บทที่ 4 เลขาจอมยุ่ง 1.1
ราวหนึ่งทุ่มเศษนลินธาราก็มาถึงร้านอาหารปิ้งย่างภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งใกล้กับแหล่งสถานบันเทิงย่านรัชดา พอมาถึงเธอก็พบว่าวนาธร ลอเร็นโซ รอซซี่ได้มานั่งรอเธอก่อนแล้ว งานนี้เธอต้องขออนุญาตพ่อกับแม่เดินทางมาจากอุบลราชธานีเพื่อมาพบปะกับเพื่อนทั้งสอง
“ลินนึกว่าจะมาคนแรกแล้วนะ โตยังมาก่อนลินอีก”
นลินธาราทักวนาธร
วนาธรมีชื่อเล่นสองชื่อ ชื่อ โต คือชื่อเล่นเป็นภาษาไทย ส่วน เร็นโซ จะเป็นชื่อเล่นทางฝั่งพ่อเรียก
“พอดีโตมาเอายาให้ตาที่โรง’ บาลก็เลยมาเร็ว” เพราะปกติวนาธรจะมาหลังเพื่อนสาวคนสนิทเสมอ
“ยุงบอกว่าจะมาช้าหน่อย งานยังไม่เสร็จ” เธอพูดถึงเพื่อนรักอีกคนหนึ่งที่นัดหมายมาพบเจอกัน
“พูดถึงยุง โตว่าจะหางานให้ใหม่ ดูท่าทางบอสคนนี้จะแบกงานทั้งบริษัทมาให้ยุงทำ นัดกันทีไรช้าตลอด โตล่ะสงสารยุงจริงๆ ทำงานประจำเสร็จก็ต้องไปทำงานพิเศษ เลิกงานก็ตีหนึ่งตีสอง กว่าจะได้หลับได้นอนก็ดึกดื่น ตื่นแต่เช้ามาทำงานอีก เฮ้อ!...”
วนาธรไม่ได้โกรธเคืองที่อทิตยามาล่าช้าทุกครั้งที่นัดหมาย เพราะรู้ดีว่างานประจำของเธอนั้นยุ่งมากแค่ไหน ครั้นจะหางานใหม่ให้ทำอทิตยาก็ปฏิเสธเนื่องจากบริษัทที่ทำอยู่มีความมั่นคง รายได้แม้ว่าจะไม่สมค่าเหนื่อยแต่ก็ดีกว่าไปทำงานที่อื่น ส่วนงานพิเศษนั้นเป็นงานที่เธอเลือกที่จะทำ เป็นเพราะฐานะครอบครัวของอทิตยาไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ หากจะเทียบกับวนาธรและนลินธาราก็ถือว่าห่างไกลกันมากนักโดยเฉพาะวนาธรที่เข้าขั้นเศรษฐี
“ยุงไม่ยอมลาออกหรอก งานดีๆ บริษัทที่มั่นคงและโอกาสที่จะไปทำงานที่นี่มันยากนะ ยุงไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือไปแน่ๆ อีกอย่างอีกเดือนนึงก็จะผ่านโปรแล้ว ถ้าผ่านโปรยุงจะได้รับเงินเดือนขึ้นอีกหมื่นนึง ยุงถึงได้ขยันขันแข็งยังไงล่ะ”
“โตรู้ไงถึงได้สงสารยุง ถูกใช้งานอย่างกับนางทาส สงสัยบอสของยุงจะเป็นง่อยจริงๆ คิดดูนะ ขนาดน้ำในตู้เย็นในห้องทำงานของตัวเองแท้ๆ ยังเดินไปหยิบไม่ได้ ต้องให้ยุงเข้ามาหยิบให้ หมั่นไส้ชะมัด”
อทิตยานำเรื่องของบอสใหญ่มานินทาให้เขากับนลินธาราฟังบ่อยๆ อาจเป็นเพราะอทิตยาเครียดจึงมาระบายให้เพื่อนรักทั้งสองฟัง ซึ่งคนฟังก็อดหมั่นไส้บอสของอทิตยาไม่ได้ ที่ใช้งานเพื่อนของเขาตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ
