บท
ตั้งค่า

บทที่เจ็ด ...ร้อนระอุ (๑)

บทที่เจ็ด

...ร้อนระอุ

ในเมื่อพสุธาบอกอยากกินปลาย่างเธอจึงให้พสุธาก่อไฟจากเตาถ่านเพราะจะได้รสสัมผัสแตกต่างจากเตาแก๊ส แต่ดูท่าอาจจะต้องเปลี่ยนมาใช้เตาแก๊สเห็นเขาก้มๆ เงยๆ มากกว่าชั่วโมงยังไม่มีทีท่าว่าจะมีไฟลุกแต่อย่างใด

“ยากจังเลยดาว เปลี่ยนไปใช้เตาแก๊สได้ไหม” พสุธาร้องขอด้วยใบหน้า ที่เต็มไปด้วยถ่าน ดาริกาหัวเราะออกมาเมื่อมองเขาแต่ก็พยายามหุบยิ้ม

“ไม่เอา ฉันอยากใช้เตาถ่าน” เมื่อมีบัญชามาแบบนั้นคุณพ่อบ้านจะทำอะไรได้นอกจากก้มลงไปเป่าลมให้ไฟลุกอีก มือก็ดำไปด้วยถ่านหน้าก็เปื้อนหมดสภาพหนุ่มกรุงสุดหล่อกลายเป็นพ่อบ้านขายถ่านเสียอย่างนั้น

“เร็วๆ นะ ต้มยำจะเสร็จแล้ว” ได้ยินอย่างนั้นพสุธาก็เร่งเป่าไฟทั้งเอาฝาปิดหม้อมาพัดให้เกิดลมในที่สุดก็สำเร็จเพราะไฟลุกขึ้นมาสูงจนดาริกากระโดดหนี

“ดาวระวังๆ” ไม่รู้ใครเอากระดาษทิชชูมาวางไว้ทำให้ติดไฟดีที่ไม่ใช่วัตถุไวไฟแค่ดับแปบเดียวก็มอดแล้ว

“เกือบไปแล้ว” ถอนหายใจอย่างโล่งอกมองพสุธาที่มีสีหน้าจ๋อยก็สงสาร “ไปรอข้างนอกเถอะเดี๋ยวที่เหลือฉันทำเอง” ร่างสูงพยักหน้าจำยอมปล่อยให้ดาริกาทำต่อ ด้วยความคล่องแคล่วเธอทำอาหารไม่นานทุกอย่างก็เสร็จพร้อมเสิร์ฟ พสุธาอยู่ในชุดเสื้อกล้ามกางเกงเลและแน่นอนเขายังไม่อาบน้ำตั้งแต่เช้าเรียกได้ว่าสกปรกทั้งวัน

“โอ้โฮ น่ากินทั้งนั้นเลย” เห็นอาหารระดับภัตตาคารแล้วก็ตาโต ท้องประท้วงด้วยความหิวเพราะไปทำกิจกรรมที่เหนื่อยมาทั้งวันต้องหาอะไรมาเติมพลังเพื่อจะได้มีแรงสำหรับกิจกรรมคืนนี้ คิดพลางก้มหน้ายิ้มกรุ้มกริ่มคนเดียว

“จะกินไหม” ดาริกาถามเสียงเข้ม

“กินครับผม” รีบเงยหน้ามาตอบแล้วลงมือทานอาหารเย็นทันที เพียงกินคำแรกก็ร้องโอ้โฮตาโตก่อนจะตักคำต่อไปเรื่อยๆ ดาริกาได้แต่อมยิ้มเมื่อเห็นร่างสูงเอร็ดอร่อยกับอาหารที่เธอทำ

“ต่อไปนี้นายห้ามเข้าครัว ฉันกลัวครัวพัง” ห้ามทันทีซึ่งพสุธาก็ไม่ได้มีท่าทีอิดออดกลับรีบพยักหน้ารัวเร็วกลืนข้าวลงคอรีบตอบ

“ไม่เข้าแน่นอน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเธอไปเลย ไม่ยุ่งแล้ว แต่จริงๆ เธออาจจะยังไม่รู้ว่าฉันก็พอมีฝีมือทำอาหารบ้าง อย่างสเต๊กก็ปรุงรสได้ดี” คำโอ้อวดที่กล่าวอ้างดูจะไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อยเมื่อเหตุการณ์ที่เห็นเขาเข้าครัวย้อนมา

