บทที่ 5
“เอ่อ...คุณพูดภาษาอังกฤษได้ไหมคะ”
เอ่ยถามเสียงตะกุกตะกักเพราะความตกใจไปแล้ว ไอริณก็ได้แต่ถอนหายใจยาว เพราะอีกฝ่ายตอบเพียงคำเดียวว่า ‘โน (No)’ แล้วก็รัวคำถามเป็นภาษารัสเซียเหมือนเดิม
“โธ่...จะคุยกันรู้เรื่องไหมเนี่ย”
ไอริณบ่นอุบ เธอคงไม่ได้พบบิดาแน่ ถ้าหากยังคุยกันคนละภาษาเช่นนั้น หญิงสาวจึงตัดสินใจหยิบภาพถ่ายของบิดาออกมายื่นให้อีกฝ่ายรับไปดู พร้อมกับเอ่ยถามด้วยภาษาอังกฤษอีกครั้ง
“ใช่บ้านของคุณอังเดร โคโลเซฟ ไหมคะ ฉันเป็นลูกสาวเขา ฉันมาตามหาคุณอังเดรค่ะ”
เจ้าของร่างใหญ่ในชุดสูทสีดำกระชากภาพถ่ายจากมือของไอริณไปเพ่งมองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยื่นให้หญิงสาวคืน ก่อนจะตอบช้าๆ ว่า
“อังเดร โคโลเซฟ...โน (No)”
ได้รับคำตอบซ้ำๆ ว่าไม่ จากที่หวาดกลัว ก็กลายเป็นโมโหเข้ามาแทนที่ และด้วยความลืมตัว หญิงสาวจึงตะโกนถามออกไปด้วยน้ำเสียงค่อนข้างดัง
“หมายความว่ายังไง โน ฉันอยากพบพ่อ อยากพบคุณอังเดร ให้ฉันไปพบเขาได้ไหม”
ทั้งตะโกนถามเสียงดัง ทั้งยกมือเท้าสะเอว จ้องมองคนตัวใหญ่เขม็ง และคำตอบที่ไอริณได้รับก็ยังเป็นคำว่า ‘โน’ เหมือนเดิม
“โน โน โน”
ไม่ได้ปฏิเสธแค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่คราวนี้ชายในชุดสูทเล่นพูดซ้ำหลายๆ คำ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทร.หาใครสักคน แล้วรัวภาษารัสเซียใส่ปลายทางด้วย พอกดวางโทรศัพท์ไปแล้ว ก็ทำไม้ทำมือทำนองให้ไอริณยืนรอสักครู่
“หวังว่าคนที่เขาโทร.หาจะเป็นพ่อของเรานะ”
ไอริณยืนต่อสู้กับอากาศอันหนาวเย็นรออยู่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ให้กำลังใจกับตัวเองว่าอีกไม่กี่นาทีก็คงได้พบหน้าบิดาแล้ว
แต่แล้ว...ใบหน้างามก็ต้องเผยความผิดหวังออกมา เพราะคนที่กำลังเดินตรงมายังบริเวณที่เธอยืนอยู่ กลับเป็นชายอีกคน ซึ่งมองดูยังไงๆ ก็ไม่ใช่บิดาของเธออย่างแน่นอน
“สวัสดีครับ ผมชื่อคาซาน มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”
แม้อีกฝ่ายจะไม่ใช่บิดาของเธอ แต่ก็ยังดีหน่อยที่เขาสามารถสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้ ไอริณฝืนยิ้มให้อีกฝ่าย พร้อมกับยื่นภาพถ่ายบิดาไปข้างหน้า ขณะเอ่ยบอกถึงความต้องการของตนเอง
“สวัสดีค่ะ ฉันมาขอพบคุณอังเดร โคโลเซฟค่ะ”
“คุณเป็นผู้หญิงคนใหม่ของเขายังงั้นหรือ?”
