บทที่แปด ...เพียงแค่เรา (๑)
บทที่แปด
...เพียงแค่เรา
พสุธาเข้าไปในห้องนอนเห็นภรรยาหลับสนิทก็ไม่อยากกวน เขาเอาแผ่นเจลลดไข้ออกจากหน้าผากแล้วเช็ดตัวให้เธออีกรอบ เมื่อเห็นว่าตัวเริ่มเย็นแล้วก็สบายใจคราวหลังคงต้องระวังมากกว่านี้ ในน้ำไม่ได้เป็นบนบกธรรมดาแล้วกัน คิดพลางอมยิ้มเดินถือกะละมังใบเล็กออกไปเปลี่ยนน้ำ
ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเท่าไหร่แล้วดาริกาลืมตาขึ้นมามองโดยรอบก็มืดสนิทมีเพียงตะเกียงห้อยไว้ข้างฝาพอส่องสว่างให้เห็นพื้นที่โดยรอบ ยันตัวลุกจากที่นอนรู้สึกดีขึ้นมากแล้วไม่ปวดหัวเหมือนเมื่อเช้า ร่างบางลงจากเตียงลุกออกไปข้างนอกก็ได้ยินเสียงดังขึ้นจากห้องครัว
“โอ๊ยร้อนๆๆ”
“ทำอะไรน่ะ” ทักเสียงดังเพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะทำการเผาครัวอีกครั้ง
“ลุกมาทำไมดีขึ้นแล้วหรือ” ตกใจที่เห็นภรรยาลุกจากเตียง รีบเดินออกมาจากห้องครัวมองด้วยสีหน้าตกใจแบบนี้ เดินเข้าใกล้ร่างบางก่อนจะยกมือโอบเอวเธอเข้ามาชิดตนเองแล้ววัดไข้ด้วยการเอาหน้าผากตนเองไปชิดหน้าผากเธอโดยไม่ให้ดาริกาตั้งตัวเลย
“ตัวเย็นแล้ว” ผละออกแล้วยิ้มอย่างดีใจส่วนอีกคนก็เงียบด้วยรู้สึกร้อนหน้าได้แต่ภาวนาขออย่าหน้าแดงให้โดนล้อเลย
“หายแล้ว ว่าแต่นายเถอะทำอะไรเสียงดัง” มองไปยังต้นเหตุของเสียงก็พบหม้อสองหูวางบนเตาแก๊สแต่เอียงจนกลัวว่าจะหก
“อุ่นข้าวต้มให้เธอว่าจะเอามันมาวางตรงโต๊ะแล้วตักใส่ถ้วยแต่พอดีลืมไปว่ามันร้อน” บอกเล่าหมดเปลือกพลางทำสีหน้ารู้สึกผิด ดาริกาเข้าไปจัดการต่อไม่ได้พูดอะไร
“กินข้าวหรือยัง” ส่ายหน้าทันทีเธอจึงตักข้าวต้มสองถ้วยเผื่อคนไม่ป่วยด้วย ลอบมองเขาแล้วก็นึกหมั่นไส้เพราะพสุธาคนเดียวที่เอาแต่เรียกร้องจนทำให้เธอต้องนอนซมบนเตียงทั้งวันแบบนี้ คิดแล้วใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาเพียงมองผืนน้ำภาพเมื่อคืนก็ลอยวูบเข้ามาเสียแล้ว
“เดี๋ยวช่วยนะ” เข้ามายกถ้วยใส่ถาดออกไปวางที่โต๊ะกินข้าว ยามเย็นลมทะเลพัดจนต้องเอามือจับผมไว้หายางแถวนั้นมามัดด้วยความรำคาญ น้ำเธอก็ยังไม่อาบแถมมีเพียงชุดนอนตัวยาวสีขาวปกปิดร่างกายไว้เท่านั้นชั้นในสักชิ้นก็ไม่มีรู้สึกโล่งแปลกๆ
