บทที่ 3 เลขาจอมยุ่ง 1
กรุงเทพฯ ประเทศไทย
“โอ๊ยๆๆๆ โอ๊ย...ทำไมงานมันเยอะอย่างนี้เนี่ย ยิ่งทำยิ่งเยอะ บอสจอมบ้าพลังขยันทำงานอะไรหนักหนา งานถึงได้ท่วมโต๊ะทำไม่เสร็จสักที”
อทิตยาบ่นอุบ มองกองเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะแล้วนึกท้อ เธอต้องทำให้เสร็จภายในวันนี้ แล้วท่วมโต๊ะอย่างนี้จะเสร็จกี่โมงกี่ยาม เย็นนี้เธอมีนัดกับเพื่อนสนิทที่ไม่ได้พบกันเกือบเดือน ถ้าไม่เสร็จตามคำสั่งของเจ้านาย เธอก็ย้ายก้นไปไหนไม่ได้
“บ่นอะไรยุง แกบ่นดังเกินไปนะ ระวังเถอะหูเรดาร์ของบอสจะได้ยิน” วาสนาเพื่อนร่วมงานที่นำเอกสารมาให้กล่าวเตือน
“ได้ยินก็เกินไปแล้วเพราะบอสไปข้างนอก ฉันถึงบ่นยังไงล่ะ”
อทิตยาตอบอย่างไม่เกรงว่านฤเบศร์ เวฬุวัฒน์ บอสใหญ่แห่งบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เจ้าของกิจการด้านโลจิสติกส์ที่ใหญ่ติดอันดับต้นๆ ในอาเซียน และเป็นเจ้าของเครือโรงแรมที่มีมากกว่าสิบแห่งทั่วประเทศไทยจะได้ยิน เพราะถ้าได้ยินเธอจะคิดว่า นฤเบศร์มีหูทิพย์
“มิน่าล่ะ แกบ่นซะดังเชียว”
“บ่นสิ ทำไมจะไม่บ่น แกดูงานสิ ก่อนออกไปข้างนอกโยนโครมมาให้ฉันเยอะแยะเลย ทำอย่างกับว่าฉันมีสิบมือ สิบหัวอย่างนั้นแหละ ถ้าไม่ติดว่าเงินเดือนดี สวัสดิการเลิศแล้วฉันยังไม่ผ่านโปรล่ะก็ น่าดู” อทิตยาพูดเหมือนมีความแค้นในใจ
“ทำไมยุง แกจะทำอะไร” วาสนาซักไซ้ สีหน้าอยากรู้เต็มที่
“ก็ทำงานต่อน่ะสิ ถามได้” อทิตยากระแทกเสียงตอบ
“โธ่เอ๊ย! นึกว่าอะไร ฉันนึกว่าแกจะไปถล่มบอสเสียอีก” วาสนาพูดอย่างหมดลุ้น
“ใครจะบ้าถล่มเจ้านายตัวเองล่ะ เดี๋ยวได้ตกงานกันพอดี งานยิ่งหายากอยู่ด้วย เจ้านายของเราใช่ย่อยซะที่ไหน เผด็จการก็ที่หนึ่ง หน้าบูดอย่างกับตูดลิงก็ที่สอง ที่สามก็ชอบสั่งนู่นสั่งนี่ สั่งๆๆๆๆ ดีแต่สั่ง เป็นง่อยหรือเปล่าก็ไม่รู้ ขนาดจะกินน้ำยังไปหยิบเองไม่ได้เลย เซ็งชะมัด”
เลขาสาวยังบ่นบอสใหญ่กระปอดกระแปดไม่หยุด โดยไม่รู้ตัวว่าคนที่ถูกบ่นกลับมาบริษัทเร็วกว่าที่บอกไว้ เขายืนกอดอกพิงฝาผนัง ฟังเสียงบ่นของอทิตยาอย่างใจเย็น แต่คนที่เห็นร่างบอสรูปหล่อถึงกับตาค้าง ใบหน้าซีด กำลังจะขยับมือสะกิดอทิตยา แต่นฤเบศร์ห้ามไว้ด้วยการส่ายมือแล้วนำนิ้วชี้มาอยู่กลางริมฝีปาก วาสนาจึงหยุดการกระทำทั้งปวง นึกร้อนๆ หนาวๆ แทนอทิตยา
“แกลองคิดดูนะ ขนาดฉันจะเลิกงานแล้ว ยังจะเอางานมาให้ฉันทำอีก ไม่รู้จักเวล่ำเวลาบ้างเลย แถมโอทีก็ไม่ให้อีกต่างหาก งกที่สุด” อทิตยาบ่นไม่เลิก เงยหน้ามองเพื่อนที่ทำหน้าอย่างกับเห็นผี “แกเป็นอะไรวาส ทำไมหน้าซีดอย่างนั้นล่ะ ไม่สบายหรือว่าผีหลอกตอนสิบเอ็ดโมง”