ไอริณถึงกับหน้าตึงกับคำถามที่ได้ยิน อยากกำหมัดชกหน้าคนตรงหน้าสักเปรี้ยง! ที่บังอาจตั้งคำถามดูถูกเธอเช่นนี้ แต่อีกใจก็บอกตัวเองให้นับหนึ่งถึงสิบใจเย็นเข้าไว้ เพราะคงมีเขาแค่เพียงคนเดียว ที่จะให้คำตอบเรื่องบิดาของเธอได้
“เปล่าค่ะ ฉันเป็นลูกสาวของเขาค่ะ”
เจ้าของร่างใหญ่ในชุดสูทสากลสีดำ เลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความแปลกใจ เพ่งสายตาจ้องมองหญิงสาวเขม็ง แล้วถามย้ำคำอีกครั้ง
“คุณเป็นลูกสาวของอังเดร คุณไม่ใช่คนรัสเซียใช่ไหม”
“ฉันเป็นลูกครึ่งไทย-รัสเซียค่ะ”
ไอริณตอบเสียงห้วน ไม่พอใจอยู่บ้าง เมื่อถูกซักประวัติจากคนที่ไม่รู้จักกัน และที่สำคัญเธอต้องการคำตอบเรื่องการเข้าพบบิดา ไม่ใช่มายืนให้อีกฝ่ายถามประวัติส่วนตัว
“อืม...คุณเป็นลูกครึ่งไทย-รัสเซีย เหมือนเจ้านายของผม” คาซานเอ่ยบอกพร้อมกับคลี่ยิ้มกว้าง เพื่อผูกมิตรกับหญิงสาวสวยคมตรงหน้า
แต่! ไอริณไม่มีอารมณ์ที่จะรับรู้ว่าใครเป็นเจ้านายของผู้ชายคนนี้ และไม่สนใจว่าใครเป็นลูกครึ่ง เป็นลูกผสมเหมือนเธอ
“ฉันต้องการพบคุณอังเดร คุณพ่อของฉัน คุณช่วยไปบอกเขาได้ไหมคะว่าฉัน ‘ไอริณ’ ลูกสาวชาวไทยมาขอเข้าพบเขา”
คาซานส่ายหน้าปฏิเสธ แล้วเอ่ยตอบให้ไอริณต้องใจหายหล่นไปกองอยู่ที่ตาตุ่ม “เสียใจด้วยครับ คุณอังเดรไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว”
“ไม่ได้อยู่ที่นี่” ไอริณทวนคำเสียงสูง หน้าถอดสีซีดขณะเอ่ยถามต่ออย่างงงๆ “หมายความว่ายังไงคะ คุณพ่อของฉันอยู่ที่ไหน”
“อังเดรขายคฤหาสน์หลังนี้ให้กับเจ้านายของผม เขาและครอบครัวย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วครับ” คาซานตอบความจริงแค่เพียงครึ่งที่ว่า อังเดรย้ายออกไปจากคฤหาสน์หลังนี้แล้ว
ไอริณถึงกับเข่าอ่อน ใบหน้างามขาวซีดไม่ต่างจากกระดาษขาว กว่าจะตามหาบ้านของบิดาพบ หญิงสาวใช้เวลาเกือบครึ่งวัน แต่แล้วก็ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อบิดาไม่ได้อยู่ที่นี่
“คุณ...มีที่อยู่ใหม่ของคุณพ่อฉันไหมคะ”
คาซานนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ไม่อยากให้ความช่วยเหลือกับไอริณเท่าไรนั่น นั่นก็เป็นเพราะว่าอังเดร โคโลเซฟเป็น ‘ศัตรู’ ตัวฉกาจกับเจ้านายของเขา แต่พอเห็นใบหน้างามขาวซีด แถมดวงตาคู่สวยมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอเบ้า ก็เกิดอาการใจอ่อนขึ้นมาในทันที
‘เฮ้อ...เป็นโรคแพ้น้ำตาผู้หญิง...’
คาซานต่อว่าตัวเองอยู่ในใจ พลางหยิบปากกาออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วเขียนที่อยู่ของอังเดรลงไปด้านหลังภาพถ่ายที่ตนเองยังถืออยู่ ก่อนจะยื่นคืนให้กับไอริณ
“ที่อยู่ใหม่ของคุณอังเดร คุณไปตามหาเขาตามที่อยู่นี้ได้เลย”
ไอริณรับภาพถ่ายของบิดากลับคืน กวาดสายตาอ่านที่อยู่ที่ถูกเขียนลงไป ยอมรับว่ามึนงงไปหมดเพราะไม่รู้ว่าที่อยู่ใหม่ของบิดานั้นอยู่ส่วนใดของกรุงมอสโคว์
“ขอบคุณ...มากค่ะ...”
เอ่ยขอบคุณเสียงสั่นเครือไปแล้ว ไอริณก็หมุนตัวทำท่าจะเดินออกจากบริเวณหน้าคฤหาสน์หลังงาม แต่ก็ถูก
คาซานเอ่ยเรียกไว้เสียก่อน