บทที่ 1 (2)
คุณหนูอิงฟ้า โรจน์สุวรรณ ลูกสาวคนเล็กของพ่อเลี้ยงทวีศักดิ์ ผู้ซึ่งมีผืนดินทั้งที่ราบต่ำและราบสูงหลายพันไร่ และพื้นที่ดังกล่าวได้แบ่งสรร จัดส่วนในการทำการเกษตร โดยมีชื่อว่าไร่โรจน์สุวรรณ ปลูกผัก ผลไม้ อย่างละหลายร้อยไร่ เช่น แครอทนอก คะน้าฮ่องกง ถั่วหวาน บีทรูท เลมอน ส้ม องุ่น ทั้งยังมีฟาร์มโคนม สินค้าส่งออกขายไปทั่วประเทศ ตลอดจนต่างประเทศด้วย ทั้งยังนำผลผลิตมาแปรรูปเป็นขนม อาหาร เครื่องดื่ม ซึ่งพวกนี้จะวางจำหน่ายในร้านของไร่เพียงเท่านั้น และในปัจจุบันได้มีการขยายสาขาไปตามเมืองจังหวัดต่างๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป็นที่เรียบร้อย
“เข้าห้องน้ำแค่แป๊บเดียวทำไมต้องทำหน้าตาหงุดหงิดใส่ฟ้าขนาดนี้ด้วยคะติณณ์ ฟ้าไม่ได้หายตัวไปเป็นชั่วโมงสักหน่อย ทำหน้าให้มันดีหน่อยเถอะค่ะ ขอร้องล่ะ นี่ถ้าแยกเขี้ยวออกมาคงไม่ต่างจากรูปปั้นยักษ์ที่วัดแจ้ง” อิงฟ้ายืนกอดอก ประจันหน้า ปากอิ่มบ่นเสียงดังกับคนตรงหน้า เธอตั้งใจให้คนตัวสูงอย่างกับเสาไฟฟ้าได้ยินเต็มสองหู เดินออกมาจากห้องน้ำอย่างรื่นรมย์ ก็มาพบหน้าตาเคร่งเครียดที่หนักกว่าเดิมของคนรอ ประดุจบอดี้การ์ดส่วนตัวที่เธอบังคับให้เขาออกมาด้วยกันก็แทบจะอารมณ์บูดบึ้งตามในทันที เธอชอบให้เขายิ้มแย้มมากกว่าเป็นไหนๆ แต่เขาก็ไม่ค่อยจะชอบฉีกปากยิ้มเท่าที่ควร คนเรามันจะหงุดหงิดได้ตลอดเวลาจริงๆ น่ะเหรอ เหอะ! ไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะเขานี่แหละที่ทำให้เห็น
“นี่มันก็เริ่มจะเย็นเข้าไปทุกทีแล้วนะครับ ไม่ทราบว่าเราสองคนจะกลับคอนโดกันได้หรือยังครับคุณหนูอิงฟ้า ของที่จะขนกลับไร่ก็ยังไม่ได้เก็บไม่ใช่เหรอครับ พ่อเลี้ยงให้เวลาเถลไถลช้าสุดได้แค่สามวันเท่านั้น ถ้าคุณหนูยังคงไม่ลืมคำสั่งของท่านที่ได้บอกก่อนหน้านี้ไป” ชายหนุ่มพูดกับคุณหนูสาวด้วยน้ำเสียงจริงจัง เป็นงานเป็นการ เคร่งครัดในคำสั่ง ทว่าภายในใจนั้นก็นึกอยากจะลากเอาคนดื้อดึงกลับเลยเสียด้วยซ้ำ โดยไม่ฟังคำทัดทานใดๆ ที่หลุดออกมาจากปากอิ่มให้รู้แล้วรู้รอด แต่เขาก็ไม่อาจทำอย่างนั้นได้ดั่งใจคิด หน้าเชิดๆ ตาจิกๆ นี่ก็อีก พลันทำให้จากที่ดูเป็นนางฟ้า พอเจอลักษณะนี้เข้าดันกลายร่างเป็นนางมารน้อยในพริบตาได้อย่างไม่น่าเชื่อ
นี่เขาจะรู้ตัวบ้างไหม ว่าไอ้ลักษณะท่าทางแบบนี้ของเขามันสร้างความหงุดหงิด คันยุบคันยิบในหัวใจให้คนมองอย่างเธอไม่น้อยเลย คนบื้อ! คนบ้า! เอะอะอะไรก็อ้างคุณพ่อสั่งอย่างนั้นอย่างนี้ ชอบขัดใจเธอที่สุด ดวงตาสีน้ำตาลเข้มลุกวาว จ้องคนหน้านิ่งไม่วางตา ริมฝีปากขบเม้มแน่นอย่างไม่พอใจ อยากรู้ว่าในหัวเขาเนี่ย ในวันหนึ่งคิดอะไรบ้างที่นอกเหนือจากงานในไร่ และจากการที่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพังในครั้งนี้ เธอได้ข้อสรุปที่ค่อนข้างชัดเจนอีกอย่างหนึ่งว่า เขาน่ะชักจะทำตัวเหมือนคนอายุเยอะเข้าไปทุกที