“อย่างนั้นหรือ แต่เท่าที่ฉันจำได้นายเกือบเผาครัวตัวเองเพราะทำสเต๊กนะ” เถียงไม่ออกเลยได้แต่ส่งยิ้มแหยให้เธอ

“ตอนนั้นมันผิดพลาดเล็กน้อย คราวหน้าไม่มีทางพลาด เชื่อฉัน” ดาริกาส่ายหน้า “ไม่มีคราวหน้าแน่นอน ครัวคือสถานที่ต้องห้ามสำหรับนาย ถ้าเข้าไปฉันจะไม่ทำอาหารเผื่อให้ไปหากินเอาเอง” เจอประโยคเด็ดขาดเข้าไปพสุธาก็เงียบกริบ

“ตกลงครับ ไม่เข้าไม่ยุ่งเลย แต่ถ้าหิวน้ำล่ะ” ไม่วายถามกวน

“อันนั้นเข้าได้” หลังตกลงกันได้ก็ทานข้าวไปเรื่อย บรรยากาศเย็นสบายลมพัดเอื่อยๆ ฟังเสียงคลื่นดูพระอาทิตย์ตกดินแสนสุขจน ดาริกาเริ่มไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตวุ่นวายลืมไปเลยว่าเคยเอ่ยไม่อยากมา รับประทานเสร็จชายหนุ่มเป็นคนจัดการเก็บจานและเก็บครัวปล่อยดาริกาเดินเข้าห้องเพื่ออาบน้ำ

ท้องฟ้าถูกทาด้วยสีเข้มพระอาทิตย์ลับไปแล้วแทนที่ด้วยพระจันทร์ที่วันนี้มีเพียงเสี้ยวเดียวแต่ก็สวยในแบบที่เป็น

ภายในห้องน้ำมีฝักบัวและเครื่องทำน้ำอุ่นด้วยทั้งโถยังเป็นแบบชักโครกไม่ใช่ส้วมซึม ร่างบางจัดการชำระร่างกายและเปลี่ยนเป็นชุดนอนกระโปรงสีขาวยาวกรอมเท้ามีระบายลูกไม้ที่คอเสื้อดูน่ารักและอ่อนหวาน

“อ้าว อาบน้ำเร็วจังเพิ่งหกโมงครึ่งเอง” เข้าห้องนอนมาก็เห็นพสุธาที่เหลือเพียงกางเกงเลเอ่ยถาม เธอหลบตาเพราะไม่อยากมองหุ่นที่ละลายใจสาว

“ร้อนเลยรีบอาบ” พยักหน้าเข้าใจ

“นายก็ไปอาบได้แล้วอยู่ได้ยังไงไม่อาบน้ำทั้งวัน เหนียวตัวแย่สกปรกมากเลย” ไม่วายจะบ่นเขาอีกพสุธาเลยยิ้มประจบ

“จะไปอาบเดี๋ยวแหละจ้ะเมียจ๋า” คร้านจะเถียงบอกกี่ครั้งว่าไม่ให้เรียกแบบนี้อีก ร่างสูงก็ยังจะพูดจนเธอชินกับมันไปเสียแล้ว พสุธาเดินไปห้องน้ำส่วนเธอก็ไปเก็บผ้าห่มและผ้าปูที่ซักไว้ เชื่อเถอะว่าแดดแรงจริงเพราะแม้ตากไว้ตอนบ่ายโดยไม่ใช้เครื่องซักผ้าปั่นแห้งทั้งผ้าปูที่นอนและผ้าห่มก็แห้งสนิทแถมหอมมากอีกด้วย

จัดการปูที่นอนคนเดียวจนกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว เสร็จแล้วเธอก็ยืนชื่นชมผ้าปูเรียบตึงและผ้าห่มที่คลุมไว้อย่างสวยงามราวกับเรียนการโรงแรมด้วยความภาคภูมิใจ “อุ้ย” จะหันไปมองก็ไม่กล้าเพราะหน้าคมอยู่ใกล้ พสุธาชอบมาเงียบๆ แล้วกอดเธอจากข้างหลังเป็นประจำ

“หอมไปถึงข้างนอกเลย ทั้งที่นอนทั้ง...” เว้นเอาไว้แล้วยื่นหน้ามากระซิบข้างหูเธอ

“เมีย” หลังจบคำพูดหน้าเธอก็ร้อนเห่อเหมือนไฟมาสุม ร่างสูงปล่อยเธอแล้วเดินผิวปากไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพราะตอนนี้ร่างสูงมีแค่ผ้าเช็ดตัวพันเอวเอาไว้ ดาริกาไม่อาจสู้หน้าเขาได้เพราะเห็นแผ่นหลังกว้างมีรอยข่วนเต็มไปหมด ทั้งที่หน้าอกก็มีรอยจูบด้วยไม่ต่างจากเธอเลย..