“เอาเถอะน่า อย่าบ่นเลย คิดเสียว่าเพื่อนของเรายอมรับสภาพเองก็แล้วกัน ลินว่าสั่งอาหารรอยุงเลยก็แล้วกัน แล้วเรื่องที่โตนัดลินกับยุงมา รอให้ครบองค์ประชุมแล้วค่อยคุยกันทีเดียว”
นลินธาราพูดขณะที่หยิบเมนูของร้านมาเปิดดูแล้วสั่งอาหารตามที่ตนกับเพื่อนชอบ ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา อทิตยาก็มาถึงร้านอาหาร
“ขอโทษทีเพื่อน ฉันมาช้าอีกแล้ว” มาถึงอทิตยาก็กล่าวขอโทษเพื่อนเป็นอันดับแรก
“ไม่เป็นไร ฉันสองคนเข้าใจ มาเหนื่อยๆ ดื่มน้ำเย็นๆ ก่อนดีไหม”
นลินธาราปลอบเพื่อน ก่อนจะเรียกพนักงานให้นำน้ำมาเสิร์ฟให้เพื่อนรัก ทันทีที่พนักงานคนนั้นนำน้ำมาเสิร์ฟให้เพื่อนสาวก็ยกดื่มรวดเดียวเกือบครึ่งแก้ว
“กว่าฉันจะสะสางงานกองท่วมหัวเสร็จก็ปาไปเกือบทุ่ม นี่ฉันนั่งพี่วินมานะเนี่ย ไม่งั้นคงยังไม่ถึง”
คนที่เพิ่งดื่มน้ำเสร็จรีบพูด แล้วเธอก็ไม่รอช้าทานอาหารที่เพื่อนสนิทสั่งรอทันที พอกินไปได้สักครู่ การสนทนาเป็นจริงเป็นจังของทั้งสามจึงเริ่มขึ้น
“นายว่ามาโต เรื่องสำคัญที่นายบอกเราสองคนน่ะ” อทิตยาเปิดประเด็น
“คุณอาของฉันจะมาเมืองไทยน่ะ คุณอาบอกว่า คุณย่าคิดถึงฉันมากอยากให้ฉันไปโรม” คำพูดของหนุ่มลูกครึ่งเรียกความตกใจให้สองสาวในทันที
“หา! ว่าอะไรนะ คุณอาของนายจะพานายไปโรมเหรอ ฝันไปหรือเปล่า”
อทิตยาร้องตกใจและคิดว่าเรื่องนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้แน่นอน เนื่องจากพลเอกฤทธิไกร คุณตาจอมเฮี้ยบไม่มีวันยอม แค่ญาติฝั่งพ่อของวนาธรมาเหยียบเมืองไทย ยังพบตัววนาธรยาก แต่นี่คิดจะพากลับไปอิตาลี งานนี้จึงยากหลายเท่าตัว
“ตาของโตไม่ยอมหรอก แค่คุณอาของโตมาหาโตยังยากเลย นับประสาอะไรกับจะพาโตไปโรม ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน”
นลินธารามีความคิดเห็นตรงกับอทิตยา
“โตถึงนัดลินกับยุงยังไงล่ะ โตอยากให้ลินกับยุงช่วยโตหน่อย”
“ช่วยยังไง อย่าบอกนะว่าจะให้ฉันกับลินไปช่วยพูดกับคุณตา ถ้าใช่ ฉันไม่เอาด้วยนะ คุณตาทั้งดุ ทั้งโหด ฉันสยอง” อทิตยาพูดพลางทำท่าตัวขนลุกประกอบ
“ไม่ใช่อย่างนั้น โตมีแผนที่ดีกว่านั้น แต่จะว่าไปไม่ใช่แผนของโตหรอก เป็นแผนของคุณอาริโกน่ะ”
“แล้วแผนมีว่าไง” นลินธาราถาม
