับหลังจากที่พ่อแม่ของปริมาบอกเขาว่าจะเป็นคนเฝ้าหญิงสาวเองในคืนนี้