ตัดสินใจเดินออกไปข้างนอกด้วยใบหน้าแดงก่ำ ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนร้อนแรงได้ขนาดนี้ ยิ่งเสียงที่ร้องออกมาก็ทำเอาอยากเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนีแต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่ามีความสุขมากจริงๆ

“ที่รัก เหลืออีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าเราจะง่วงนอน” มือหนารัดเอวบางมาชิดตนเองแล้วคลอเคลียแก้มเนียนนุ่ม ตอนนี้ราวกับร่างกายของเธอเป็นของเขาไปเสียแล้ว

“ฉันง่วงแล้ว” ดาริดาตัดบทจะเข้าห้องเพื่อหาทางเลี่ยงอ้อมกอดแสนหวาน

“ไม่เอาสิ ยังไม่ง่วงสักหน่อย”

“รู้ได้ไงว่าฉันไม่ง่วง เนี่ยตาจะปิดแล้ว หาว” แสดงสมบทบาทด้วยการปิดปากหาวแต่พสุธากลับหัวเราะออกมากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นแล้วหอมแก้มเธอหนักๆ หนึ่งที

“อย่าโกหกเลย ตาเธอมันฟ้องว่าอยากอยู่กับฉันจะตาย” ผละจากเอวบางมายืนตรงหน้าเธอแล้วจับใบหน้าหวานเงยขึ้นก่อนจะบรรจงจูบอย่างแสนหวาน แม้ว่าจะไม่ทันตั้งตัวแต่ดาริกาก็เริ่มมีประสบการณ์จึงโต้ตอบกลับแบบเงอะงะสร้างความสุขใจให้พสุธา เขาจูบเธอจนแทบหมดลมหายใจก่อนจะปล่อยร่างบางให้ได้เอาอากาศเข้าปอดแล้วก้มลงงับปากล่างอย่างหยอกเอิน

“พอแล้ว” มือเล็กผลักออกแล้วก้มหน้างุดข่มอารมณ์ที่ตีขึ้นมา เคยได้ยินว่าหากได้ลองสักครั้งจะติดใจเธอเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองเพราะแค่โดนจูบเธอก็เตลิดเห็นภาพเมื่อคืนและแปลกที่โหยหาความใกล้ชิดที่มากกว่านี้จึงต้องผลักอีกคนออก

“ไปพายเรือกันไหม” เปลี่ยนอารมณ์ฉับพลันทำให้เธอตามไม่ทัน “ไปนอนดูดาวบนเรือกัน” ไม่รู้ว่าโฆษณาชวนเชื่อหรือเปล่าแต่ดาริกาก็เดินตามไป ร่างสูงจูงมือเธอไปยังเรือซึ่งถูกผูกไว้กับตอไม้อยู่ใกล้ระเบียงนั่งเล่นมีบันไดลงซึ่งเมื่อคืนเธอไม่เห็น

“ลงมาเลย” ยื่นมือมาให้เธอจับในขณะที่เขานั่งบนเรือแล้ว ดาริกาจับมือหนาแล้วขึ้นไปบนเรือรีบนั่งลงกลัวตก เรือทำด้วยไม้สักอย่างดีพื้นเรียบมีเสื่อปูเหมือนเตรียมการมา เธอนั่งข้างหน้าปล่อยให้พสุธาพายเรือออกไป ยามค่ำคืนที่มีเพียงแสงจากดวงจันทร์และตะเกียงตั้งอยู่หัวเรือให้แสงสว่าง พยายามซึมซับบรรยากาศแบบนี้เอาไว้ให้มากที่สุดเพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้มาอีก

“สวยไหม” เห็นเธอเงยหน้ามองดวงจันทร์ก็ถามขึ้น ดวงหน้าคมยิ้มดีใจที่เธอชอบ

“สวยมาก” สาวชาวกรุงไม่เคยพบจึงดื่มด่ำกับสิ่งรอบกายไม่ทันได้สังเกตว่าตอนนี้พสุธาหยุดพายเรือเพราะมากลางน้ำแล้วทั้งยังค่อยๆ เขยิบมานั่งข้างเธออีกด้วย ดีที่เรือกว้างพอจะให้นั่งข้างกันโดยไม่รู้สึกโคลงเคลง

