บทที่เจ็ด ...ร้อนระอุ (๒)
“ไม่ขึ้น” ในเมื่อเธอเลือกแล้วเขาก็เลือกเช่นกัน พสุธาดึงดาริกาเข้ามาบดจูบอย่างเร่าร้อนทั้งที่น้ำทะเลเย็นฉ่ำ ร่างสูงใช้ความช่ำชองดึงให้ดาริกาตามเกมที่เขาวางเอาไว้ มือที่จับไหล่เปลี่ยนเป็นคล้องคอเอาไว้แทนก่อนบดเบียดร่างกายเข้าหาไออุ่นจากสามีหนุ่ม ริมฝีปากยังคงไม่ละจากเธอแต่ก็ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวบางของตนเองออก
“เธอเลือกในน้ำเองนะ” ตอบกลับเสียงเจ้าเล่ห์มองแววตาหวานที่ฉายความปรารถนาล้นปรี่ ร่างสูงอมยิ้มสมใจแล้วถอดชุดนอนสีขาวที่ตอนนี้แทบไม่ปกปิดอะไรออกจากตัวเธอ
“ฉันไม่ได้เลือก อื้อ” แหงนใบหน้าขึ้นมองพระจันทร์เมื่ออีกคนใช้มือประคองอกอวบก่อนแตะเบาๆที่ปลายถันจนมันชูชันรับมือหนา
“จับไหล่ฉันไว้นะ” ดาริกากอดคอหนาไว้เพราะกลัวจมเนื่องจากตอนนี้ไม่มีแรงแม้แต่จะตีขาใต้น้ำ ใบหน้าคมอมยิ้มแล้วดึงเธอลงไปใต้ทะเลอย่างไม่ทันตั้งตัว ดาริกาตกใจจนหัวใจเต้นเร็วดังกลองรัวพยายามฝืนขึ้นเหนือน้ำแต่เขาประคองใบหน้าหวานแล้วจูบเพื่อถ่ายเทอากาศจากตนไปให้เธอ น้ำทะเลว่าเค็มแปลกที่เธอรู้สึกว่ามันหวาน แม้จะไม่ดีเหมือนสูดอากาศเองแต่ก็เร่งเร้าอารมณ์จนต้องเบียดกายเข้าหาสามีมากกว่าเดิมจนแทบหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
“อื้อ” ดันเธอให้ขึ้นไปเหนือน้ำเมื่อจูบใต้น้ำจนพอใจ ดาริกาสูดอากาศเข้าปอดแล้วพอพสุธาโผล่มาเธอก็ตีอีกฝ่าย “เล่นอะไรเนี่ย”
“ลองใต้น้ำบ้าง สนุกดีไหม” เป็นคำถามที่ปฏิเสธได้ไม่เต็มคำเพราะลึกๆ ก็รู้สึกดี เมื่อเธอไม่ตอบเขาก็เหมาไปเองว่าเธอชอบร่างหนาจึงเคลื่อนเข้าหาภรรยาจับเธอหันหลังโดยมีร่างหนาโอบกอดเอาไว้จากทางด้านหลัง
“แสงจันทร์สวยไหม” ถามเสียงนุ่มข้างหู ดวงตากลมโตมองดวงจันทร์ในน้ำที่เกิดจากการสะท้อนของแสงก็พยักหน้า
“ฉันดีใจที่เธอชอบ” กอดเธอเอาไว้โดยที่มือก็ทำหน้าที่ได้ดีกอบกุมบัวงามพลางเคล้นคลึงด้วยต้องการสร้างอารมณ์ให้เธอซึ่งได้ผลเพราะมันคือจุดอ่อนของเธอที่ตนเองเพิ่งรู้เมื่อวาน กางเกงเลถูกถอดออกแล้วหายไปแล้วโดยร่างสูงไม่ใส่ใจที่จะหา
“คืนนี้ยังอีกยาวไกลที่รัก” เธอรับรู้ได้ถึงความแข็งขืนที่จ่อด้านหลังตนเอง ใบหน้าหวานแดงซ่านแต่ก็ไม่สามารถห้ามปรามได้เพราะใจก็ยอมรับว่ารอช่วงเวลานี้อย่างน่าอาย มือข้างซ้ายที่เคล้นอกสวยมืออีกข้างก็ค่อยๆ ไล่ระดับลงมาจับกลีบดอกแสนงามแหวกออกก่อนดันตัวตนแข็งขืนเข้าไป แม้ในน้ำจะบังคับยากแต่ก็ไม่เกินความสามารถของตากล้องหนุ่มหล่อ
