๔.๑ เพราะเธอคือคำตอบ
๔
เพราะเธอคือคำตอบ
เสียงโทรศัพท์ของปริมาดังขึ้นติดต่อกันหลายครั้ง หลังจากเธอกลับมาถึงบ้าน เบอร์ที่แสดงบนหน้าจอทำให้หญิงสาวสะบัดหน้าหนีอย่างรู้สึกน้อยใจเขาขึ้นมาจริงๆ และพาลไม่ยอมรับสาย หากแต่การกระทำนั้นยิ่งทำให้รัชภาคย์ร้อนใจอย่างบอกไม่ถูกที่ปริมาไม่ยอมรับโทรศัพท์เสียที
และอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา รถของเขาก็แล่นมาจอดยังหน้าบ้านของปริมา แต่วันนี้หญิงสาวไม่ได้อยู่หน้าบ้านเหมือนเช่นวันก่อน เธออยู่หลังบ้านและเดินหลบขึ้นห้องไปทันทีที่ได้ยินเสียงรถของรัชภาคย์ทำเอาแม่พิมมองตามลูกสาวอย่างงงๆ
ร่างสูงเดินดุ่มๆ เข้าบ้านอย่างเริ่มคุ้นเคย
“ผมมาหาปริมครับ” ชายหนุ่มบอกแม่พิมไปตามตรง
“เห็นบ่นว่าปวดหัวเลยขอตัวขึ้นไปนอนพักแน่ะจ้ะ” แม่พิมแก้ต่างให้ผู้เป็นลูกสาว
“ถ้าอย่างนั้นผมขออนุญาตรอจนกว่าปริมจะตื่นได้ไหมครับ”
“เอาสิจ๊ะ” หญิงวัยกลางคนพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต ชายหนุ่มจึงนั่งคุยกับพ่อและแม่ของปริมาเพื่อรอเวลา หากแต่เวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่าจนกระทั่งเย็นมากแล้วก็ไม่มีวี่แววที่ปริมาจะลงมาเสียที ชายหนุ่มแอบถอนหายใจอย่างหนักอึ้งหลายครั้ง เขาอยากเห็นหน้า อยากปรับความเข้าใจ ไม่อยากให้เธอเข้าใจผิดและหันหลังให้เขาแบบนี้
พ่อทองกับแม่พิมมองหน้ากันเป็นเชิงปรึกษาก่อนที่แม่พิมจะเป็นฝ่ายเดินขึ้นไปที่ชั้นสองเพื่อเรียกปริมาให้ลงมาพบรัชภาคย์
ก๊อก ก๊อก...
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นสองครั้งก่อนที่แม่ของปริมาจะผลักประตูเข้าไป
“ปริม พ่อกันต์จะกลับแล้วนะลูก”
“กลับก็ช่างเขาสิคะแม่” หญิงสาวตอบอย่างไม่ใยดี
“ไม่ลงไปหน่อยเหรอลูก เขาอุตส่าห์มาหานะ”
“ปริมไม่ได้อยากให้เขามานี่คะ แม่บอกให้เขากลับไปทีค่ะ”
“ไม่น่ารักเลยนะปริม แม่ไม่เคยสอนให้ลูกเป็นคนแบบนี้นะ มีปัญหาอะไรก็ไปคุยกันให้เข้าใจ โตๆ กันแล้ว อย่าหนีปัญหาสิลูก”
ปริมาหน้าเจื่อนลงไปเล็กน้อยที่โดนมารดาตำหนิ เพราะปกติแม่พิมจะไม่ค่อยดุอะไรเธอนักถ้าสิ่งนั้นไม่ผิดจริงๆ หญิงสาวจึงจำใจเดินลงมาชั้นล่าง
ทันทีที่เห็นร่างเพรียวระหงรัชภาคย์ก็ยิ้มออกเป็นครั้งแรกในรอบหลายชั่วโมงที่ผ่านมา
“ไปส่งพ่อกันต์หน่อยสิปริมเขากำลังจะกลับแล้ว” พ่อทองบอกลูกสาว หญิงสาวไม่ได้พูดอะไรนอกจากเดินนำหน้าเขาลิ่วๆ ออกจากบ้านและตรงไปยังรถโดยไม่ยอมหันหน้ามามองคนที่เดินตามหลังมาติดๆ เลยสักนิด
มือหนาเอื้อมมารั้งข้อศอกเธอไว้เมื่อใกล้จะถึงรถ “ปริมครับ”
“มีอะไรคะ” ปริมาตอบด้วยน้ำเสียงห่างเหิน วางท่านิ่งเฉยใส่เขา
“โกรธผมเหรอ” เสียงทุ้มพูดอย่างงอนง้อ
“โกรธเรื่องอะไรคะ” เธอย้อนถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ใบหน้ากลับง้ำงอ
“แล้วทำไมต้องหลบหน้าผมด้วย”
“เปล่าซักหน่อย ปริมแค่ปวดหัว”
นิ้วเรียวแตะที่ปลายคางมนแล้วเชยขึ้นเพื่อให้สบตากับเขา นัยน์ตาคมเข้มจ้องลึกลงไปอย่างค้นคว้า แสงไฟที่ส่องสว่างให้เห็นเพียงเล็กน้อยช่วยปิดบังร่องรอยความหวั่นไหวในดวงตาของเธอได้บ้าง
“ตาปริมมันฟ้อง”
“ฟ้องเรื่องอะไรคะ”
เขาหรี่ตาลงแคบๆ “ปริมกำลังหึงผม”
“นี่! อย่าโมเมนะ ทำไมปริมต้องหึงคุณด้วย” หญิงสาวทำท่าโวยวายเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกในใจที่โดนเขาจับได้
“แล้วทำไมต้องรีบหนีมาแบบนั้น รู้ไหมผมดีใจแค่ไหนที่เห็นปริมไปหา”
“ปริมบอกแล้วว่าปริมไปธุระ ไม่ได้ไปหาคุณ” ปริมาแก้ต่างให้ตัวเอง
“คิดถึงผมใช่ไหม” เขาตีขลุมถามเอาดื้อๆ
“หลงตัวเอง” ตาสวยหวานตวัดค้อนพร้อมกับปัดมือเขาออกจากคางของตัวเอง
“ดีใจจัง” รัชภาคย์รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาในตอนนั้น เมื่อท่าทางที่เย็นชาของเธอแปรเปลี่ยนเป็นเง้างอน
“ไปกันใหญ่” หญิงสาวค่อนขอดแต่ก็อดยิ้มไม่ได้และลืมไปชั่วขณะว่ากำลังโกรธเขาอยู่ โกรธเรื่องอะไรปริมาก็ตอบตัวเองไม่ได้ รู้แต่ว่าเจ็บแปล๊บๆ ในหัวใจเมื่อเห็นเขามีผู้หญิงอื่นอยู่เคียงข้าง
“ปริมยิ้มได้แล้ว”
ประโยคนั้นทำให้ปริมาต้องหุบยิ้มทันที และทำหน้าเฉยเมยใส่เขาอีกครั้ง
“โธ่ ปริมครับ” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบาๆ “ยิ้มเหมือนเมื่อกี้ก็ดีแล้ว”
“กลับซะทีสิคะ ปริมจะเข้าบ้าน” เธอรีบไล่เขา
“ไม่กลับจนกว่าปริมจะหายโกรธผม”
“ไม่ได้โกรธค่ะ”
“แต่น้ำเสียงของปริมมันไม่ใช่นี่” รัชภาคย์ไม่ยอมง่ายๆ เช่นกัน
“ปริมจะโกรธคุณเรื่องอะไรล่ะคะ”
“เรื่องน้องแพร” เขาวกเข้าประเด็นทันทีอย่างรู้ทัน
“อ๋อ...ชื่อน้องแพรหรือคะ” ปริมาแกล้งลากเสียงยาว รู้สึกหมั่นไส้อย่างไม่มีเหตุผลเมื่อได้ยินเขาเรียกแฟนเขาอย่างอ่อนโยน
“ปริมครับ...”
“ก็เหมาะสมกันดีนะคะ คุณน้องแพรเธอก็สวยน่ารักดี”
“ปริม!” เขาเอ็ดด้วยน้ำเสียงดุๆ เมื่อรู้สึกว่าเธอประชดประชันจนไม่คิดจะฟังคำอธิบายอะไรเลย
“คุณมีแฟนแล้วก็อย่ามายุ่งกับปริมอีก ไปให้พ้นจากชีวิตปริม ปริมเกลียดพวกผู้ชายมักง่ายอย่างคุณที่สุด” หญิงสาวเริ่มเสียงดังขึ้นและผลักไสไล่ส่งเขาออกไปจากชีวิต จนรัชภาคย์ทนฟังไม่ได้ ในนาทีนั้นชายหนุ่มจึงดึงร่างบางเข้าไปกอดและทาบริมฝีปากลงบนริมฝีปากเย้ายวนของเธอทันทีเพื่อหยุดไม่ให้หญิงสาวหลุดคำพูดใดๆ ออกมาทำร้ายจิตใจเขาอีก
ปริมาตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะเพราะไม่คิดว่ารัชภาคย์จะกล้าทำแบบนี้
ชายหนุ่มระดมจูบบดกระแทกริมฝีปากบางอย่างหนักหน่วงเพื่อต้องการสั่งสอนคนดื้อรั้นให้รู้จักฟังเหตุผลเสียบ้าง หากแต่เมื่อได้ลิ้มลองความหวานล้ำราวกับน้ำผึ้งป่าในยามเดือนห้า อารมณ์ของเขาก็เตลิดไปไกล จากที่ต้องการจูบลงโทษก็แปรเปลี่ยนเป็นเรียกร้องและเร่าร้อน
ริมฝีปากหนาเคล้าคลึงสลับกับดูดเม้มเบาๆ การรุกรานอันเชี่ยวชาญนั้นปลุกเร้าอารมณ์ของปริมาให้ปั่นป่วนขึ้นมาจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ทุกจังหวะการดูดของริมฝีปากหยักกระตุ้นให้เลือดแล่นมาเลี้ยงที่ริมฝีปากบางจนเกิดความอบอุ่น อ่อนไหวอย่างบอกไม่ถูก
“อื้อ...” เสียงครางอู้อี้ลอดริมฝีปากบางระเรื่อออกมาผาดแผ่วอย่างต้องการประท้วง มิใช่ประท้วงเขาอย่างเดียวแต่ประท้วงตัวเองที่หัวใจกำลังทรยศร่างกาย
เขากอดกระชับแน่นจนอกอวบอิ่มจมหายไปในอ้อมกอดเขา...ดวงใจสองดวงแนบชิดกันเต้นระรัวไม่เป็นส่ำ
ทำไมจูบของเขาช่างชวนมึนเมาราวกับรสชาติของวิสกี้ที่บ่มจนได้ที่เช่นนี้...ปริมาคิดในขณะที่ริมฝีปากเผยอขึ้นเล็กน้อยเปิดทางให้เขาสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากนุ่ม ลิ้นสากระคายควานหาความหวานไปตามเพดานปาก กระพุ้งแก้ม ก่อนจะวนเข้าไปเกาะเกี่ยวร้อยรัดเข้ากับลิ้นนุ่มพร้อมกับดูดเบาๆ เป็นจังหวะชวนวาบหวามส่งต่อไปยังช่องท้องแบนราบทันทีจนหญิงสาวตัวสั่นระริกร้อนผ่าวไปด้วยไฟปรารถนา ร่างกายแทบจะต้านทานการปลุกเร้าแบบนี้แทบไม่ไหว
รัชภาคย์ค่อยๆ ถอนจูบออกอย่างเสียดายและต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการที่จะผละจากความหวานตรงหน้า
“นี่คือการลงโทษที่คุณกล่าวหาผม” เขาเอ่ยขึ้นโดยที่ยังไม่ยอมปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน
“ปล่อยนะ” ปริมาแหวใส่และดิ้นรนผลักใสด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการอันแข็งแรงของเขา แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งเหมือนจุดชนวนความปรารถนาให้ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง เพราะกลิ่นหอมอ่อนๆ จากร่างกายนุ่มนิ่มที่กำลังเสียดสีคลุกเคล้ากับร่างกายแข็งแกร่งของเขาอยู่ตอนนี้ กระตุ้นให้บางอย่างเกิดอาการตื่นตัวขึ้นจนปวดร้าว ความยับยั้งชั่งใจที่จะไม่กระชากเธอเข้ามาจูบอีกรอบแทบจะหมดลง
