บทย่อ
“เราไม่ได้อยู่ในที่ลับตาผู้คนนะคะที่รัก อย่าประเจิดประเจ้อค่ะ” หญิงสาวเอ่ยเตือนเบาๆ ถึงจะไม่มีใครสนใจเธอกับติณณ์ก็เถอะ เพราะแต่ละคู่ แต่ละครอบครัว คณะเพื่อนฝูง ต่างก็สนใจอยู่กับคน ของตัวเองกันทั้งนั้น “พี่ชอบที่ฟ้าเรียกพี่ว่าที่รัก เรียกตลอดเลยยิ่งดี และพี่จะชอบมากกว่านี้ถ้าเราอยู่ด้วยกันตามลำพังแค่สองคนในชุดวาบหวิวแบบนี้ ไม่ใช่สถานที่ที่เต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา” พึมพำ ก่อนจะกดปากจูบที่เนินเนื้อนุ่มที่โผล่พ้นคอชุดว่ายน้ำ ขบกัดจนเกิดรอยแดงสองสามแห่ง ไม่สนเสียงโวยวายราวกระซิบ
บทนำ
ไร่โรจน์สุวรรณ.
เสียงนกน้อยร้องจิ๊บๆ เซ็งแซ่ ราวพวกมันกำลังร่วมกันบรรเลงขับร้องเพลงประสานเสียง ท่วงทำนองแรกเริ่มรำคาญหู นานไปนั้นกลายเป็นเพลิดเพลิน ขณะที่ดวงตะวันยังไม่โผล่พ้นเส้นขอบฟ้า เนื่องด้วยยังอยู่ในช่วงเช้ามืดค่อนสว่าง แสงแดดจึงยังไม่ปรากฏ หยดน้ำค้างใสแจ๋วเกาะพร่างพราวอยู่ตามยอดใบหญ้าบ้าง ใบไม้บ้าง ประกอบกับสายหมอกที่ค่อนข้างหนาตา ลอยละล่องอยู่ในอากาศ ปกคลุมก้อนเมฆเหนือสันเขาเขียวขจีที่สลับซับซ้อนกันไปเป็นแนวยาวไกลสุดลูกหูลูกตา บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติอันงดงามในแถบพื้นที่นี้ สายลมที่โบกโชยมาอย่างต่อเนื่องให้ความรู้สึกสดชื่น และเย็นสบาย อากาศแสนบริสุทธิ์ที่ไม่สามารถปรุงแต่งได้ และช่วงเวลานี้น่าจะเหมาะแก่การนอนซุกตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาอยู่บนเตียงนุ่มๆ มากกว่าการทำอะไรทั้งสิ้น แต่ไม่ใช่สำหรับสองหนุ่มต่างวัยที่กำลังนั่งซึบซับความงาม สูดเอาออกซิเจนเข้าปอด ไร้เสียงพูด ไร้เสียงคุยมีแต่เสียงของธรรมชาติ
คนหนึ่งคือชายสูงอายุวัยหกสิบกลางๆ ที่มีบุคลิกภายนอกดูน่าเกรงขาม ส่วนอีกหนึ่งคนนั้นคือชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ รูปร่างสูงใหญ่ลักษณะท่าทางไม่ผิดแผกจากชายสูงวัยที่เป็นบิดานัก ทั้งสองคนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง คนในพื้นที่ละแวกแถบนี้ให้ความเคารพนับถือ ยำเกรงและเรียกขานสรรพนามอย่างติดปากว่า ‘พ่อเลี้ยง’ ซึ่งก็คือเจ้าของไร่โรจน์สุวรรณที่มีอาณาเขตพื้นที่อยู่ในกรรมสิทธิ์การครอบครองผืนดินทั้งราบลุ่มไปจนถึงราบสูงจำนวนหลายพันไร่ ที่ได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยได้สั่งสมมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษหลายรุ่น จวบจนปัจจุบันพื้นที่ยังคงขยายและถูกพัฒนาให้เกิดประโยชน์อย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นอาณาจักรขนาดย่อมๆ มันกว้างใหญ่ไพศาลเกินกว่าที่จะมองเห็นด้วยสายตาเปล่าของตัวเอง