“ติณณ์จะรีบไปไหนไม่ทราบ ฟ้ายังช็อปปิ้งไม่จุใจเลยนะคะ เรามายังไม่ถึงสองชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ ส่วนข้าวของน่ะ ฟ้าไม่คิดจะเอาอะไรกลับไปเยอะแยะหรอกค่ะ แล้วฟ้าก็ยังไม่ทันได้ร่ำลาเพื่อนๆ เลยสักคนติณณ์ก็ดันมาซะก่อน แทนที่จะโทรบอกกันล่วงหน้า นี่เล่นมาไม่บอกไม่กล่าว เรื่องนี้จะมาโทษฟ้าไม่ได้นะคะ” เขานั่นแหละที่เป็นคนผิดเบอร์โทรศัพท์เธอก็มีแต่ไม่ยอมกดโทรหาหรือส่งข้อความมาบอกให้ได้รู้เนื้อรู้ตัวก่อน คือมารู้อีกทีก็ตอนที่ประชาสัมพันธ์โทรขึ้นมาแจ้งแล้วว่ามีใครมาพบ คุณพ่อเองก็ไม่ได้บอกว่าจะส่งใครมาวันไหน บอกแต่เพียงว่ามาแล้วก็รู้เอง และก็ทำให้เธอเซอร์ไพรส์มาก ก.ไก่ล้านตัวด้วย เพราะที่ใจคิดไว้คนๆ นั้นต้องเป็นพี่เติมเต็ม พี่ชายสุดที่รักแน่นอน แต่ดันผิดคาดไปซะนี่ ซึ่งเหตุผลที่คุณพ่อผู้เคารพรักอยากให้กลับคือเธอเรียนจบได้สักระยะแล้วจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่กรุงเทพต่อ แต่เธอก็ยังคงดื้อด้านไม่ยอมกลับบ้านไปช่วยงานที่ไร่สักที ผลัดวันไปเรื่อย โดยไม่มีกำหนดการที่แน่ชัดว่าเมื่อไหร่จะกลับไป พ่อเลี้ยงทวีศักดิ์เลยยื่นคำขาด มัดมือชกเมื่อทนรอต่อไปอีกไม่ไหว และไอ้ความคิดที่ว่าจะลองหาประสบการณ์ทำงานที่อื่นเพื่อเรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้อื่นด้วยการเป็นมนุษย์เงินเดือน ความคิดนั้นตัดทิ้งไปได้เลย เคยลองเปรยๆ ดูแล้ว ทั้งพ่อ ทั้งพี่รีบค้านกันยกใหญ่
‘จะไปเสียเวลากับที่อื่นทำไมล่ะฮึ ไร่เรามีอะไรให้ลูกสาวพ่อเรียนรู้อีกตั้งมากมาย เรียนจบแล้วก็กลับมาช่วยพ่อ ช่วยพี่เต็ม ทำงานที่บ้านของเรานี่แหละลูก ระดมสมอง ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ช่วยกันพัฒนาให้ก้าวไกลมากกว่าเดิม’
“ยังไม่ถึงสองชั่วโมงแต่คุณหนูเดินเข้าชมเกือบทุกร้านที่ผ่านยังบอกว่าช็อปปิ้งไม่จุใจอีกเหรอครับ แล้วใส่ส้นสูงเดินตะลอนไปทั่วไม่เมื่อยบ้างหรือยังไง” เขายกถุงในมือขึ้นสูงให้เห็นกันชัดๆ เผื่อคนซื้อจะลืมว่ากว้านซื้อมาเท่าไหร่แล้ว นับถือใจจริงๆ “และอีกอย่างผมก็ทิ้งงานมาอยู่ที่นี่นานมากไม่ได้หรอกนะครับ ที่ไร่มีงานรออยู่อีกมาก ส้มก็ใกล้เวลาที่จะเก็บแล้วด้วย ผมจะต้องรีบกลับไปสะสางอะไรอีกหลายอย่าง ช่วยกรุณารีบร่ำลาบรรดาเพื่อนๆ ของคุณหนูได้แล้ว เราสองคนจะได้กลับบ้านกันสักที ไปแล้วไม่ได้ไปลับสักหน่อยถึงต้องใช้เวลาร่ำลานานหลายวันขนาดนั้น”
เขาไม่ได้ต้องการจะบ่นมาก แต่พอได้พูดแล้วมันก็ยาว เพราะต้องอธิบายในสิ่งที่เจ้าตัวรู้อยู่แล้วแต่ไม่ยอมเข้าใจอะไรง่ายๆ อยากจะยกมือขึ้นคลึงขมับแต่ติดที่ถือถุงช็อปปิ้ง เลยได้แต่คิด อยากจะบ้าตาย การคุยกับคุณหนูอิงฟ้าในแต่ละครั้ง เขาต้องใช้ความอดทนค่อนข้างมากทีเดียว ไม่ใช่คนพูดมากก็ต้องพูดมากขึ้นมากอีกเป็นเท่าตัว เส้นเลือดข้างขมับเต้นตุบๆ ผู้หญิงเป็นเพศที่เข้าใจยากอยู่แล้วเรื่องนี้พอจะรู้ แต่เมื่อเป็นคุณหนูอิงฟ้าให้คูณสองคูณสามเข้าไปอีก ถึงจะได้ผลลัพธ์