๑.๒ วันนี้ที่เจอเธอ
รัชภาคย์ขับรถมาถึงบ้าน เขาก็ตรงขึ้นไปยังห้องของตัวเองและอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวเข้านอน ก่อนจะล้มตัวลงที่เตียงกว้าง
‘ปริม’ ชื่อและใบหน้าหวานๆ ของเธอผุดขึ้นในความคิดของเขาอีกครั้ง วันนี้เขาเกือบจะขโมยจูบเธอเพียงเพราะรู้สึกว่าเธอช่างดึงดูดจนเขาอดใจไม่อยู่ ทั้งๆ ที่ปกติผู้ชายอย่างเขามีแต่ผู้หญิงวิ่งเข้าใส่ ชายหนุ่มขยับตัวอย่างหงุดหงิดกับปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตัวเองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เช้าวันรุ่งขึ้น...
รัชภาคย์หอบดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่เข้ามาในห้องคนป่วยในขณะที่ปริมานอนอยู่เตียงตามลำพังเพราะพ่อทองและแม่พิมกลับบ้านไปอาบน้ำตั้งแต่เช้าตรู่
“มาแล้วครับ” เขาทักทายพร้อมกับยิ้มอวดฟันขาวสะอาดเป็นระเบียบ
ชายหนุ่มก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องมาแต่เช้าขนาดนี้ รู้แต่ว่าเมื่อคืนเขาแทบจะนอนไม่หลับเมื่อคิดถึงดวงหน้าสวยหวานของคนที่กำลังนอนอยู่ อยากให้ถึงตอนเช้าเร็วๆ เพื่อจะได้มามองเธอใกล้ๆ แบบนี้ ใบหน้าหล่ออดหัวเราะตัวเองไม่ได้ที่มีอาการเหมือนหนุ่มน้อยแรกรักซึ่งมีอาการทุรนทุรายอยากเจอหน้าสาวอยู่ตลอดเวลา
“มาแต่เช้าจังเลยนะคะ...” เสียงแผ่วหวานเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งยิ้มบางๆ อย่างทักทายพลางถือโอกาสมองเขาอย่างสำรวจ วันนี้เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีน้ำเงินเข้มปลดกระดุมสองเม็ดบนเผยให้เห็นหน้าอกกำยำและกล้ามเนื้อแข็งแรงจนนึกจะลองสัมผัสเล่น หญิงสาวอยากจะโกหกตัวเองว่าไม่ได้หัวใจกระตุกเพียงเพราะสบตากับผู้ชายตรงหน้า แต่หัวใจดวงน้อยที่กำลังแกว่งไหวมันย้ำชัดว่าเธอเกิดอาการเช่นนั้นจริงๆ
“เอาดอกไม้มาเยี่ยมคนป่วย ไม่รู้จะชอบหรือเปล่านะครับ”
“ไม่เห็นต้องลำบากเลยค่ะ” หญิงสาวพูดและทำท่าจะลุกขึ้นนั่ง ชายหนุ่มจึงวางดอกไม้และรีบเข้าไปช่วยประคองให้ปริมานั่งพิงหัวเตียง แต่ในขณะที่ถอยมือกลับ มือหนาก็เฉียดไปโดนยอดอกของเธอเข้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ ชายหนุ่มขนลุกเกรียวขึ้นมาทันที อะไรบางอย่างแข็งขึงและขยายตัวขึ้นเป็นลำ ร่างกายเขาเหมือนตอบสนองต่อสัมผัสเล็กๆ น้อยๆ นั้นอย่างรวดเร็ว
“ขอโทษครับ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเมื่อรู้สึกว่าปริมาก็ตัวแข็งทื่อไปเช่นกัน
“เอ่อ...ค่ะ” เสียงหวานตอบเบาๆ ด้วยน้ำเสียงเก้อเขินพร้อมกับหลุบตาลงเพื่อปิดบังความหวั่นไหวของตัวเอง ใบหน้าเรียวมนแดงก่ำเป็นลูกตำลึงสุกอย่างชวนมอง
“ปริมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย” หญิงสาวรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเมื่อรู้สึกว่าห้องทั้งห้องเงียบไปชั่วขณะได้ยินแต่เพียงเสียงลมหายใจของเขาและเธอดังผาดแผ่วเท่านั้น
“เอ่อ... ลืมไป ผมชื่อกันต์ครับ” เขาแนะนำตัวเอง ก่อนจะยื่นนามบัตรไปให้กับเธอ
ปริมารับมาและกวาดสายตาลงไปดูตัวหนังสือบนบัตรนั้น รัชภาคย์ รักษ์เกียรติธนาคุณ เจ้าของธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้าง ‘ไม่ผิดตัวแน่’ หญิงสาวคิดในใจอย่างสมหวัง เมื่อแผนการของเธอเริ่มก้าวหน้าไปอีกขั้น
“นามสกุลยาวจังเลยนะคะ” เธอหัวเราะเบาๆ แต่ดูเหมือนจะทำให้โลกทั้งใบสดใสขึ้นมาทันที
...ผู้หญิงคนนี้มีอะไรหลายอย่างที่น่าทึ่งและดึงดูดเขาได้อย่างไม่ยากเย็นเลย...