“คุณอาจะมาลงเครื่องที่เวียงจันทน์แทนที่จะมาลงที่ไทย เพราะคุณตารู้ทุกอย่างยิ่งกว่าดาวเทียมทหารเสียอีก คุณอาก็เลยจะไปลงที่นั่นแทนแล้วเข้ามาเมืองไทยตรงจุดผ่านแดนมิตรภาพไทย-ลาวที่หนองคาย โตเลยอยากให้ลินไปรับคุณอาตรงชายแดนหนองคายน่ะ แล้วก็วานให้ลินจองโรงแรมในตัวเมืองอุบลให้คุณอาด้วย เพราะถ้าคุณอาจองเองกลัวว่านกรู้จะคาบข่าวไปบอกคุณตาอีก ให้ลินจองในชื่อของลินแต่คนพักคือคุณอาดีกว่า ปลอดภัยกว่าเยอะ”
วนาธรบอกแผนที่นัดแนะไว้กับเอ็นริโกให้สองสาว การเดินทางมาเมืองไทยของเอ็นริโกในครั้งนี้ คุณอารูปหล่อไม่ต้องการให้ฤทธิไกรรู้ตัว เขาจึงคิดแผนนี้ขึ้นมาและคิดว่ามันได้ผล
“เรื่องที่จะให้ลินไปรับคุณอาไม่มีปัญหาหรอก แต่ลินก็ยังสงสัยว่า คุณตาจะไม่รู้เหรอว่าคุณอาของโตมาเมืองไทย โตอย่าลืมสิว่าคุณตาของโตน่ะหูตาเป็นสับปะรดเชียวนะ แค่คุณอามาเมืองไทยก้าวเดียวยังรู้เลย ถ้าลงเครื่องที่เวียงจันทน์แล้วโตเป็นคนไปหาคุณอาที่นั่น ลินว่ามันจะดีกว่านะ มาที่นี่คุณตาก็รู้อยู่ดี”
นลินธารามีความคิดต่าง ไม่ว่าเอ็นริโกจะเข้ามาเมืองไทยด้วยวิธีใด หูตาสับปะรดของฤทธิไกรก็คงรู้อยู่ดี เธอจึงเสนอทางออกใหม่ให้วนาธร
“เออจริงด้วย ฉันเห็นด้วยกับลิน แผนนี้ดีกว่า” อทิตยาเห็นด้วยกับเพื่อนสาว
“ลินกับยุงพูดอย่างกับไม่รู้นิสัยตาของโต” วนาธรพูดเสียงเหนื่อยอ่อน “เธอสองคนลืมไปแล้วเหรอว่า คุณตาสั่งห้ามไม่ให้โตไปเมืองนอก อย่างคราวก่อนโตไปเที่ยวญี่ปุ่นกับแม่ คุณตายังไปด้วยเลยเพราะกลัวว่าคุณพ่อกับคุณอาจะแอบย่องมาหาโต มีเหรอที่โตจะได้ไปลาวตามลำพังโดยไม่มีลูกน้องของตาตามตูด”
“จริงด้วย ลินลืมคิดไป” นลินธาราพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามที่โตบอก ลินจะเป็นคนไปรับคุณอาแล้วพาไปพักที่โรงแรมเอง ว่าแต่คุณอาจะมาเมื่อไหร่”
“คุณอามาถึงเวียงจันทน์ตอนเช้าวันศุกร์ คืนนี้โตจะนัดกับคุณอาอีกทีแล้วจะโทรไปบอกลินนะ ลินก็จองโรงแรมวันศุกร์ก็แล้วกัน” วนาธรนัดหมาย
“คุณอาจะมาพักกี่วัน ลินจะได้จองถูก” นลินธาราถามต่อ
“สักเจ็ดวันก็แล้วกัน เพราะมันไม่แน่นอน”
“อืมได้ ลินจะจัดการให้”
“แล้วฉันล่ะ จะให้ฉันทำอะไร” อทิตยาถามขึ้น เพราะดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีส่วนร่วมในงานนี้ “นัดฉันมาแล้วไม่ให้ฉันทำอะไรเลย ฉันไม่ยอมนะ”
“แม่ยุงจอมยุ่งเอ๊ย” วนาธรเย้าเพื่อน “ไม่ต้องห่วงว่าตัวเองจะไม่ได้ทำอะไร โตมีเรื่องให้ยุงทำอยู่แล้วล่ะ”
“แล้วให้ฉันทำอะไรล่ะ” คนอยากมีส่วนร่วมรีบถาม
“ก็ไปอุบลกับโตไง ถ้ายุงไม่ไปด้วยเดี๋ยวแผนแตก” วนาธรตอบ “โตจะบอกคุณตาว่าจะไปหาลินที่อุบลกับยุง คุณตาจะได้ไม่สงสัย”