“จูบหน่อย” ละจากดอกบัวงามมาจับใบหน้าหวานให้หันมารับจูบจากเขา กายสาวแทบแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อเขาเข้ามาภายในแต่พสุธาก็รู้ดีจึงใช้จูบแสนหวานดับความเจ็บปวดเพราะยังไม่ชินกับขนาดของเขาแทน เสียงร่างกระทบกันดังก้องในความรู้สึก
“อื้ออ่าโอ้ย แรงอีก” ร่างสูงยิ้มสมใจเมื่อลูกศิษย์ที่พร่ำสอนเริ่มเรียนรู้บทเรียนที่ให้ไป
“ย่อมได้ ที่รัก” เพิ่มความแรงจนร่างบางเด้งรับไม่ทัน นักเรียนคนเก่งพยายามจำที่สามีสอนและทำตามอารมณ์ปรารถนาเบื้องลึกที่เก็บซ่อนไว้จนในที่สุดปลายเท้าก็แตะจุดสูงสุดแห่งอารมณ์หมาย เขาถอนกายออกแล้วจับเธอหมุนมาซบไหล่
“แค่นี้เหนื่อยได้ไง” ว่ากันว่าอารมณ์ชายย่อมไม่มีวันสิ้นสุด พสุธาเริ่มอีกครั้งโดยที่เธอไม่สามารถประท้วงอะไรได้เลยนอกจากปล่อยตามเลยแม้จะกลัวว่าตนเองจะล่วงลงน้ำแต่เชื่อมั่นในร่างสูงว่าจะไม่ปล่อยเธอจมแน่นอนอีกอย่างคือไม่สามารถห้ามอารมณ์ต่ำในกายที่เริ่มปะทุขึ้นมาอีกรอบได้
ท่ามกลางแสงจันทร์หมู่ดาวสองหนุ่มสาวดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กันจนหมดแรงในน้ำ
“ขอบนเรืออีกนะ” ร้องขออีกรอบ อีกรอบและอีกรอบจนร่างบางแทบรับไม่ไหว เธอหมดแรงในอ้อมกอดเขาบนเรือ ร่างกายเปล่าเปลือยนอนกอดกัน “ลองออนท็อปดูไหม” ร่างบางยังคงหอบเหนื่อยแต่กลับคิดวาดภาพว่าหากเธออยู่ด้านบนร่างเขาจะรู้สึกอย่างไร
“ไม่ไหวแล้วนะ” บอกเสียงแหบหลังจากปล่อยให้เธอครางแสนนาน
“ลองสักหน่อย มาที่รักเดี๋ยวช่วยเอง” ดึงร่างบางที่นอนกอดให้ขึ้นคร่อมตนเอง ให้ตายพสุธาตาพร่าไปหมดแล้วร่างกายขาวนวลราวกับมีแสงรอบตัว ผมยาวสยายที่เปียกน้ำแนบลู่ไปกับลำตัวปิดบังบัวคู่งามเอาไว้จนต้องปัดออกเพื่อบดขยี้ยอดบัวสีสวย เสียงครางดังไปทั่วก่อนเขาจะจับลูกชายที่แข็งตัวจ่อเข้าไปในกายสาว
“ค่อยๆ ขยับ” แม้จะเป็นครั้งแรกที่ลองให้เธอทำท่านี้แต่หญิงสาวก็เรียนรู้ได้เร็ว เธอทำราวกับเขาเป็นม้าให้เธอควบ มือหนายังบีบเคล้นอกคู่สวยเปล่งเสียงตามอารมณ์ที่ปะทุขึ้นมา
“อื้อ ดีมากที่รัก เร็วอีก” สั่งเธอซึ่งอีกฝ่ายก็หัวไวเพิ่มจังหวะให้เร็วขึ้นราวกับทะยานขึ้นบนฟ้าจนในที่สุดก็ถึงเส้นชัย “อื้อ” ร้องพร้อมกันก่อนที่เธอจะซบลงที่ไหล่เขาอีกครั้ง เหนื่อยจนหมดแรงหากเขาต้องการอีกเธอคงไม่ไหวแล้ว
“ดาวจ๋า”