“กินเยอะๆ นะ” ตักหมูจากถ้วยตัวเองให้ภรรยาหลังจากนั่งทานข้าวเย็นมาสักพัก ท้องฟ้ามืดสนิทมีเพียงแสงสว่างจากดวงจันทร์ให้ได้ชมความงาม ที่เขาพูดก็ไม่ผิดนักว่ามาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์แต่เธอรู้สึกว่าจะเป็นพระจันทร์ขมมากกว่าเพราะตอนนี้ทานอะไรเข้าไปก็รู้สึกขม
“พอแล้วตักมาทำไมเยอะ” เอ็ดเสียงเบาเพราะแค่ที่อยู่ในถ้วยตนเองก็กลัวกินไม่หมด
“รู้ไหมว่าเธอผอมมาก ต่อไปฉันจะขุนเองเวลาจับจะได้เต็มไม้เต็มมือ แต่ว่าด้านบนไม่ต้องแล้วล่ะเพราะเต็มมือดีแล้ว” คำพูดสองแง่สองง่ามสร้างความเขินอายให้ร่างบางแต่ก็กลบเกลื่อนด้วยการมองเขาตาเขียวแทน
“พูดมาก กินไปอย่างเดียวได้ไหม” พสุธาหัวเราะแล้วลงมือกินข้าวจนหมดจึงเดินไปเอายามาให้ เธอรับมากินแล้วลุกขึ้นเข้าห้องไปเอาเสื้อผ้าเพื่อจะอาบน้ำ
“เดี๋ยวๆ จะทำอะไร” หลังจากเก็บของทุกอย่างไปล้างร่างสูงก็เดินออกมาจากห้องครัวเห็นภรรยาถือผ้าขนหนูพร้อมทั้งเสื้อผ้าก็ถลาเข้าไปคว้าไหล่มนเอาไว้เสียก่อน
“ถามแปลก ก็อาบน้ำสิ”
“ไม่ได้ ไม่ให้อาบ” ว่าเสียงดังแล้วยื่นมือจะคว้าของออกจากเธอแต่ดาริกาเร็วกว่าเธอหลบทันมองพสุธาด้วยไม่ชอบใจที่ร่างสูงมาขัด
“ทำไมจะอาบไม่ได้ ฉันนอนมาทั้งวันเหม็นตัวเองจะแย่อาบน้ำแค่นี้มันจะอะไรนักหนา” ร่ายยาวจนพสุธาเงียบไป เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ได้ห้ามปรามอะไรจึงตัดสินใจเดินเข้าห้องน้ำแต่ก่อนจะปิดดันมีคนเข้ามาพร้อมเธอเสียนี่สิ แล้วคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก
“ดินเข้ามาทำไม” มือบางผลักเขาออกแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลคนตัวสูงไม่ขยับเขยื้อนเลย
“ถามแปลก ก็อาบน้ำสิ” เหมือนโดนย้อนเข้าเธอจิ๊ปากไม่พอใจ จากผลักก็เปลี่ยนเป็นตีหน้าอกอย่างหมั่นไส้
“ออกไปเลยฉันจะอาบคนเดียว” ทำหน้าขึงขังหวังให้กลัวแต่พสุธาก็ลอยหน้าลอยตายิ้มใส่ตาใส
“เปลืองน้ำ อาบพร้อมกันเสร็จพร้อมกัน” มือหนาจับมือเธอที่ประทุษร้ายตนเองเอาไว้แล้วโอบเอวบางชิดกายดีที่มีเสื้อผ้ากั้นไว้ไม่ให้รู้สึกว่าใกล้กันเกินไป