“แต่รู้ไหมว่าเธอสวยที่สุด ยิ่งตอนนี้ยิ่งสวย” ไม่ได้เอ่ยชมเกินจริง ร่างบางในชุดขาวผมดำแผ่สยายเต็มแผ่นหลังมองแล้วคล้ายเทพธิดาลงมาเล่นน้ำเมืองมนุษย์ด้วยซ้ำ ดาริกาหันมามองเขาก็หน้าแดงรีบหลบแสร้งมองผืนน้ำที่กระเพื่อม

“มานั่งตอนไหน”

“นานแล้ว เธอไม่เห็นเอง” บรรยากาศที่เงียบทำให้แม้พูดเบาแค่ไหนก็ได้ยิน และได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวใจที่เต้นรัวเร็ว

“เราแต่งงานกันมาได้หนึ่งเดือนแล้ว เธอ..รู้สึกยังไงบ้าง” ไม่คิดว่าพสุธาจะถามขึ้นมา ดาริกาเม้มปากพลางคิดคำตอบที่ชัดเจนในใจของเธอ หนึ่งเดือนมานี้เธอมีความสุขมาก สุขที่ได้อยู่ใกล้เขา คอยดูแลแม้จะมีบ้างที่บ่นหรือทะเลาะกันแต่พสุธาก็ยอมอ่อนให้จนบางครั้งเธอก็ได้ใจ ติดเขาจนไม่อยากคิด หากวันหนึ่งพสุธามีใครอื่นเธอจะเป็นเช่นไร ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างกันก็แค่เรื่องผิดพลาดไม่ใช่ความรัก

“ก็ดี” ตอบสั้นจนร่างสูงขมวดคิ้วไม่พอใจ

“เดือนหนึ่งมีสามสิบวัน หรือสามสิบเอ็ดวัน เวลาพวกนั้นมันทำให้เธอตอบฉันแค่ก็ดีอย่างนั้นหรือ” เสียงเข้มแบบนี้จะได้ยินเฉพาะตอนที่ไม่ได้ดั่งใจซึ่งน้อยครั้งเขาจะไม่พอใจ

“แล้วจะให้ตอบยาวแค่ไหนให้พูดคำขวัญจังหวัดเลยไหม”

“ดาวอย่าเฉไฉ ฉันถามความรู้สึกเธอจะมาพูดคำขวัญจังหวัดบ้าบออะไรกัน” หากไม่กลัวว่าเรือจะล่มคงได้จับเด็กปากแข็งตีก้นสักทีสองที

“ก็ตอบแล้วไง จะถามอะไรกันนักหนา” คนปากแข็งยังคงมองออกไปเรื่อยไม่กล้าสบตาคมกล้าที่มีแววโกรธกรุ่น

“แล้วถ้าฉันถามว่าทำไมคืนนั้นเธอหนีไปจะบอกว่ายังไง ทำไมวันต่อมาฉันไปหาที่บ้านเธอถึงไปอเมริกาแล้ว ทำไมต้องบล็อกเบอร์ ต้องตัดขาดการติดต่อจากฉัน ตอบฉันได้ไหมดาวว่าทำไม” แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยระคนน้อยใจ ดาริกาไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆ จึงก้มหน้าลงแต่อีกฝ่ายก็เอามือมาเชยคางเธอขึ้น

“ตอบสิ” เพราะไม่มีคำตอบความเงียบจึงปกคลุมไปทั่ว จากบรรยากาศอบอวลด้วยความอบอุ่นกลับเริ่มร้อนระอุเพราะดวงตาคมราวกับมีไฟอยู่ในนั้น

“แค่ตอบฉันว่าทำไมมันยากมากนักหรอ เธอทิ้งฉันไปทั้งที่ก่อนหน้านั้นเราจูบกันเนี่ยนะ” ถามเสียงดังอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ดาริกาเองก็ปัดมือเขาทิ้งอยากจะตะโกนเหลือเกินแล้วหลังจากนั้นผู้ชายหน้าไหนไปเอากับผู้หญิงอื่นต่อแต่ก็เก็บเอาไว้ไม่อาจพูดออกไปให้รู้ว่าเธอหึงเขา