“แล้วไปเมื่อไหร่ ถ้าไปวันธรรมดาคงไม่ได้ ช่วงนี้กำลังอันตราย ยังไม่ผ่านโปร ลาพักร้อนไม่ได้ ไม่อยากสาย ไม่อยากหยุด”
อทิตยาเต็มใจช่วยเพื่อน แต่ถึงกระนั้นเธอก็ต้องนึกถึงอนาคตของตนเองเพราะเธอไม่ได้เกิดมามีฐานะร่ำรวย มีอันจะกินเหมือนกับวนาธรหรือนลินธารา ที่มีฐานะห่างกับเธอมาก สองคนนี้ไม่ทำงานก็ยังมีเงินทองใช้ไม่ขาดมือ
“คุณอามาถึงวันศุกร์ เราก็จะไปวันศุกร์เที่ยวบินตอนค่ำๆ ก็ได้ เผื่อยุงงานเยอะ หรือไม่ก็เที่ยวสุดท้ายของวัน ยุงจะได้ไม่ต้องเร่งรีบมาก วันอาทิตย์บ่ายๆ ค่อยกลับ” วนาธรบอกอทิตยา
“ถ้าอย่างนั้นก็โอเค แล้วนี่ฉันต้องไปบอกคุณตาให้นายหรือเปล่า”
“ก็ต้องไปสิ ทำออกบ่อยไม่เห็นต้องถาม” เขาพูดราวกับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่เขาจะไปไหนมาไหน
“โอเค ตกลงตามนั้น นายให้ฉันไปด้วย นายก็ต้องเป็นคนออกค่าตั๋วเครื่องบินให้ฉันนะ ฉันไม่มีตังค์” อทิตยาเว้ากันซื่อๆ กับเพื่อนชายคนสนิท
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง เสี่ยโตจัดให้น้องยุงอยู่แล้วครับ” เขาบอกอย่างใจป้ำ ยักคิ้วให้อทิตยา
“ไปหาหนูๆ ที่อื่นไป ฉันไม่นิยมเป็นเด็กเสี่ย อีกอย่างฉันไม่สวย หุ่นก็ไม่ดี ผิวไม่ขาว ตัวก็เล็ก เอาใจใครไม่เป็น ปากก็ไม่ค่อยดี ครบสูตรของผู้หญิงที่ไม่มีชายแล คงไม่มีเสี่ยมามองหรอก” อทิตยาพูดเหมือนรู้ตัวเอง ข้อด้อยของเธอมีเยอะจนคิดว่า ชาตินี้คงหาสามีไม่ได้เพราะคงไม่มีใครมามองคนอย่างเธอ ที่มักถูกมองเมินจากผู้ชายเสมอ “และฉันก็เตรียมตัวขึ้นคานทองนิเวศน์ไว้ล่วงหน้าแล้วด้วย”
“แต่ลินว่า ยุงก็สวยนะ ถึงจะไม่ฉูดฉาดแต่ก็จัดว่าสวยน่ารัก อีกอย่างผู้ชายบางคนก็ไม่ได้มองที่หน้าตานะ คนสวยๆ แต่นิสัยไม่ดีก็มีเยอะแยะไป ที่สำคัญที่สุดความรักมันอยู่ที่ใจไม่ใช่ใบหน้า ไม่ใช่ฐานะหรือการศึกษา มันอยู่ที่ใจล้วนๆ โตคิดเหมือนลินไหม”
นลินธาราปลอบใจเพื่อน แต่ไม่ใช่ว่าเธอจะพูดเอาใจ อทิตยา หากพูดจากใจจริง ก่อนจะหันไปขอความคิดเห็นกับวนาธร
“ลินพูดมาก็ถูกนะ ถ้ายุงคิดว่าคนหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่จะหาคู่ไม่ได้ โตว่าค่อนประเทศคงไม่มีคู่ครอง ถมไปที่คนไม่สวยไม่หล่อแต่กลับมีแฟนและครอบครัวที่ดี อย่ามองว่าตัวเองด้อยจนเสียความมั่นใจ และถ้ายุงกลัวว่าจะโหนตัวอยู่บนคานล่ะก็ โตจะยอมเสียสละตัวเอง สอยยุงลงมาจากคาน แล้วเราก็มาแต่งงานกันดีไหม”
วนาธรปลอบอทิตยาอีกคน ก่อนจะพูดทีเล่นทีจริง