“ไม่ไหวแล้ว ฉันหมดแรงแล้วนะดิน” กลัวอีกฝ่ายจะขออีกเธอจึงพูดขึ้นแม้ตายังคงหลับอยู่ไม่สนใจว่าเขาจะจับส่วนไหนของร่างกายเธอเพราะเหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะห้ามปราม พสุธาอมยิ้มมองร่างบางที่นอนอยู่บนร่างตนค่อยๆ ดึงลูกชายออกจากกายเธอ
“รู้แล้ว นอนเถอะ” ลูบหลังเนียนกล่อมให้เธอหลับแล้วหาชุดนอนของเธอที่ถอดออกมาสวมให้กลัวไม่สบายส่วนตนเองก็ใส่เพียงเสื้อเท่านั้นเพราะกางเกงเขาหายไปแล้ว ค่อยๆ กระเถิบไปเอาไม้พายแล้วนั่งขัดสมาธิโดยมีดาริกานอนบนตัก เขายิ้มอย่างมีความสุขก้มลงจุมพิตหน้าผากมน
“ฝันดีนะ ที่รัก” เธออาจจะคิดว่าเขาพูดลอยๆ หรือแกล้งกวนประสาทแต่ที่จริงแล้วทุกครั้งที่เรียกเธอว่าที่รักเขารู้สึกและหมายความตามนั้นจริง พายเรือเข้าฝั่งก่อนพสุธาจะอุ้มภรรยาเข้าไปภายในบ้าน ดีที่เป็นเกาะส่วนตัวจึงไม่มีใครเห็นของดีที่ร่างสูงโชว์ไม่อย่างนั้นคงได้ขึ้นหน้าหนึ่งเป็นแน่
แม้จะเช้าแล้วแต่ร่างบางก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลย พสุธาที่ตื่นก่อนอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เป็นห่วงเดินมาจับแขนเธอก็ต้องร้องตกใจเพราะภรรยาตัวร้อนเป็นไฟ รีบวิ่งไปยังอีกฝากของเกาะก็พบบ้านปูนสีขาวสองชั้นขนาดกลางมีต้นไม้ปลูกล้อมรอบดูร่มรื่นน่าอยู่
“ป้าสมัยครับ ป้าสมัย” ตะโกนเรียกจนคนข้างในรีบเดินออกมา ป้าสมัยหญิงวัยหกสิบปีรูปร่างท้วมส่วนเสื้อม่อฮ่อมกับผ้าถุงเดินถือตะหลิวออกมาหน้าตื่น
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณดิน” เธอเป็นแม่บ้านดูแลบ้านมานานหลายปี ได้ยินว่าเจ้านายจะมาฮันนีมูนก็จัดบ้านไว้อย่างดีแต่อีกฝ่ายดันจะไปอยู่กะท่อมกลางทะเลเสียอย่างนั้นแถมกำชับไม่ให้ใครไปยุ่งด้วยอีก มีแค่ลุงสมสามีของป้าเท่านั้นที่กล้าไปชวนหาปลาเมื่อวาน
“เมียผมป่วยครับป้า ตัวร้อนมากเลยทำยังไงดี” บอกเสียงกังวลด้วยสีหน้าร้อนรน คนเป็นป้าก็กระวีกระวาดเข้าไปในบ้านหาหยูกยาและนำข้าวต้มที่ทำเพิ่งเสร็จใส่ปิ่นโตพร้อมแนะนำวิธีดูแลคนป่วยให้เสร็จสรรพ
“มาแล้วดาว” วิ่งมาด้วยความเหนื่อยหอบ เขาเริ่มเช็ดตัวเธอและเอาแผ่นเจลแปะหน้าผากมนไล่ความร้อนออก พสุธานั่งเช็ดตัวให้เธอจนอีกฝ่ายเริ่มรู้สึกตัว
“ดาวเป็นยังไงบ้าง” ถามเสียงตื่นเต้นแล้วพยุงเธอให้ลุกขึ้นนั่งใช้หมอนรองด้านหลังให้ดาริกาพิงเตียง
“หิวน้ำ” ได้ยินเธอบอกแบบนั้นก็รีบรินน้ำยื่นให้เธอทันที หลังดื่มน้ำจนหมดค่อยให้เธอทานข้าวต้มของป้าสมัยก่อนจะกินยา