“ฉันไม่มีอะไรจะพูด” ข่มเสียงให้ตอบแบบนิ่งๆ พสุธาถอนหายใจออกมาก้มหน้าลงราวกับต้องการซ่อนความเจ็บปวด

“บางทีฉันก็เหมือนรู้จักเธอ แต่บางทีเธอก็เหมือนเป็นอีกคนที่ฉันไม่รู้จัก ขอร้องดาริกาช่วยพูดอะไรให้มันตรงกับใจได้ไหม” เรียกด้วยชื่อจริงที่นานครั้งจะเอ่ยแบบนี้ หญิงสาวยังคงหนักแน่นที่จะไม่พูดออกไป ความเงียบจึงเป็นคำตอบที่พสุธาได้รับ

“กลับเข้าฝั่งเถอะ” หากอยู่ต่อไปก็รังแต่จะทำให้เสียบรรยากาศไปมากกว่านี้เธอจึงชวนกลับ

“ไม่ ถ้าไม่ตอบก็นอนมันตรงนี้แหละ” ได้ทีก็ดื้อดึงบ้าง

“ดิน พายเรือกลับเดี๋ยวนี้” สั่งเสียงเข้มแต่ชายหนุ่มไม่มีทีท่าจะทำตาม หากเธอพายเรือเป็นก็คงจับไม้พายไปแล้ว แต่เธอพายไม่เป็น

“อยากกลับก็ว่ายน้ำกลับไปเองแล้วกัน” ทั้งสองไม่มองหน้ากันต่างพากันหันไปคนละทางทั้งที่นั่งข้างกัน ดาริกามองผืนน้ำก่อนจะเหลียวมองสามีหนุ่มก่อนตัดสินใจกระโดดลงไปในทะเล

ตูม!

“เฮ้ยดาว!” ตกใจไม่คิดว่าเธอจะกระโดดลงน้ำ ดาริกาว่ายน้ำไม่แข็งเขาจึงเชื่อว่าเธอจะต้องยอมตอบคำถามเขาแต่ลืมไปว่าเธอใจหินแค่ไหน “โธ่เอ๊ย” สบถด้วยไม่พอใจแล้วโดดลงน้ำตามเธอไป

“เธอโดดลงมาทำไม” ด้วยความเป็นแชมป์นักว่ายน้ำเก่าจึงกระโดดลงแล้วว่ายน้ำไม่ถึงนาทีก็จับตัวเธอไว้ได้แล้ว

“ก็นายไม่พาฉันกลับ แล้วยังบอกอีกว่าถ้าจะกลับก็ให้ว่ายไปเองฉันก็ทำแล้วไง” ยอกย้อนจนอยากคว้ามาตีก้นเสียให้เข็ด รู้ทั้งรู้ว่าว่ายน้ำไม่แข็งก็ยังจะดึงดันลงมาอีก เขาหัวเสียเป็นอย่างมากจับมือเธอให้เกาะไหล่หนาเอาไว้

“ว่ายน้ำไม่แข็งยังอวดเก่งอีก มานี่เลย” จะพาขึ้นเรือแต่ดาริกาไม่ยอมขืนตัวเอาไว้

“ไม่ไป จะว่ายไปเอง” ระยะทางที่เขาออกมาดูเหมือนไม่ไกลแต่หากว่ายไปเองก็ไม่ใกล้เลย สำหรับคนที่ว่ายน้ำแข็งยังดูท่าจะไม่รอดแล้วเธอที่แค่นี้ก็เริ่มหอบจะรอดหรือ

“อย่าดื้อ ขึ้นเรือ” เริ่มสลับบทบาทกันแล้วหลังจากพสุธาโดนกดขี่มานาน ครั้งนี้สั่งเธอบ้างด้วยความเป็นห่วงแต่ดูเหมือนภรรยาจะไม่เข้าใจ

“จะขึ้นหรือไม่ขึ้น” ดาริกาส่ายหน้าเป็นพัลวัน ผมยาวเปียกลู่แนบไปกับใบหน้าชุดนอนสีขาวก็แนบลำตัวเห็นไปถึงไหนต่อให้ยิ่งเธอไม่ใส่ชั้นในด้วยแล้วเขาก็ลอบกลืนน้ำลายลงคอ ข่มความอยากที่พุ่งขึ้นมาเร็วจนคาดไม่ถึง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel