บทที่ 3
“ใช่แล้วลูก...เพราะความโกรธ...น้อยใจ แม่จึงหนีจากพ่อมา และที่สำคัญแม่ไม่ยอมบอกพ่อด้วยว่า แม่กำลังตั้งท้องได้เดือนเศษแล้ว...”
“เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมคุณแม่ถึงหนีคุณพ่อมา”
“คุณย่าไม่ชอบสะใภ้คนไทย ต้องการให้คุณพ่อแต่งงานกับชาวรัสเซียด้วยกัน และคุณพ่อก็ทำตามที่คุณย่าต้อง
การ เขากำลังจะพาผู้หญิงอีกคนเข้ามาอยู่ในบ้าน...” บุษกรเอ่ยบอกลูกสาวพร้อมกับน้ำตานองหน้า เมื่อถึงอดีตอันแสนเจ็บปวดของตนเอง
“แม่เสียใจ ใจสลายกับการกระทำของคุณพ่อ แม่จึงหนีกลับมาประเทศไทย และเพราะโกรธคุณพ่อ แม่จึงโกหกริณว่าพ่อทิ้งพวกเราไป แม่ขอโทษที่โกหกริณแบบนั้น”
“คุณแม่ไม่ต้องขอโทษไอริณนะคะ คุณแม่ไม่ผิดหรอกค่ะ” ไอริณคลี่ยิ้มให้มารดาพร้อมกับกุมมือท่านไว้แน่น ขณะเอ่ยถามต่อ
“ทำไมคุณแม่ถึงต้องการให้ไอริณไปหาคุณพ่อคะ”
“แม่อยากให้พ่อรู้ว่าเขามีริณเป็นลูกอีกคน แม่อยากให้ริณไปอยู่กับพ่อ พ่อของริณเป็นมหาเศรษฐี ริณควรมีชีวิตที่ดีกว่านี้”
ไอริณส่ายหน้าปฏิเสธในทันที “ไม่ค่ะ ไอริณไม่ไป ไอริณจะอยู่กับคุณแม่”
“แม่คงอยู่ได้อีกไม่นาน แม่เขียนจดหมายถึงคุณพ่อ ริณเอาจดหมายฉบับนี้ไปให้คุณพ่อนะลูก”
จดหมายที่เขียนด้วยภาษารัสเซีย ถูกเขียนขึ้นหลังจากรู้ว่าตนเองเป็นมะเร็งในระยะสุดท้าย มีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน บุษกรจึงเขียนขอโทษสามีที่หนีอีกฝ่ายมาพร้อมกับลูกน้อยในท้อง นอกจากนั้นได้วิงวอนระคนขอร้องให้สามีได้ดูแลไอริณหลังจากนางตายไปแล้ว
ไอริณมีสีหน้าเศร้าหมอง ขอบตาร้อนผ่าวมีน้ำตาเอ่อคลอในตลอดเวลา หญิงสาวพึมพำเอ่ยปฏิเสธกับคำขอร้องของมารดา
“ไอริณไม่อยากทิ้งคุณแม่ไปในตอนนี้ค่ะ เราโทรศัพท์หรือติดต่อคุณพ่อด้วยวิธีอื่นไม่ได้หรือคะ”
บุษกรส่ายหน้าปฏิเสธ ใบหน้าซีดเซียวผอมโซเพราะพิษโรคร้ายเต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย “แม่เคยลองโทรศัพท์ไปหาคุณพ่อแล้ว แต่หมายเลขโทรศัพท์ของคุณพ่อหมายเลขนั้น ถูกปิดบริการไม่สามารถติดต่อได้ ริณต้องไปหาคุณพ่อที่มอสโคว์ เอาจดหมายไปให้คุณพ่อ...คุณพ่อจะได้เห็นริณด้วย”