รัชภาคย์ตาพร่าไปชั่วขณะ
“ปริมสนใจอยากใช้นามสกุลนี้บ้างไหมล่ะครับ” เขาเรียกอย่างสนิทสนมและถามอย่างสัพยอก อะไรบางอย่างบอกเขาในนาทีนั้นว่าได้ตกหลุมรักเธอคนนี้เข้าแล้ว
‘รักแรกพบ’ รัชภาคย์บอกตัวเองก่อนจะยิ้มน้อยๆ ออกมา ในขณะที่ปริมาตอบคำถามนั้นของเขาอยู่ในใจ
...ทำไมเธอจะไม่อยากให้นามสกุลนี้ แต่เป็นกับอีกคนหนึ่งที่เขาไม่มีวันจะหวนกลับมาหาเธอแล้ว...
แววตาเธอหม่นลงไปเล็กน้อยเมื่อหวนคิดมาถึงเรื่องนี้ รัชภาคย์สังเกตเห็นความผิดปกตินั้นทันทีและไม่แน่ใจว่าตัวเองพูดอะไรผิดจึงทำให้ปริมามีอาการเช่นนี้
“อาการคุณเหมือนคุณที่เพิ่งอกหัก” เขาพูดตามที่ตัวเองรู้สึกและจ้องมองลึกลงไปในดวงตาคู่สวยราวกับจะสำรวจหาสิ่งผิดปกติที่ซ่อนอยู่ในนั้น
“อกหักอะไรกันคะ” ปริมาแสร้งยิ้ม แพขนตาคู่สวยกะพริบปริบๆ เพื่อกลบเกลื่อนพิรุธ
“แล้วโกรธผมหรือเปล่าที่บอกว่าอยากให้ปริมาใช้นามสกุลด้วย”
“คนเจ้าชู้ก็อย่างนี้แหละค่ะ” จมูกเรียวย่นใส่
“เปล่านะครับ ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน”
ปริมาแอบยิ้มในใจกับคำตอบนั้น “นี่เราเพิ่งรู้จักกันได้สองวันเองนะคะ”
“ปริมเชื่อเรื่องรักแรกพบหรือเปล่า”
หญิงสาวส่ายหัวน้อยแทนคำตอบว่าไม่เชื่อ
“ถ้าอย่างนั้นผมจะพิสูจน์ให้ปริมเห็นเองว่าเรื่องนี้มีอยู่จริงและหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก”
“แน๊ะ...” เธอขมวดคิ้วมุ่นแล้วหัวเราะ
ทำไมเรื่องมันง่ายกว่าที่คิดเอาไว้ตอนแรกซะอีก รัชภาคย์ตกหลุมพรางอย่างรวดเร็วจนเธอเองก็ตั้งตัวไม่ติด หญิงสาวรู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันทีเมื่อมองใบหน้าคมเข้มที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นของเขา จนเธอเองนึกอยากจะหลบหลีกให้พ้นจากสถานการณ์อันชวนใจอ่อนนี้สักพัก
“จะลุกไปไหนครับปริม” เขาเอ่ยถามเมื่อเห็นร่างบางทำท่าจะลุก
“ปริมจะไปห้องน้ำค่ะ” หญิงสาวบอก เขาจึงรีบเข้ามาช่วยประคอง
มือใหญ่สอดเข้าไปที่เอวคอด ทันทีที่ถูกเขาสัมผัสบริเวณนั้นร่างกายก็เกิดอาการปวดร้าวคล้ายกับมีกระแสไฟฟ้าแรงสูงส่งผ่านมากับมือข้างนั้น แล้วแผ่ซ่านไปยังบริเวณท้องน้อย จนเกิดอาการขมวดเกร็งจน แขนขาอ่อนแรง