“ไม่เอา ฉันไม่อาบกับนายหรอก จะไปไหนก็ไปเลย” บางทีนิสัยดื้อแพ่งของเขาก็ทำให้ดาริกาเริ่มรู้สึกอยากจะบีบชายหนุ่มให้แหลกคามือมากกว่าจะเห็นใบหน้าหล่อยิ้มอย่างผู้มีชัยเหนือเธอแบบนี้
“ไม่ไป จะอยู่กับเมียจะอาบน้ำกับเมีย” คำก็เมียสองคำก็เมียถึงแม้เขาจะไม่กระดากปาก แต่คนฟังอย่างเธอก็ทำให้ไปไม่เป็นได้เหมือนกัน ใบหน้าหวานแดงขึ้นไม่รู้เพราะพิษไข้ที่ยังไม่จางหายหรืออายกับคำพูดตรงๆ แม้จะเป็นคำที่ใช้ทั่วไปก็ตาม ยิ่งสบดวงตาคมที่ส่งแรงปรารถนาก็ทำเอาหลบสายตาแทบไม่ทัน
“พอเลย ฉันเป็นไข้ก็เพราะนายนะ สำนึกผิดบ้างไหม”
“สำนึกผิดสิไม่อย่างนั้นฉันไม่ดูแลเธอดีอย่างนี้หรอก ฉันไม่อยากให้เธออาบน้ำกลัวไข้กลับเดี๋ยวหายไม่ทันฉันก็อดสิ” คำพูดของเขาสร้างความสงสัยแก่เธอ
“อดอะไร” ถามอย่างสงสัยก่อนจะรู้คำตอบเมื่อเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ก็..”
“พอแล้วไม่ต้องตอบ” แค่เห็นรอยยิ้มพร้อมแววตากรุ้มกริ่มก็รู้แล้วและเธอคงไม่ใจแข็งพอที่จะได้ยินคำตอบชวนหัวใจเต้นแรงอีกอย่างตอนนี้ภาพเมื่อคืนผุดขึ้นมาเป็นฉากจนต้องออกจากอ้อมกอดอบอุ่น
“ฉันไม่อาบก็ได้แต่ขอเช็ดตัวล้างหน้าได้ไหม” ข้อต่อรองทำให้พสุธานิ่งไป
“ไม่เอาฉันอยากอาบน้ำเรามาอาบด้วยกันดีกว่า” อีกคนรวนเสียอย่างนั้น ดาริกาทำหน้าไม่พอใจแล้วส่ายหน้า
“ไม่อาบแล้ว ฉันไม่อาบแล้วจะออกไปจากห้องน้ำหลีกทางด้วย” มือบางกอดชุดที่ถือแน่นต้องการปกปิดร่างกายภายในที่เปลือยเปล่ามีเพียงชุดนอนตัวบางปกปิดเท่านั้น
“ทำไมล่ะ เมื่อกี้ยังอยากอาบอยู่เลย พอฉันจะอาบด้วยเธอดันมาหนีเสียอย่างนั้น” ถามกลับเพื่อกวนอารมณ์ร่างบางซึ่งดูเหมือนจะได้ผลเสียด้วย
“พสุธาจะถอยไม่ถอย” ยื่นหน้าเข้าไปหาเธอแล้วส่ายหน้าไปมาช้าๆ
“ไม่ถอย” ยิ้มให้เสียหวานจนไม่รู้เลยว่าอารมณ์ของภรรยาไม่คงที่ เธอยิ้มกลับแล้วปล่อยของที่ถือลงพื้น ลำแขนเรียวได้รูปยกขึ้นไปคล้องคอเขาอย่างไว้อ่อนหวานเปลี่ยนอารมณ์ฉับพลัน
“ไม่ถอยหรือคะ” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างออดอ้อนที่นานครั้งจะได้ยินก็สร้างอารมณ์สีชมพูรอบกายพสุธาจนต้องพยักหน้าให้เธอ