“ไอริณจะตามหาคุณพ่อเจอได้ยังไงคะ แล้ว...คุณพ่อจะเชื่อหรือคะว่าไอริณเป็นลูกของเขา และอีกอย่างเราก็ไม่มีเงินมากพอสำหรับซื้อตั๋วเครื่องบินไปประเทศรัสเซีย”
ไอริณเต็มไปด้วยความกังวลใจ บิดาของเธอเป็นถึงมหาเศรษฐี จู่ๆ เธอก็โผล่ไปบอกว่าเป็นลูก! แน่นอนว่าเขาคงไม่เชื่อในคำพูดของเธอ อีกทั้งยังทุกข์ใจเรื่องเงินทองสำหรับใช้จ่ายในการเดินทางไปตามหาบิดาด้วย
“เชื่อสิลูก แค่เพียงเห็นหน้าริณ คุณพ่อก็จะรู้ได้ทันทีว่าริณเป็นลูกของเขา...นั่นก็เป็นเพราะว่าริณมีใบหน้าที่เหมือนคุณพ่อมาก ส่วนเรื่องค่าตั๋วเครื่องบิน...แม่...มีเงินเก็บในบัญชีธนาคาร...รินไปถอนมาแล้วเอาไปซื้อตั๋วเครื่องบินและไว้ใช้จ่ายตอนอยู่รัสเซียนะลูก”
“ไอริณ...กลัวว่าคุณพ่อจะไม่เชื่อค่ะ” ไอริณเผยความหวาดหวั่นให้มารดาเห็นอีกรอบ
“ไม่ต้องกลัวลูก พ่อจะต้องเชื่อในหลักฐานที่ริณนำไปด้วย คุณพ่อให้แหวนแต่งงานกับแม่ บนตัวแหวนสลักนามสกุลของคุณพ่อไว้ แม่เก็บแหวนพร้อมกับจดหมายที่เขียนถึงคุณพ่อไว้ในลิ้นชักในห้องนอนของแม่ ริณเอาแหวนไปให้คุณพ่อด้วยนะลูก”
“คุณแม่คะ...ไอริณไม่อยากไปมอสโคว์ ไม่อยากไปตามหาพ่อเลยค่ะ...ถ้า...ถ้าไอริณไปแล้ว ไอริณกลัวว่ากลับมาจะไม่ได้เห็นคุณแม่อีก”
“อย่าร้องไห้ลูก...” ผู้เป็นแม่พยายามยกมืออันไร้เรี่ยวแรงไปซับน้ำตาให้ รู้ว่าลูกสาวกำลังหมายถึงอะไร
“ทำเพื่อแม่สักครั้งให้แม่มีความสุข...แม่สัญญาว่าจะอยู่รอจนกว่าริณจะกลับมานะลูก”
“สัญญานะคะ สัญญาว่าแม่จะอยู่รอไอริณกลับมา” ดวงตาอันแดงก่ำทอดมองมารดา บีบมือเล็กเหี่ยวย่นไว้แน่น ขณะขอคำมั่นสัญญาจากท่าน
“ไอริณจะเอาจดหมายและแหวนไปให้คุณพ่อ แต่...ไอริณขอเวลาแค่เพียงเจ็ดวันเท่านั้น ไม่ว่าจะพบคุณพ่อหรือ
ไม่ และไม่ว่าคุณพ่อจะยอมรับหรือปฏิเสธว่าไอริณไม่ใช่ลูกของเขา ไอริณจะกลับประเทศไทย คุณแม่สัญญากับไอริณแล้ว คุณแม่ต้องรอไอริณกลับบ้านนะคะ”
“จ้ะ...แม่สัญญาจ้ะ...”
ผู้เป็นมารดารับคำลูกสาวพร้อมกับฝืนยิ้มให้ด้วย ทว่าไอริณกลับรู้สึกใจคอไม่ดี แม้ไม่อยากทำตามที่มารดาขอ
ร้อง แต่พอเห็นแววตาอันเต็มไปด้วยความหวังของท่าน ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ เธอต้องไปประเทศรัสเซีย ไปตามหาพ่อ ไปทำตามความปรารถนาของมารดา ซึ่งเป็นคำขอร้องครั้งสุดท้ายในชีวิตของท่าน...