บทที่ 6
“เดี๋ยวครับ คุณไอริณ”
ไอริณหันมามองตามเสียงเรียก และก็ได้รับคำเตือนจากคาซานว่า
“ระวังตัวด้วยนะครับ ในมอสโคว์โจรล้วงกระเป๋ามีค่อนข้างเยอะ ระวังทรัพย์สินของคุณด้วย”
“ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
ไอริณกะพริบตาถี่ๆ ฝืนยิ้มให้กับอีกฝ่าย ก่อนจะเดินคอตก เท้าเล็กก้าวช้าๆ อย่างคนสิ้นหวังมุ่งตรงไปยังสถานีรถไฟใต้ดิน เพื่อหาทางกลับไปโรงแรมที่พัก วันนี้เธอขอตามหาบิดาเพียงเท่านี้ ขอพักเอาแรงก่อน แล้วพรุ่งนี้จะเริ่มต้นตาม
หาบิดาอีกครั้ง
คาซานถอนหายใจยาว เห็นท่าทีของไอริณแล้วก็ยิ่งเกิดอาการสงสารและเห็นใจหญิงสาว แน่นอนว่าเขาสงสารหญิงสาวกระทั่งยอมขัดคำสั่งของเจ้านายหนุ่ม ซึ่งสั่งเด็ดขาดว่าห้ามยุ่งเกี่ยวกับทุกคนที่เป็นญาติมิตรหรือลูกน้องของอังเดร โคโลเซฟ
นั่นก็เพราะว่ามาเฟียเฒ่าอย่างอังเดร โคโลเซฟกับมาเฟียหนุ่มดีเดือดอย่างเจ้านายของเขา ‘นิโคไล เทราคอฟ’ มีเหตุให้ปะทะฉะดะกันมานานหลายปีแล้ว
และแน่นอนว่าคฤหาสน์หลังนี้นิโคไลไม่ได้ซื้อต่อจากอังเดร ดั่งที่เขาโกหกไอริณ แต่นิโคไลได้คฤหาสน์หลังนี้มาอยู่ในครอบครอง เพราะอังเดรเล่นคาสิโนแพ้นิโคไล เจ้านายของเขาต่างหาก
“ไปส่งเธอกลับโรงแรมท่าจะดีกว่าให้กลับด้วยตัวเอง”
คาซานพึมพำบอกกับตัวเอง คงเป็นเพราะดวงตาคู่สวย ที่เผยแววเศร้าสร้อยแถมยังมีหยาดน้ำตาคลอเบ้าให้เห็น จึงทำให้เขาเกิดอาการเห็นอกเห็นใจระคนสงสารไอริณ ไม่อยากให้หญิงสาวต้องกลับโรงแรมท่ามกลางอากาศอันเลวร้าย ซึ่งละอองหิมะยังคงตกพร่างพรูไม่มีหยุด
เมื่อคิดเช่นนั้น คาซานก็ก้าวเท้ายาวๆ เดินตามไอริณ ซึ่งเดินไปได้ยังไม่ไกลนัก พร้อมกับเอ่ยเรียกหญิงสาวไว้อีกครั้งด้วย
“คุณไอริณครับ เดี๋ยวก่อนครับ”
ไอริณหันมามองคาซาน ซึ่งเอื้อมมือมาแตะเบาๆ ที่ต้นแขนของเธอ แต่ไม่ทันได้เอ่ยถามว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร ขณะเดียวกันนั้น คาซานไม่ทันได้ทำตามที่ใจต้องการ ก็ต้องสะดุ้งกับเสียงบีบแตรรถที่ดังลั่นอยู่ข้างหลังตัวเขา พอหันไปมองตามที่มาของเสียง ก็ต้องหน้าถอดสี เมื่อคนนั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถ ลดกระจกรถลงพร้อมกับเค้นถามเสียงห้วนจัด บ่งบอกถึงอารมณ์ที่กำลังขุ่นมัวอยู่ในขณะนี้
“นายจะยืนต่อรองราคากับอีตัวอีกนานไหม คาซาน!”