“ถ้าอย่างนั้นก็..ต้องเจอแบบนี้” ใครจะไปทันคิดเล่าว่าเธอจะกระแทกเข่าใส่น้องชายเขาแบบเต็มๆ ไม่มีออมแรงจนต้องรีบกุมส่วนนั้นเอาไว้ตัวงอ ใบหน้าคมเขียวด้วยความจุกอย่างไม่เคยเป็นนั่งลงบนพื้นเงยหน้ามองภรรยาที่ส่งยิ้มมาให้เสียหวาน
“ช่วยไม่ได้ วันนี้นอนนอกห้องไปแล้วกัน” ก้มลงเก็บของขึ้นมาแล้วเดินออกไปจากห้องน้ำปล่อยให้พสุธามองตามด้วยความเจ็บใจ
“ฝากไว้ก่อนเถอะ โอ๊ย” ไม่ผิดที่ว่ากันว่าหมองูตายเพราะงูชายมีนารีมากมายก็ตายด้วยนารีได้เช่นกัน เพราะไม่ระวังจึงต้องมานั่งเจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจแบบนี้ รอให้เธอหายไข้ก่อนเถอะคราวนี้เขาจะเล่นงานไม่ให้ได้หลับได้นอนเลย
หลังจากนั่งสงบให้ลูกชายหายก็เดินไปห้องนอนด้วยความเคียดแค้นกะว่าจะขอแก้เผ็ดสักนิดก็ยังดีพอจะผลักประตูที่ไม่มีที่จับเข้าไปหากลับเปิดไม่ได้เสียอย่างนั้น
“เฮ้ย เป็นอะไรวะ” จับโครงไม้ยาวหวังจะเปิดแต่ก็ทำไม่ได้
“ดาวเปิดประตูเดี๋ยวนี้” เรียกเสียงดังแต่คนข้างในไม่มีการตอบรับ
“ข้างนอกมันหนาวนะ ยุงก็เยอะเปิดเถอะครับ” แพ้ทุกรูปแบบใครจะเชื่อว่านายพสุธาชายที่ขึ้นชื่อเรื่องปราบผู้หญิงมาคราวนี้จะโดนปราบจนอยู่หมัด ได้เพียงเคาะประตูและร้องขอให้ภรรยาเปิดห้องให้แบบน่าสงสาร
“ที่รักครับ สำนึกผิดแล้วครับผมเปิดเถอะ” มือหนาตบประตูที่ไม่มีเสียงเพราะเป็นไม้สานแผ่นบาง
“นอนข้างนอกไปเลย อยากเล่นดีนัก” ได้ยินแต่เสียงตะโกนออกมาก็เริ่มรู้ชะตากรรมตัวเอง
“ไม่เอาแบบนี้สิฮันนีฉันอยากเข้าไปนอนกอดให้ไออุ่นเธอนะ อย่าให้นอนกอดน้องยุงข้างนอกเลย ดาวเหนือคนดี ดาวจ๋า ดาว” แทบจะก้มลงไปกราบหน้าห้องแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าเธอจะมาเปิดเลย
“ไม่เปิดใช่ไหม เธอจะไม่เปิดจริงๆ หรือ” เมื่อไม้อ่อนไม่ได้ผลก็ต้องใช้ไม้แข็งแล้วมาดูสิว่าครั้งนี้เธอจะเปิดให้เข้าหรือไม่
“ถ้าไม่เปิดฉันจะ..นอนกลิ้งตกทะเลเลย” เป็นคำขู่ที่น่ากลัวจนดาริกาได้แต่อมยิ้มขำ เขามีมุมน่ารักเหมือนเด็กน้อยที่ยังไม่โตและชอบออดอ้อนคงเป็นเสน่ห์อีกอย่างที่เธอหลงรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
“อย่าคิดว่าแค่ขู่นะ ฉันคนจริงทำจริงจะบอกให้” ร่างบางเดินไปปิดไฟที่ตะเกียงก่อนจะขึ้นเตียงนอนไม่สนใจคำพูดมากมายจากพสุธาที่พยายามขอร้องให้เปิดประตู
หญิงสาวเหลือบมองเชือกที่เธอใช้ผูกจากโครงประตูกับเสาที่ใกล้กันนั้นยิ้มสมใจ
“ดาว เปิดเถอะที่รัก” ต่อจากนั้นไม่ว่าจะพูดอะไรเธอก็ไม่ได้ยินเพราะหลับไปด้วยฤทธิ์ยา ในขณะที่ร่างบางหลับใหลคนข้างนอกก็นั่งหน้ามู่ตบยุง
“กัดจังเลยโว้ย เดี๋ยวกลับไปพ่อจะไปซื้อเลือดมาเทพื้นให้กินนะลูก” พูดคุยเหมือนคนรู้จักกับยุง มองท้องฟ้าก็แล้วทะเลก็แล้วในใจก็ยังหงุดหงิดไม่หายคราแรกตั้งใจจะแกล้งเมียแต่ดันโดนเอาคืนจนต้องมานั่งพูดคุยกับยุงเล่นที่หน้าห้อง พอไปส่องหน้าต่างเห็นเมียนอนหลับสบายใจก็ทำได้เพียงถอนหายใจออกมา
“คอยดูนะ เข้าไปได้เมื่อไหร่จะจับจูบซะให้เข็ด” หมายมาดเอาไว้อย่างดิบดีแล้วลุกขึ้นเดินไปที่ระเบียง เขาตัดสินใจนอนตรงนั้นกอดตนเองแน่นเพราะไม่มีผ้าห่ม คืนนั้นทั้งคืนก็ได้ยินเสียงตบยุงแปะๆ ดังไปทั่วบริเวณ
แสงแดดยามเช้าส่องสว่างไปทั่วห้องนอน ดาริกาลุกขึ้นพลางบิดขี้เกียจด้วยความเมื่อยขบ เอามืออังหน้าผากตนเองก็ยิ้มออกเมื่อพบว่าตัวไม่ร้อนแล้ว เธอก้าวลงจากเตียงเลือกชุดพร้อมผ้าขนหนูเพื่อไปอาบน้ำ แก้เชือกที่มัดเอาไว้เปิดออกไปเจอกับบรรยากาศยามเช้าแสนสดใสจนต้องสูดเอาอากาศบริสุทธิ์ที่นานครั้งจะได้สัมผัสเข้าเต็มปอด
เธอเดินเข้าห้องน้ำชำระร่างกายที่รู้สึกสกปรกเพราะไม่ได้แตะสบู่มาหนึ่งวันเต็ม ทั้งสระผมล้างหน้าด้วยโฟมที่สามีใจดีซื้อติดมาให้ด้วย รู้สึกสดชื่นจนต้องยิ้มออกมา หลังอาบน้ำเธอก็แต่งตัวด้วยเสื้อยืดสีขาวกับกระโปรงผ้าฝ้ายยาวกรอมเท้าสีชมพูเดินออกมาข้างนอก เอาผ้าใส่ตะกร้าหน้าห้องน้ำเดินเช็ดผมเปียกไปดูบรรยากาศยามเช้าในช่วงเวลาเจ็ดโมงแบบนี้
“ว้ายตายแล้ว” เดินไปที่ระเบียงก็พบหนุ่มร่างสูงนั่งหน้านิ่งอยู่ราวกับไม่มีชีวิต รอบดวงตาคล้ำทั้งใบหน้าก็มีรอยแดง แขนล่ำมีสีแดงเป็นจ้ำพร้อมทั้งรอยที่คาดว่าเกิดจากการเกา
“นี่ไปโดนอะไรมา”