ปริมากลั้นหายใจ ดวงตากลมแป๋วสบกับตาคมเข้มชั่วขณะ ริมฝีปากหยักของเขาและลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดไปทั่วดวงหน้าสวยหวานของเธอก่อให้เกิดความรัญจวนใจอย่างประหลาด ชีพจรเต้นระรัวจนแทบจะเป็นบ้าคลั่ง ร่างบางสั่นระริก ปฏิกิริยาทั้งหมดเหล่านั้นทำเอาหญิงสาวอ่อนเปลี้ย หมดเรี่ยวแรงไปดื้อๆ
รัชภาคย์รวบร่างนั้นเข้ามากอดไว้ เมื่อเห็นปริมาทำท่าราวกับกำลังจะล้มลงไป ดวงตาสองดวงสบตากันในระยะใกล้ชิดเป็นครั้งแรก นัยน์ตาของเขาช่างวาววับทำให้โลหิตของปริมาฉีดขึ้นหน้า หัวใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก
“คุณเป็นอะไรครับ” เขาพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงหญิงสาวตรงหน้า น้ำเสียงเขาช่างฟังทุ้มหูเหลือเกิน ปริมารู้สึกกลัวใจตัวเองขึ้นมาทันที นี่แค่เพิ่งเริ่มต้นเขายังมีอิทธิพลกับหัวใจดวงเล็กๆ มากขนาดนี้ แล้วต่อไปเธอจะทนใจแข็งได้สักแค่ไหน ‘ต้องได้สิปริมา’ หญิงสาวย้ำเตือนกับตัวเอง
“ปริมรู้สึกหน้ามืดค่ะ” เสียงหวานเอ่ยแก้เก้อพร้อมกับร่างที่ยืนโงนเงน
“งั้นเดินช้าๆ นะครับ” ชายหนุ่มบอกอย่างเป็นห่วงแล้วค่อยๆ ประคองเธอพาเดินไปยังประตูห้องน้ำก่อนจะยืนรออยู่ตรงนั้น
ปริมาเข้าไปในห้องน้ำและมองดูตัวเองผ่านกระจกในห้องน้ำ ใบหน้าของเธอยามนี้มีสีแดงเรื่อๆ ปรากฏขึ้นมาให้เห็นชัดเชน
...นี่เธอกำลังหน้าแดงอย่างนั้นหรือ!?...
ปริมาถามตัวเอง รัชภาคย์เป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์อย่างเหลือร้าย ยิ่งใกล้เขาก็ยิ่งอันตราย เธอจะต้านทานเขาได้มากสักแค่ไหนนะ
หญิงสาวเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากใช้เวลาอยู่ในนั้นนานกว่าสิบนาที รัชภาคย์ยังยืนรออยู่เหมือนเดิม ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ทัน และโดยที่ปริมาไม่ทันตั้งตัว เขาก็ช้อนตัวเธอขึ้นไว้ในวงแขน
“คุณจะทำอะไร!” ปริมาตกใจเมื่อถูกเขาประชิดตัวแบบนั้น
“ขอโทษนะครับ ผมแค่ไม่อยากให้ปริมเดิน” เขาอธิบายพร้อมกับยิ้มให้อย่างอบอุ่น ปริมาตัวแข็งทื่อไปอีกครั้งกับท่าทางที่เขาแสดงออกอย่างสนิทสนมคล้ายกับเป็นคู่รักกัน หน้าอกกว้างของเขาช่างกลัดแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามให้โลหิตสูบฉีดแรงไปทั่วร่างแต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยจนนึกอยากจะซบใบหน้าลงบนหน้าอกนั้น...
รัชภาคย์พาเธอมาวางลงที่เตียงคนป่วยอย่างเบามือ ราวกับกลัวเธอจะแตกหัก พลางหลุบตาลงมองริมฝีปากบางรูปกระจับที่ยวนตายวนใจอย่างเผลอไผลอยู่ชั่วขณะ เขาต้องใช้กำลังใจอย่างมากในการหักห้ามความต้องการของตัวเองไม่ให้ก้มลงประทับจูบและตักตวงเอาความหวานที่ใกล้แค่เอื้อม
ทันทีที่ร่างสูงถอยห่าง ปริมาก็ลอบถอนหายใจเบาๆ อย่างโล่งออกเมื่อเหตุการณ์น่าระทึกใจระหว่างเขาและเธอจบลง
“ปริมโกรธผมเหรอครับ”เขาถามเมื่อเห็นเธอเงียบไป
“ปะ...เปล่าค่ะ” ถึงปากจะตอบเขาออกไปแต่ก็ยังดูเลื่อนลอย
“ผมขอโทษนะ ผมก็แค่เป็นห่วงปริม” รัชภาคย์พูดเสียงทุ้มน้ำเสียงอบอุ่น
“คุณนี่ท่าจะคล่องเรื่องจีบผู้หญิงนะคะ” ปริมาเหน็บแนม
“แสดงว่าปริมรู้ว่าผมกำลังจีบคุณอยู่...” ปากพูด แต่ตากลับจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สวยของเธอ นัยน์ตาคมกริบคู่นั้นราวกับมีพลังดึงดูดมหาศาล หัวใจของปริมาเต้นผิดจังหวะอีกครั้งเมื่อต้องเผชิญกับสายตาวาววามวิบวับทอประกายบ่งบอกความรู้สึกที่หลากหลายของเขา
“พูดอย่างนี้กับผู้หญิงทุกคนหรือเปล่าคะ”
“พูดกับปริมเป็นคนแรก” เขาตอบได้อย่างไม่ต้องคิดมาก
“ปริมจะพยายามเชื่อค่ะ” เธอปรายหางตามองเขา “ถึงจะฟังดูไม่น่าเชื่อเลยสักนิดก็ตาม”
“โธ่ปริมครับ ใจคอจะไม่ยอมเชื่ออะไรผมเลยเหรอ” เขาแสร้งโวยวายประท้วงออกอาการงอนๆ เหมือนเด็กถูกขัดใจ แต่ก็ทำให้ปริมายิ้มได้
“อย่าลืมว่าเราเพิ่งรู้จักกันนะคะ”
“ย้ำจังนะครับ แล้วสักวันผมจะทำให้ปริมเชื่อใจผมให้ได้” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างมุ่งมั่น
“ลิเกค่ะ” หญิงสาวย่นจมูกใส่พร้อมกับหัวเราะ และคนถูกหัวเราะก็ต้องหน้างอ
...เวลาคนหล่อหน้างอนี่ก็น่าดูรักไปอีกแบบนะ...
ปริมารีบสลัดความคิดที่เผลอไผลของตัวเองออกไปทันทีที่ตั้งสติได้
“ปากเก่งแบบนี้ น่าจับมาจูบลงโทษซะให้เข็ด” เขายื่นหน้าเข้ามาพูดใกล้ๆ จนหญิงสาวรู้สึกได้ถึงลมอุ่นๆ จากริมฝีปากหยักสวยนั้น
“คุณ!” มือบางรีบยกขึ้นผลักเขาออกห่าง
“นี่เห็นว่าป่วยอยู่นะ ไม่งั้นคุณปริมคนสวยโดนจูบแน่ๆ” รัชภาคย์พูดอย่างคาดโทษทีเล่นทีจริงและหลิ่วตามองคนตรงหน้าอย่างนึกอยากจะจูบเธอขึ้นมาจริงๆ
“อย่ามาหาเรื่องเอาเปรียบซะให้ยาก” หญิงสาวเบ้ปาก สะบัดหน้าหนีเพื่อหลบสายตาวาววามที่จ้องมองมาแทบจะไม่กะพริบ
“เฮ้อ...” รัชภาคย์ได้แต่ถอนหายใจและพยายามระงับความพลุ่งพล่านที่เกิดขึ้นกับร่างกายตัวเองในขณะนี้ลงเพราะไม่อยากให้ปริมาตกใจจนเตลิดกลัวเขาไปมากกว่านี้….