“ขอโทษที่ทำให้ป่วยนะ” จับมือเธอแล้วมองตาขอโทษอย่างรู้สึกผิด เมื่อวานเขาเรียกร้องจากเธอมากเกินไป ในน้ำหลายรอบทั้งยังมาบนเรืออีกไม่แปลกที่หญิงสาวจะเป็นไข้ ดาริกาหน้าแดงเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่เธอกล้าทำแบบนั้น
“ง่วงแล้ว” ทั้งที่เพิ่งตื่นเธอก็บอกว่าง่วงทำทีเอนตัวลงนอนห่มผ้าไปกว่าครึ่งหน้าแล้วหลับตาลง ใบหน้าหวานแดงซ่านด้วยไม่รู้เพราะพิษไข้หรือเขินอายกันแน่ พสุธาเก็บถ้วยข้าวต้มและถ้วยเล็กสำหรับใส่ยาออกไปล้าง
ลับหลังร่างสูงเธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก อายกับเหตุการณ์เมื่อคืนเหลือเกินที่ยอมทำตามใจเขาทุกอย่างทั้งยังร้องจนเสียงแหบ เปิดผ้าห่มดูตนเองก็เบาใจที่มีชุดนอนอีกตัวบนร่างกายคงเป็นเขาที่ใส่ให้เธอ รอยแดงเต็มตัวไปหมดทั้งรอยเก่ารอยใหม่อายจนต้องรีบห่มผ้าไม่ให้คิดถึงสาเหตุของรอยพวกนี้
“นอนได้แล้วดาว นอน” กล่อมตัวเองสักพักก็หลับเพราะฤทธิ์ยา พสุธาเข้ามาดูภรรยาเห็นเธอหลับก็เดินออกไปข้างนอก พสุธาเห็นต้นมะพร้าวมีลูกอยู่เยอะจึงคิดจะปีนขึ้นไปเก็บ เรื่องปีนต้นไม้นี่ขอให้บอกหัดมาตั้งแต่เด็กไม่มีพลาด
“ว้าย คุณดินทำไมไปปีนต้นมะพร้าวแบบนั้นคะ” ป้าสมัยเดินมาพร้อมปิ่นโตอาหารเที่ยงเห็นเจ้านายหนุ่มกำลังเก็บมะพร้าวโยนลงมาข้างล่างก็หัวใจ จะวาย
“เก็บมะพร้าวให้เมียครับป้า เมียผมชอบดื่มน้ำมะพร้าว” จำได้ไม่เคยลืมเรื่องของเธอ
“ได้แล้วก็ลงมาเถอะค่ะ ป้าละกลัวแข้งขาจะหักเอา” มองแล้วก็รู้สึกหวาดเสียวเพราะความสูงของต้นมะพร้าว พสุธาหัวเราะแล้วค่อยๆ ไต่ลงมาจนถึงพื้น
“ป้าเอาไปสักลูกสองลูกสิครับ” มะพร้าวที่เขาปีนขึ้นไปเอาตกเกลื่อนพื้นถึงสี่ห้าลูกจึงแบ่งให้ป้าสมัยเอาไปกินกับสามี
“ขอบคุณนะคะ นี่ป้าก็ทำอาหารมาให้เมียคุณดินหลายอย่างเลยค่ะ” รับปิ่นโตมาแล้วขอบคุณป้าที่อุตส่าห์เอามาให้เพราะหากให้ทำเองกลัวเหลือเกินว่าครัวจะพังก่อนได้กิน ชายหนุ่มถือมะพร้าวและปิ่นโตเข้าไปในบ้าน คงต้องรอเธอตื่นก่อนค่อยทานข้าวระหว่างนี้เขาใช้เวลาในการปอกมะพร้าวเอาน้ำใส่ขันสเตนเลสไว้สำหรับดาริกาโดยเฉพาะ
“เก่งเหมือนกันนะเรา” ชมตัวเองเมื่อมองสิ่งที่ทำเสร็จ ทั้งน้ำมะพร้าวและเนื้อมะพร้าวซึ่งเขาขูดเอาไว้ให้เธอใส่จานอย่างเรียบร้อย ตื่นมาดาริกาต้องภูมิใจในตัวสามีแสนดีคนนี้แน่นอน ฮันนีมูนครั้งนี้จะต้องไม่ล่มเขาเหลืออีกตั้งหลายบทเรียนจะสอนให้เธอได้รู้ ต้องรีบให้นักเรียนคนเก่งหายจะได้ขึ้นบทเรียนต่อไปโดยไม่ถามความสมัครใจเธอสักนิด