“น้องแพรไม่ใช่แฟนผม” ชายหนุ่มเค้นเสียงพูด หอบหายใจฟืดฟาดด้วยอารมณ์ปั่นป่วนที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างรุนแรง
“มันเรื่องของคุณ ปริมไม่สนใจ” ปริมาเบี่ยงตัวหนีอย่างร้อนรน และไม่คิดจะฟังข้อแก้ตัวใดๆ เพราะโกรธที่ถูกเขาระดมจูบอย่างบ้าคลั่งแบบนั้น
“ถ้าปริมยังไม่ยอมฟังดีๆ ผมจะจูบปริมอีกรอบ” ชายหนุ่มขู่อย่างเอาจริง วงแขนแข็งแรงรัดร่างบางแน่นขึ้นกว่าเดิม ทำให้ต้นขาแกร่งแนบชิดกับต้นขากลมกลึงมากยิ่งขึ้น ความเป็นชายที่กำลังตื่นตัวกดคลึงแนบเข้ากับท้องน้อยของเธออย่างจัง
รัชภาคย์ร้อนผ่าวไปด้วยไฟปรารถนา มือหนาเลื่อนมากอบกุมสะโพกกลมกลึงและเริ่มบีบเค้นเป็นจังหวะ ปริมาหน้าแดงขึ้นมาทันที รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งร่าง ปฏิกิริยาเหล่านั้นทำให้หญิงสาวหยุดดิ้นโดยอัตโนมัติ
“อืม...แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน” เขาเอ่ยขึ้นอย่างพอใจเมื่อเห็นปริมานิ่งไป
“คนบ้า” หญิงสาวแหวใส่ทั้งที่เอียงอายอย่างที่สุด รัชภาคย์ดันร่างบางออกห่างเล็กน้อย นิ้วเรียวแข็งเลื่อนมาเชยคางมนขึ้นให้สบตากับเขาอีกครั้ง
“ฟังนะครับปริม ผมไม่เคยคิดอะไรกับน้องแพรมากไปกว่าน้องสาวคนหนึ่ง ผู้หญิงคนเดียวที่ผมอยากให้มาเป็นแฟนและเป็นแม่ของลูกก็คือคุณ” ชายหนุ่มพูดตรงไปตรงมา
“ผมรักคุณ”
ปริมาตัวแข็งทื่อไปทันทีกับประโยคต่อมาของเขา...
“ได้ยินมั้ยปริม ผมรักคุณ...” เขาย้ำประโยคเดิมอีกครั้งอย่างชัดเจนในความรู้สึกของปริมา
“คะ?” หญิงสาวตกตะลึง เบิกตาโต อ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
รัชภาคย์อดยิ้มไม่ได้กับท่าทางอ้ำอึ้งของคนที่เมื่อครู่ยังอาละวาดใส่เขาราวกับแม่เสื้อน้อยที่กำลังโกรธจัด
“เข้าใจผมหรือยังครับ” เสียงทุ้มลึกถามอย่างอ่อนโยน
“มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอคะ” ปริมาถามเสียงผาดแผ่วเหมือนคนละเมอ
“ผมว่ามันช้าไปด้วยซ้ำที่เพิ่งจะมาบอกคุณ ปริมครับเราเป็นแฟนกันนะ” รัชภาคย์รุกต่อทันที
“อะไรนะคะ!” เธออุทานอย่างตกใจอีกครั้ง
“ผมกำลังขอปริมเป็นแฟน”
“คุณแน่ใจนะคะว่าไม่ได้กินอะไรผิด”
“ไม่เคยแน่ใจเท่านี้มาก่อนในชีวิต” เขาบอกอย่างมั่นใจ
“ขอคิดดูก่อนได้ไหมคะ ปริมว่ามันเร็วไป”
“คิดได้ครับแต่ห้ามนาน ผมให้เวลาปริมหนึ่งอาทิตย์แล้วผมจะมาฟังคำตอบ” ชายหนุ่มย้ำก่อนจะดึงตัวเธอเข้ามาใกล้และประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากเธอเบาๆ เหมือนเช่นทุกครั้งก่อนที่จะขึ้นรถและขับออกไป