“แหวะ ฉันไม่เอานายมาทำพันธุ์หรอก นายเป็นเพื่อนฉันน่ะดีแล้ว ถ้าเกิดแต่งงานกัน ฉันคิดไม่ออกว่ามันจะออกมาเป็นรูปแบบไหน” อทิตยาปฏิเสธทันควัน
“โธ่!... อุตส่าห์เสียสละตัวเองหวังจะดึงยุงลงมาจากคาน แต่ดันถูกปฏิเสธเสียนี่ เสียใจชะมัด” เขาทำเสียงผิดหวัง
“เอางี้ก็แล้วกัน ถ้าเผื่อฉันอายุสามสิบห้าแล้วยังไม่แฟน ยังเป็นผู้หญิงที่ถูกเมินอยู่ และตอนนั้นนายก็ยังไม่มีใคร ฉันจะแต่งงานกับนาย” แม่จอมยุ่งของเพื่อนๆ พูดออกไปอย่างนั้นโดยไม่คิดอะไร แต่เธอคงไม่รู้ว่า จุดประกายความหวังเล็กๆ ในหัวใจของวนาธร
“ยุงสัญญากับโตแล้วนะ ห้ามผิดสัญญา” วนาธรยกนิ้วก้อยมาตรงหน้าอทิตยา มองหน้าเธอนิ่งแล้วพูดประโยคต่อมา “สัญญานะ”
ความขี้เล่นทำให้เธอนำนิ้วก้อยไปเกี่ยวนิ้วก้อยของวนาธร เสมือนให้คำมั่นสัญญาต่อกัน
“เออ สัญญา” อทิตยาตอบกลับ
“ว้า... ยุงชิงตัวโตไปแล้ว และถ้าลินอายุสามสิบห้าแล้วยังไม่มีแฟน ลินจะแต่งงานกับใครล่ะเนี่ย สงสัยต้องไปอยู่คานทองนิเวศน์แทนยุงซะแล้ว” คราวนี้นลินธาราโอดครวญบ้าง
“อย่างลินไม่ขึ้นคานหรอกเชื่อยุงสิ แต่ถ้าจะขึ้นคานก็คงเป็นเพราะพ่อบุญเพิ่มที่หวงลินมากๆๆๆๆๆ มากกอไก่ล้านตัวเลยด้วย พ่อของลินต้องลด ละ เลิกหวงลิน รับรองมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มาสมัครเป็นสามีกันเป็นทิวแถวแน่นอน เชื่อหัวไอ้ยุงเถอะ”
“เอาน่า ถ้าถึงตอนนั้นเดี๋ยวหาหนุ่มๆ ให้ แต่ต้องให้พ่อของลินเลิกหวงลินก่อนนะ โตกลัวถูกไม้ตะพดแพ่นหัว กลัวหัวแตก”
“เชื่อเถอะว่า คนอย่างลินไม่ขึ้นคานหรอก บางทีอาจจะมีหนุ่มใจกล้าบ้าบิ่นแหวกไม้ตะพดของพ่อบุญเพิ่มมาจีบลินก็ได้ ประเภทรักจริงหวังแต่ง ไม้ตะพดไม่กลัวแต่กลัวไม่ได้ลินเป็นเมีย”
อทิตยาพูดติดตลก และนั่นก็ทำให้เพื่อนทั้งสองคนยิ้มด้วยความขำขัน
“แล้วโตจะคอยดูว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แต่ตอนนี้กินต่อเถอะดูท่าทางยุงจะหิวน่าดู ดูสิ ฟาดเรียบไม่มีเหลือคงต้องสั่งอีกชุดแล้วล่ะ” วนาธรพูดจบก็หยิบเมนูมาสั่งอาหารเพิ่ม ก่อนที่สามเพื่อนสนิทจะลงมือทานอาหารกันต่อไป
แผนการของเอ็นริโกที่จะมาพบหลานของตัวเองก็ดูท่าว่าจะไปได้สวย เพราะมีเพื่อนรักทั้งสองคอยช่วยเหลือ งานที่ว่ายากก็ง่ายขึ้นเป็นกอง ต่อจากนี้ก็ต้องลุ้นว่า ท่านพลเอกฤทธิไกรจะได้ข่าวของคุณอาสุดหล่อที่จะมาเมืองไทยในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้หรือไม่