“เอ่อ...ผมเปล่าครับ เจ้านาย”
ในขณะคาซานเอ่ยปฏิเสธรัวเร็ว ไอริณก็หน้าตึงเพราะความโกรธ แม้จะฟังไม่ออกว่าคนที่นั่งอยู่ในรถพูดว่าอะไร ทว่า...สายตาของอีกฝ่ายที่จ้องมองมายังตัวเธอนั้น ทำให้ไอริณรู้ว่าเขากำลังดูถูกดูแคลนเธออยู่
“ขึ้นรถ!” เจ้าของดวงตาคมยังคงกระชากเสียงสั่งลูกน้องเหมือนเดิม
“ครับๆ เจ้านาย”
คาซานไม่มีเวลาสำหรับการกล่าวลากับไอริณ เขาก้าวขึ้นไปนั่งบนรถยนต์ ยังไม่ทันได้ปิดประตู รถสปอร์ตราคาแพงลิบก็กระชากออกอย่างรวดเร็ว และดูเหมือนว่าคนขับจงใจราวีไอริณอย่างเต็มที่ เพราะขณะกระชากรถออก เขาแกล้งขับรถเข้าไปใกล้หญิงสาวแทบจะเฉี่ยวโดนร่างบางระหง หากไอริณไม่กระโดดหลบจนล้มลงไปนั่งคลุกอยู่กับละอองหิมะที่ขาวโพลนเต็มท้องถนน
“บ้าจริงๆ คิดว่าขับรถราคาเป็นล้านๆ แล้วจะชนคนอื่นได้ตามอำเภอใจหรือยังไงกัน”
ไม่ใช่แค่เพียงตะโกนด่าเท่านั้น แต่ไอริณคว้าหิมะได้หนึ่งกำมือ ก่อนจะขว้างตามหลังรถสปอร์ต ดวงตากลมโตจ้องมองเขม็งด้วยความโกรธจัด เกลียดเจ้าของรถคันนี้นัก คิดว่าตัวเองร่ำรวยเป็นอภิมหาเศรษฐี แล้วมีอภิสิทธิ์ใช้ถนนแค่เพียงฝ่ายเดียว เพราะเห็นได้ชัดว่าเมื่อสักครู่อีกฝ่ายจงใจขับรถเฉี่ยวเธอ หากหลบไม่ทัน สงสัยเธอคงได้กลับบ้านเก่าอย่างแน่นอน...
“นายว่างงานมากนักหรือยังไง ถึงมาต่อรองราคากับอีตัวอยู่หน้าบ้าน”
นิโคไล เทราคอฟ คือเจ้าของดวงตาคมกริบ ที่กำลังเค้นเสียงถามคาซานห้วนๆ ตามอารมณ์ที่ขุ่นมัวอยู่ในขณะนี้
“เปล่าครับเจ้านาย ผมไม่ได้ทำแบบนั้นครับ” คาซานแก้ต่างให้กับตัวเอง
“เปล่ายังงั้นหรือ? ก็เห็นชัดๆ ว่านายยืนคุยกับโสเภณีคนนั้น กระทั่งลืมหน้าที่ของตัวเอง และที่สำคัญ นายไม่ยอมรับโทรศัพท์ของเราด้วย”
นิโคไลยังคงเล่นงานลูกน้องไม่เลิก เขาหัวเสียตั้งแต่รับโทรศัพท์แจ้งเรื่องการโดนหักหลังจากลูกน้องคนหนึ่ง ที่บังอาจมากระตุกหนวดเสือ และยิ่งหัวเสียหนักกว่าเดิมเมื่อตามหาคาซานไม่พบ เมื่อโทรศัพท์หาอีกฝ่ายก็ไม่รับโทรศัพท์ของเขา พอเห็นลูกน้องคนสนิทยืนคุยต่อรองราคากับโสเภณีอยู่หน้าบ้าน อารมณ์ที่ขุ่นมัวอยู่แล้วก็ถึงระเบิดเดือดด่าลูกน้องโดยไม่สนใจฟังคำอธิบายทั้งสิ้น