พ่อเลี้ยงทวีศักดิ์ และพ่อเลี้ยงเติมเต็มได้ออกมานั่งตรงชานบ้านที่ทำระเบียงยื่นออกมาจากตัวบ้านบริเวณชั้นสองเพื่อดื่มด่ำบรรยากาศของวิวทิวทัศน์ระดับพรีเมียม หากจะตีราคาก็คงเป็นมูลค่ามหาศาล เพราะไม่ว่าจะมองไปทิศทางใดรอบตัวสามร้อยหกสิบองศาก็จะมีความงดงามของธรรมชาติที่ก่อกำเนิดโดยที่มนุษย์ไม่ได้เป็นคนรังสรรค์ขึ้นมาเช่นเดียวกับภาพวาดที่ศิลปินตวัดปลายพู่กันลงบนแผ่นกระดาษแล้วออกมาให้ผู้คนได้ชื่นชมถึงความงาม นี่มันสัมผัสได้จริงๆ จมูกสูดเอาอากาศแสนบริสุทธิ์ และสดชื่นเข้าสู่ปอดระลอกแล้วระลอกเล่า มันหาได้ยากตามเมืองใหญ่ ซึ่งเต็มไปด้วยมลพิษทางอากาศ ซ้ำยังทำลายสุขภาพ พลางจิบชา กาแฟ กินขนมปังปิ้งรองท้อง แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันไปพลางๆ ระหว่างพ่อกับลูก
“แกได้โทรหาเจ้าติณณ์บ้างไหมเจ้าเต็ม” พ่อเลี้ยงทวีศักดิ์ละสายตาจากเบื้องหน้ามามองลูกชายคนโต และคนเดียวที่เป็นเพศชายที่กำลังนั่งไขว่ห้างจิบกาแฟอย่างสบายอารมณ์ ทุกวันนี้เติมเต็มคือหัวเรือใหญ่ ทำหน้าที่ทุกอย่างแทนพ่อที่กลายเป็นคนชีพจรลงเท้า ใช้เวลาที่ว่างเว้นจากการดูแลกิจการงานภายในไร่ที่ผันตัวเองมาเป็นที่ปรึกษาไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ กับพรรคพวกที่ขยันจัดทริปประเทศนั้น จังหวัดนี้อยู่เรื่อย เป็นทัวร์คนแก่ที่ไม่ได้มีความโลดโผน ไม่ต้องใช้แรงกายอะไรมากมายเหมือนวัยรุ่นหนุ่มสาวสมัยใหม่ เน้นไหว้พระ ทำบุญเป็นหลักใหญ่ ซึ่งมันบ่อยครั้งเสียจนลูกสาวสุดที่รักบ่นเป็นหมีกินผึ้งประจำ หากทราบข่าวคราวการเดินทาง ที่อิงฟ้าบ่นไม่ใช่เรื่องอะไรหรอก เป็นห่วงสุขภาพของพ่อนั่นเอง กลัวว่ามากเกินไปจะเจ็บป่วยเอาได้ หากร่างกายปรับตัวไม่ทัน
ไอ้ตัวเรามันแก่แล้วก็จริง แต่จะให้นั่ง ให้นอนอยู่บ้านเฉยๆ มันน่าเบื่อ ครั้นจะช่วยงานในไร่เหมือนก่อนลูกๆ ก็ไม่อยากให้ช่วยมากเท่าที่ควร ดังนั้นบั้นปลายชีวิตที่ยังคงมีลมหายใจอยู่นี้ หลังจากที่สู้ทนใช้ร่างกายทำงานหนักมาหลายสิบปี จึงขอใช้ช่วงเวลาหลังปลดเกษียณ และเรี่ยวแรงที่ยังหลงเหลือออกไปตระเวนดูสิ่งที่น่าสนใจนอกบ้านสักหน่อย ลูกทั้งสองคนก็โตมากพอที่จะฝากฝังให้รับผิดชอบอะไรต่อมิอะไรแทนได้ทั้งลูกชาย ลูกสาว ไม่มีอะไรต้องกังวลใจสักเท่าไหร่ ถ้าจะมีห่วงเป็นพิเศษก็เรื่องของคู่ครองลูกๆ ว่าที่ลูกสะใภ้ และว่าที่ลูกเขยในอนาคต
“ติณณ์มันโทรมาหาผมเมื่อก่อนที่ผมจะออกมานี่เองครับพ่อ” พ่อเลี้ยงเติมเต็มตอบบิดายิ้มๆ ท้องฟ้ายังไม่ทันสว่างมันก็โทรมาปลุกแล้วพอวางสายจากมันครั้นจะล้มตัวลงนอนต่อก็ข่มตาหลับไม่ลงแล้วด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบด้วยมันจึงกลายเป็นนิสัย ตื่นแต่เช้าจนชินคล้ายถูกตั้งระบบอัตโนมัติเอาไว้ ถึงเวลาก็ลืมตา ลุกขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวัน เข้าไร่ ตรวจงาน เข้าออฟฟิศดูเอกสาร เป็นอย่างนี้มานานหลายปี พลางนึกย้อนถึงเรื่องราวที่คุยกับเพื่อนรักที่เติบโตมาด้วยกัน อีกทั้งยังเป็นเพื่อนร่วมงานคนสนิทที่ไว้วางใจมากที่สุด มันรับสายเท่านั้นแหละมันแทบจะไม่คุยเรื่องอื่นเลย คอยแต่จะถามถึงงานในไร่ ตรงนั้นเป็นยังไงตรงนี้มีปัญหาอะไรไหม เป็นเขาเองที่ต้องตัดบทสารพัดคำถามของมัน และถามไถ่เรื่องอื่นขึ้นมาแทน ไม่อย่างนั้นก็วนเวียนอยู่กับงานในไร่ที่ไม่รู้ว่าจะห่วงอะไรนักหนา เขาก็อยู่ไม่ใช่ว่าที่ไร่ไม่มีใครที่ไว้ใจได้ดูแลแทนมันเสียหน่อย