เลขาประธานบริษัทถามวาสนาที่ยืนอ้ำอึ้งไม่ตอบคำถาม สายตามองไปยังด้านหลังที่เธอนั่งอยู่ ด้วยความสงสัยอทิตยาจึงหันไปมองตามสายตาของเพื่อน และเมื่อเห็นว่าวาสนากำลังมองใครอยู่ อทิตยาถึงกับสะดุ้ง แต่ก็ยังฝืนทำใจดีสู้เสือ
“บอส” อทิตยาอุทานเรียกชายตัวโตที่เดินมายังโต๊ะทำงานของเธอ
“ฉันขอตัวนะยุง พอดีปวดท้อง” วาสนารีบปลีกตัวทันที ปล่อยให้นฤเบศร์กับอทิตยาเผชิญหน้ากันตามลำพัง
“นินทาอะไรฉันแม่ยุงก้นปล่อง”
เสียงเข้มของนฤเบศร์เอ่ยถาม
“เปล่าซะหน่อย ใครบอกว่ายุงนินทาคะ ยุงกำลังสรรเสริญเยินยอบอสต่างหากล่ะ” เธอแก้ตัวน้ำขุ่นๆ
“ก็ฉันได้ยินเต็มสองหูว่าเธอนินทาฉัน ว่าฉันต่างๆ นานาอย่างนี้ไม่เรียกว่านินทาเหรอ”
“ยุงไม่ได้นินทาจริงๆ นะคะ การนินทามันจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคนถูกพูดถึงไม่ได้ยิน แต่นี่บอสได้ยินก็เท่ากับว่ายุงไม่ได้นินทา ยุงแค่พูดถึงเฉยๆ ต่างหากล่ะคะ” อทิตยาแก้ต่างตัวเอง
“เธอนี่มันจับไม่ได้ไล่ไม่ทันจริงๆ เลยนะ” นฤเบศร์ตาขวางมองหน้าอทิตยาที่เสมองไปทางอื่น ก่อนที่เขาจะปรับสีหน้าและแววตาให้เป็นปกติ กระตุกยิ้มอย่างมีเลศนัย “สงสัยว่าฉันจะให้งานเธอน้อยเกินไป เธอถึงได้มีเวลาพูดจาสรรเสริญฉันกับเพื่อน เดี๋ยวฉันจะหางานมาเพิ่มให้เธอนะ เธอจะได้ไม่มีเวลาพูดมาก”
“โห...บอส อย่างนี้มันแกล้งกันชัดๆ” อทิตยาโวยใส่ “ที่วางอยู่บนโต๊ะนี่มันไม่มากพอรึไงคะ”
“แกล้งที่ไหน ฉันไม่ได้แกล้ง” เขาปฏิเสธ “การแกล้งเป็นการกระทำของเด็กๆ ผู้ใหญ่อย่างฉันไม่ทำหรอกนะ ฉันก็แค่ทดสอบเธอเท่านั้นเองว่า จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพพอที่จะเป็นเลขาฉันเต็มตัวหรือเปล่า เหลืออีกเดือนกว่าๆ ฉันจะประเมินเธอว่าผ่านหรือไม่ผ่าน เธอจะไม่ทำก็ได้นะ แต่ผลออกมาก็คงรู้ว่าเธอจะได้ทำงานที่นี่ต่อหรือเปล่า”
อทิตยาหน้ามุ่ยเมื่อเจอเจ้านายสวนกลับจนตัวเองจุก ไม่คิดว่าเขาจะมาไม้นี้ แล้วมีหรือที่เธอจะกล้าขัดคำสั่งเขา เพราะบริษัทดีๆ มีชื่อเสียง มีความมั่นคงดังเช่นบริษัทแห่งนี้ คงไม่มีใครปล่อยให้หลุดมือไป โดยเฉพาะเด็กบ้านนอกเช่นเธอที่เดินทางเข้ามาเรียนในเมืองหลวงเพื่อหาโอกาสและชีวิตที่ดีขึ้น อทิตยาจะไม่ปล่อยให้โอกาสงามๆ เช่นนี้หลุดมือไปเป็นแน่
“บอสขนงานมาได้เลยค่ะ ขนมาเยอะๆ เอาให้ท่วมหัวยุงก็ได้ ยุงพร้อมที่จะทำด้วยความเต็มใจ”
“ดีมาก” เขายิ้มราวกับเป็นผู้กำชัย “เข้าไปเอางานในห้องทำงานฉันเดี๋ยวนี้เลย ฉันกลัวว่าเธอเข้าไปเอางานช้า วันนี้จะกลับบ้านดึกนะ”
พูดจบ ร่างหนาก็เดินเข้าไปในห้องทำงานทันที โดยมีร่างอรชรของอทิตยาเดินตามเข้าไปติดๆ เพื่อหอบงานที่เจ้านายคัดสรรให้ทำกลับมาที่โต๊ะของตัวเอง