“โอ้โฮ โอ้โฮ ถามมาได้ไปโดนอะไรมา” ร่างสูงลุกขึ้นยืนเดินไปหยุดตรงหน้าภรรยาพลางทำหน้าเหี้ยมที่ดูไม่เข้ากับลุกตอนนี้สักนิด ผมเผ้ายุ่งเหยิงรอยแดงเต็มตัวทั้งรอยคล้ำใต้ตาอีกด้วย สภาพแบบนี้สาวๆ เห็นคงวิ่งหนีกระเจิง
“ดูสิ ดูสิ่งที่เธอทำกับฉันเมื่อคืนนี้ ยุงบินมาจากไหนไม่รู้ทั้งตอมทั้งกัดถ้ายกฉันไปทิ้งทะเลได้มันทำไปแล้ว เกาทั้งคืนนอนก็ไม่ได้ ฮันนีมูนที่แสนหวานของฉันหมดกัน” เป็นครั้งแรกที่เห็นพสุธาร่ายยาวใส่แบบนี้พร้อมทั้งเดินหนีไปเข้าห้องนอน ดาริกาอึ้งไม่รู้จะพูดอะไรเพราะรู้สึกผิดกับเขาจึงเดินตามเข้าไปในห้องเห็นร่างสูงนอนหลับใต้ผ้าห่มก็ยิ่งสงสาร
“ดิน” ตากผ้าขนหนูไว้ที่ราวเสร็จก็นั่งลงขอบเตียงจับไหล่หนาแล้วเรียกเบาๆ
“ไม่สบายหรือเปล่า” เอามืออังหน้าผากอีกฝ่ายก็โล่งใจที่อีกฝ่ายไม่ได้ตัวร้อนเพราะกลัวเหลือเกินว่าจะเป็นไข้เลือดออก
“ไม่ต้องมาตบหัวแล้วลูบหลังเลย ฉันไม่ยกโทษให้หรอก” ดึงผ้าห่มมาปิดหน้าตัวเองจนร่างบางถอนหายใจ เธอลุกขึ้นออกไปข้างนอกโดยไม่ได้พูดอะไรอีก ลับหลังร่างบางเขาก็เปิดผ้าห่มออกมองดูห้องเปล่าๆ ที่ไร้เงาภรรยาคนสวย
“อ้าว ไม่ง้อต่ออีกหรือ” อุตส่าห์คิดมาทั้งคืนว่าจะแก้เผ็ดเธอบ้างแต่ดูสิ่งที่ได้รับคือการถามไม่กี่คำแล้วเดินจากไปอย่างไม่ไยดี ช่างน่าสงสารนายพสุธาเหลือเกินมาฮันนีมูนทั้งทีเมียก็ป่วยแถมถูกไล่ออกไปนอนนอกห้องโดนยุงกัดทั้งคืนอีก ชีวิตมันน่าเศร้าจนอยากดื่มเหล้าเข้มๆ
นอนสักพักก็ได้กลิ่นหอมจนไม่อาจข่มตาหลับได้ ขาก้าวลงจากเตียงเดินตามกลิ่นไปที่โต๊ะอาหารก็เห็นกับข้าวสามอย่างถูกจัดไว้อย่างสวยงามและจานข้าวสวยสองจาน
“ไปล้างหน้าล้างตาแล้วค่อยมากินข้าว” หันไปมองดาริกาที่ถือน้ำมาสองแก้วจัดวางไว้ ใบหน้าหวานไม่ได้มองเขาแต่ไม่รู้ทำไมต้องทำตามที่เธอสั่งด้วยมันอาจจะเป็นความเคยชินของตนเองจึงเดินไปล้างหน้าล้างตาเสร็จจึงมานั่งกินข้าว
“กินเยอะๆ ของชอบนายทั้งนั้น” ได้ฟังแล้วก็แอบอมยิ้ม จริงๆ แล้วเขาก็ไม่มีอาหารจานโปรดหรอกขอแค่เป็นอาหารไทยก็ชอบทั้งนั้นแหละ
“อือ” เห็นพสุธาทำหน้านิ่งไม่ตอบรับอะไรนอกจากกินข้าวไปเรื่อยๆ ดาริกาเริ่มเดาทางไม่ถูกมองจานผัดปลาหมึกใส่ไข่เค็มก็ตักปลาหมึกไปวางไว้ในจานเขาแล้วยิ้มหวานให้