“คุยเรื่องงานกันอย่างเดียวงั้นเหรอ”
“ครับ เราคุยกันเรื่องงานกันเป็นหลักใหญ่ เรื่องทั่วไปเล็กน้อย ไม่ทราบว่าคุณพ่อคาดหวังอะไรมากกว่านั้นรึเปล่าครับ” พ่อเลี้ยงหนุ่มถามบิดาหน้าตาย แต่ประกายสายตากลับตรงกันข้าม จึงโดนผู้ให้กำเนิดมองค้อนเข้าให้
เดิมทีเขาคือคนที่จะต้องเดินทางไปรับยายน้องน้อยที่กรุงเทพด้วยตัวเอง แต่ว่าพ่อเลี้ยงทวีศักดิ์เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหันทั้งที่เขาเตรียมตัว เคลียร์งานเอาไว้พร้อมแล้ว แต่ก่อนการเดินทางเพียงหนึ่งวันมีคำสั่งจากบิดาบังเกิดเกล้าให้เขาอยู่ดูแลไร่ ไม่ต้องไปซะอย่างนั้นโดยให้เหตุผลว่าเพื่อความอุ่นใจเขาควรอยู่ และส่งไอ้ติณณ์ เพื่อนยากผู้ที่มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการไร่คนเก่งไปรับอิงฟ้าแทน ซึ่งถ้าไม่ใช่หมอนี่ ไม่มีทางที่พ่อเลี้ยงใหญ่แห่งโรจน์สุวรรณจะไว้วางใจถึงขั้นส่งตัวลงไปรับลูกสาวสุดที่รักกลับบ้านเพียงลำพังด้วยระยะทางหลายร้อยกิโลเมตรอย่างแน่นอน ตัวเขาเองก็ด้วย ความจริงแล้วในจังหวัดก็มีสนามบินไว้ใช้บริการสะดวกสบาย เดี๋ยวเดียวก็ถึงบ้านแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเลยด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อมันเป็นความต้องการของผู้ให้กำเนิด จึงต้องตามนั้น และมันจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับที่ใจคิดหรือไม่นั้น อันนี้ต้องรอดูสถานการณ์ต่อไปก่อน แต่คิดว่าไม่น่าจะคลาดเคลื่อน ปากหนาหยักโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเมื่อมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของบิดาที่เหมือนว่าท่านกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าติณณ์ก็คงจะรับมือกับน้องสาวจอมเอาแต่ใจของแกได้สบาย ว่าอย่างนั้นไหมล่ะเจ้าเต็ม หลังจากที่ยายฟ้าเอาแต่ผลัดวันประกันพุ่งมาหลายรอบ ถึงเวลาต้องกลับมาอยู่บ้านอย่างถาวรแล้ว” พ่อเลี้ยงทวีศักดิ์กล่าวกับลูกชายเนิบๆ มั่นใจในหลายส่วนว่าลูกสาวคนสวยคงไม่อยากจากบ้านไปพำนักพักพิงที่ไหนแล้วนับต่อแต่นี้ เว้นเสียแต่ว่าจะไปเที่ยว คิดแล้วพลางยกถ้วยชาร้อนขึ้นมาดื่ม ทอดสายตามองออกไปทางขุนเขาสลับซับซ้อนที่อยู่เบื้องหน้า ไม่ว่าจะอาศัยอยู่หนแห่งตำบลใดในประเทศกำเนิดของเราเองหรือมุมใดในใบโลกนี้ก็ตามแต่ เอาเข้าจริงๆ ย่อมไม่สุขกายสบายใจเท่ากับอยู่ในสถานที่ที่คุ้นเคยมาแต่อ้อนแต่ออก
“ผมก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้นนะครับคุณพ่อ นายติณณ์มันคงเอาลูกสาวคุณพ่ออยู่” เขาพึมพำเบาๆ คนเอาแต่ใจกับคนนิ่ง มีหนึ่งคนต้องยอมสยบ และคนที่ยอมสยบอย่างจำใจก่อนนั้นไม่รู้ว่าจะเป็นนายติณณ์หรือว่าน้องสาวของเขากันแน่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคนที่ต้องเผชิญกับอาการปวดหัวอย่างหนักขึ้นมากะทันหันไม่ทันได้รับมือคงจะหนีไม่พ้นไอ้คนบ้างานอย่างแน่นอน เขามั่นใจ บุคลิกลักษณะภายนอกดูเป็นคนเฉยชา จริงๆ นิสัยส่วนตัวมันก็เป็นอย่างนั้น แต่ถ้ามีอะไรมากระตุ้น เชื่อว่าความเฉยชาของมันต้องถูกทำลาย